พิมพ์ศิริลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็เกือบเที่ยงวันแล้ว พลัน! ลุกพรวดเข้าห้องน้ำ โก่งคออาเจียนอย่างหนัก น้ำตาที่คิดว่าเหือดแห้งไปแล้วเอ่อท้นหลั่งรินอีกครั้งพร้อมๆกับความเครียดเขม็ง เมื่อไม่รู้ว่าตัวเธอเองจะมีปัญญายื้อชีวิตที่กำลังเติบโตอยู่ในร่างกายนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน ในเมื่อชีวิตของผู้ให้กำเนิดกำลังแขวนอยู่บนเส้นด้าย ทางเลือกที่เหลือไว้ให้ไม่ต่างอะไรกับการที่เธอต้องทนมีสภาพเหมือนตายทั้งเป็น..ได้แต่หวังว่าบิดาจะยังพอเหลือทางออกให้เธอบ้าง แม้ว่ามันจะแสนริบหรี่ แต่เธอก็ยังหวังในหนทางแก้ไข เหมือนกับที่บิดาให้เธอเมื่อค่ำคืนที่ผ่านมา
ขอครั้งนี้อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเธอจะไม่ขออะไรจากบิดาอีกเลย..
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวลงมาถามหาบิดา และเมื่อรู้ว่าเขานั่งอยู่ที่ศาลากับมารดา จึงเดินเข้าไปหาด้วยความหวาดหวั่น
ไนท์หันมาเห็นหญิงสาวกำลังเดินเข้ามาใกล้ และพอจะคาดเดาได้ ว่าเธอต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพื่อพูดกับผู้ให้กำเนิด เขาพยักหน้าทักทายเธอเล็กน้อยไม่มีความขุ่นเคืองใจต่อกันแต่อย่างใด ก่อนทำมือทำไม้ส่งสัญญาณเรียกบรรดาลูกน้องที่อยู่ใกล้ให้ถอยห่างออกมาจากศาลา
ศรานั่งมองผิวน้ำกระเพื่อมไหว แม้จะเรียกให้ภรรยามานั่งเป็นเพื่อน แต่สมองของเขากำลังครุ่นคิดเรื่องของบุตรสาว ทั้งความผิดหวังผสานกับความโกรธมันทำให้เขาไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ จิตใจยังระอุด้วยความขุ่นเคืองตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเดี๋ยวนี้ และพานคิดไปว่า หากพิมพ์ศิริเกิดเป็นผู้ชาย คงไม่มีเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน
และเมื่อได้ยินเสียงภรรยาทักบุตรสาวที่เขาไม่รู้ว่าเดินเข้ามาหาตั้งแต่เมื่อไหร่ พร้อมๆกับเพิ่งรู้ตัวว่า บรรดาลูกน้องได้ทิ้งเขาไปหมดแล้ว อารมณ์พานพาโลก็ยิ่งปะทุ
“ทำไมเราหน้าซีดจัง ไม่สบายรึเปล่าลูก”
พิมพ์กมลกำลังจะลุกขึ้นไปดูบุตรสาวใกล้ๆ แต่ถูกมือแข็งของสามียึดข้อมือไว้มั่น ก่อนหันใบหน้ามา ซึ่งเธอรู้สึกตกใจไม่น้อยกับความเกรี้ยวกราดที่เผยชัดบนใบหน้าดุดัน ซึ่งไม่เคยเห็นสามีแสดงความรู้สึกเช่นนี้ต่อหน้าเลยสักครั้ง และยิ่งกับบุตรสาว เธอก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าได้กระทำเรื่องร้ายแรงอะไร ถึงทำให้สามีของเธอโกรธเคืองได้ถึงเพียงนี้
และสายตาที่ลูกสาวมองมานั้นก็เปี่ยมด้วยความทุกข์ทนจนเธอแทบผวาเข้าไปกอดปลอบประโลม แต่ติดที่มือของสามียังคงยึดไม่ปล่อย และยิ่งเพิ่มแรงบีบแน่นจนเธอเริ่มเจ็บ
“คุณกับลูกมีเรื่องอะไรกันหรือคะ”
ศราแค่นเสียงตอบ ขณะที่สายตาเกรี้ยวกราดยังไม่ละจากดวงหน้าบุตรสาว
“ก็นังลูกไม่รักดี มันเห็นศัตรูสำคัญกว่าศักดิ์ศรีของมันเอง และเพราะความโง่งมของมัน ถึงทำให้คนอื่นมาหยามเกียรติ์พ่อของมันให้เจ็บใจเล่น..สิ่งที่พร่ำสอนแกมาทั้งชีวิต มันไม่เคยเข้าหัวบ้างเลยรึไง”
ผู้เป็นมารดาตื่นตะลึงกับน้ำเสียงอันดัง หันมองลูกสาวเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอสองหน่วยตา ก่อนร่างนั้นจะนั่งลงกราบแทบเท้าของผู้ให้กำเนิด
“ขวัญขอโทษที่ทำตัวไม่ดี..ต่อไปจะไม่ทำอะไรให้ป๊าต้องโกรธอีก..กรุณายกโทษให้ขวัญด้วยนะคะ” เธออ้อนวอน พลันสะดุ้งกับปลายไม้เท้าที่กระแทกลงพื้น
“ในเมื่อแกยอมแลกชีวิตกับมัน แกก็ไม่เหลือโอกาสอะไรให้แก้ตัวอีกแล้ว เพราะฉะนั้น ตอนนี้ชีวิตที่เหลืออยู่ของแกเป็นของป๊า ถ้าขืนทำอะไรขัดคำสั่งอีก แกก็ไม่ใช่ลูกของป๊าอีกต่อไป รวมทั้งชีวิตของไอ้หมอนั่น ป๊าก็จะเรียกคืน!”
ประกาศิตที่ลั่นออกมาทำให้คนฟังถึงกับนิ่งงัน เลือดในกายเย็นเฉียบจนร่างกายแทบไม่รู้สึกใดๆ
ศรายันร่างตัวเองลุกขึ้นยืน แต่พิมพ์กมลยังไม่ยอมก้าวไปไหน เพราะพอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ใจเย็นหน่อยเถอะนะคะ ตอนนี้ลูกก็สำนึกผิดแล้ว..คุณก็รู้ ว่าเวลาที่เรารักใครสักคน มันไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับหรือห้ามความรู้สึกกันได้เลย..คุณจะไม่ลองเปิดใจพิจารณาผู้ชายคนนั้นเพื่อลูกบ้างเลยเหรอคะ”
“หึ! เปิดใจเรอะ แล้วพวกมันล่ะ เคยเปิดใจยอมรับผมบ้างไหม ไม่ว่าจะทำอะไรก็คอยจ้องจับผิด คอยแต่จะหาเรื่อง ในสายตาของพวกมัน แค่ผมหายใจก็ผิดแล้ว แล้วเรื่องอะไรจะต้องไปญาติดีกับพวกมันด้วย”
คราวนี้ศรายอมปล่อยมือภรรยา และกระแทกไม้เท้าเดินเขยกไปอย่างขุ่นเคือง โดยไม่เหลือบสายตามองลูกสาวเลยสักนิด แล้วก็โวยวายเรียกหาลูกน้องคนสนิทเสียงลั่น
พิมพ์กมลมองอย่างหนักใจ แล้วก็โน้มตัวลงดึงลูกสาวที่ยังนั่งนิ่งให้ยืนขึ้นเพื่อกอดปลอบประโลม..ลำพังแค่เธอคงไม่สามารถโน้มน้าวอคติของสามีที่มีต่อตำรวจ ให้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้ เพราะความเกลียดชังนี้มันได้ฝังรากหยั่งลึกมานานแสนนานแล้ว
“อย่าคิดมากนะลูก ป๊าคงต้องการเวลาอีกหน่อย เดี๋ยวเขาก็หายโกรธเราแล้วล่ะ”
เธอปลอบพลางลูบเนื้อตัวลูก มองสบดวงตาโศกตรม ก็สงสารจับใจ
“แล้วแม่จะช่วยพูดกับป๊าให้ ขวัญอดทนหน่อยนะ..ตอนนี้ก็เลี่ยงๆไปก่อน แล้วก็...อย่าทำอะไรให้ป๊าโกรธอีก”
หญิงสาวพยักหน้า
“ค่ะแม่..เรื่องทั้งหมดขวัญผิดเอง..แม่ไม่ต้องไปเซ้าซี้ป๊าหรอกนะคะ เดี๋ยวป๊าจะพาลใส่แม่อีกคน”
เธอพูดอย่างสำนึกผิด เกรงว่าผู้ให้กำเนิดทั้งสองจะมีเรื่องผิดใจกัน เพราะเธอเป็นสาเหตุ
“แม่รู้จักป๊าของเราดี เขาน่ะไม่ใจร้ายใจแข็งเหมือนที่เห็นหรอก..เพียงแต่เรื่องนี้มันอาจจะหนักเกินไปสักหน่อย แม่ถึงบอกให้ขวัญอดทนหน่อย แล้วแม่จะหาโอกาสตะล่อมป๊าเขาให้..ป๊าเขารักเรา สักวันเขาก็ต้องยกโทษให้แน่นอน ขวัญไม่ต้องกังวลนะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ แต่ภายในใจนั้นก็อดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่า บิดานั้นยังคงหลงเหลือความรักให้กับเธออีกอย่างนั้นหรือ
“แม่ว่าตอนนี้เราขึ้นห้องไปนอนพักอีกหน่อยเถอะ ดูซิ หน้าซีดยังกับไก่ต้มเลย”
“ค่ะแม่..” หญิงสาวพยักหน้ารับอีกครั้ง
“ดีจ้ะ..แล้ว..ขวัญอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นให้แม่ฟังบ้างไหม” ในที่สุด เธอก็อดที่จะเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ และลึกๆในใจนั้นก็อยากรู้จักผู้ชายที่สามารถพิชิตใจลูกสาวของเธอได้สำเร็จ
แต่พิมพ์ศิริส่ายใบหน้าพร้อมความขื่นขมที่พยายามซุกซ่อนมันไว้ภายในใจ
“มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงเขาค่ะ..ทุกอย่างมันจบแล้ว”
ผู้ให้กำเนิดรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อลูกพูดเช่นนี้ เธอก็ไม่อยากบังคับอะไร แค่นี้จิตใจลูกก็ย่ำแย่พอแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ขวัญขึ้นไปพักผ่อนเถอะ..เดี๋ยวแม่จะไปดูป๊าหน่อย ป่านนี้อาละวาดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”
“ค่ะ”
หญิงสาวมองตามหลังมารดาที่เดินจากไป แล้วก็รู้สึกถึงความหวาดหวั่นภายในใจ ยามนึกถึงคำพูดของบิดา และยอมรับความจริงอย่างเจ็บปวด..นับจากนี้ ชีวิตของเธอเป็นของบิดาแล้ว เธอไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าเป็นหุ่นยนต์ที่ไร้หัวใจ เพราะหากเธอกลับไปมีหัวใจอีกครั้ง ชีวิตของธีรเดชคงถึงคราวดับสูญอย่างแท้จริง
(ต่อค่ะ)
ซีรี่ย์ดอกไม้ หัวใจ ในควันปืน : ปรปักษ์เสน่หา (บทที่ ๒๖)
ขอครั้งนี้อีกแค่ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วเธอจะไม่ขออะไรจากบิดาอีกเลย..
หญิงสาวอาบน้ำแต่งตัวลงมาถามหาบิดา และเมื่อรู้ว่าเขานั่งอยู่ที่ศาลากับมารดา จึงเดินเข้าไปหาด้วยความหวาดหวั่น
ไนท์หันมาเห็นหญิงสาวกำลังเดินเข้ามาใกล้ และพอจะคาดเดาได้ ว่าเธอต้องการพื้นที่ส่วนตัวเพื่อพูดกับผู้ให้กำเนิด เขาพยักหน้าทักทายเธอเล็กน้อยไม่มีความขุ่นเคืองใจต่อกันแต่อย่างใด ก่อนทำมือทำไม้ส่งสัญญาณเรียกบรรดาลูกน้องที่อยู่ใกล้ให้ถอยห่างออกมาจากศาลา
ศรานั่งมองผิวน้ำกระเพื่อมไหว แม้จะเรียกให้ภรรยามานั่งเป็นเพื่อน แต่สมองของเขากำลังครุ่นคิดเรื่องของบุตรสาว ทั้งความผิดหวังผสานกับความโกรธมันทำให้เขาไม่สามารถข่มตาให้หลับลงได้ จิตใจยังระอุด้วยความขุ่นเคืองตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงเดี๋ยวนี้ และพานคิดไปว่า หากพิมพ์ศิริเกิดเป็นผู้ชาย คงไม่มีเรื่องเสื่อมเสียเช่นนี้เกิดขึ้นแน่นอน
และเมื่อได้ยินเสียงภรรยาทักบุตรสาวที่เขาไม่รู้ว่าเดินเข้ามาหาตั้งแต่เมื่อไหร่ พร้อมๆกับเพิ่งรู้ตัวว่า บรรดาลูกน้องได้ทิ้งเขาไปหมดแล้ว อารมณ์พานพาโลก็ยิ่งปะทุ
“ทำไมเราหน้าซีดจัง ไม่สบายรึเปล่าลูก”
พิมพ์กมลกำลังจะลุกขึ้นไปดูบุตรสาวใกล้ๆ แต่ถูกมือแข็งของสามียึดข้อมือไว้มั่น ก่อนหันใบหน้ามา ซึ่งเธอรู้สึกตกใจไม่น้อยกับความเกรี้ยวกราดที่เผยชัดบนใบหน้าดุดัน ซึ่งไม่เคยเห็นสามีแสดงความรู้สึกเช่นนี้ต่อหน้าเลยสักครั้ง และยิ่งกับบุตรสาว เธอก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าได้กระทำเรื่องร้ายแรงอะไร ถึงทำให้สามีของเธอโกรธเคืองได้ถึงเพียงนี้
และสายตาที่ลูกสาวมองมานั้นก็เปี่ยมด้วยความทุกข์ทนจนเธอแทบผวาเข้าไปกอดปลอบประโลม แต่ติดที่มือของสามียังคงยึดไม่ปล่อย และยิ่งเพิ่มแรงบีบแน่นจนเธอเริ่มเจ็บ
“คุณกับลูกมีเรื่องอะไรกันหรือคะ”
ศราแค่นเสียงตอบ ขณะที่สายตาเกรี้ยวกราดยังไม่ละจากดวงหน้าบุตรสาว
“ก็นังลูกไม่รักดี มันเห็นศัตรูสำคัญกว่าศักดิ์ศรีของมันเอง และเพราะความโง่งมของมัน ถึงทำให้คนอื่นมาหยามเกียรติ์พ่อของมันให้เจ็บใจเล่น..สิ่งที่พร่ำสอนแกมาทั้งชีวิต มันไม่เคยเข้าหัวบ้างเลยรึไง”
ผู้เป็นมารดาตื่นตะลึงกับน้ำเสียงอันดัง หันมองลูกสาวเริ่มมีน้ำตาเอ่อคลอสองหน่วยตา ก่อนร่างนั้นจะนั่งลงกราบแทบเท้าของผู้ให้กำเนิด
“ขวัญขอโทษที่ทำตัวไม่ดี..ต่อไปจะไม่ทำอะไรให้ป๊าต้องโกรธอีก..กรุณายกโทษให้ขวัญด้วยนะคะ” เธออ้อนวอน พลันสะดุ้งกับปลายไม้เท้าที่กระแทกลงพื้น
“ในเมื่อแกยอมแลกชีวิตกับมัน แกก็ไม่เหลือโอกาสอะไรให้แก้ตัวอีกแล้ว เพราะฉะนั้น ตอนนี้ชีวิตที่เหลืออยู่ของแกเป็นของป๊า ถ้าขืนทำอะไรขัดคำสั่งอีก แกก็ไม่ใช่ลูกของป๊าอีกต่อไป รวมทั้งชีวิตของไอ้หมอนั่น ป๊าก็จะเรียกคืน!”
ประกาศิตที่ลั่นออกมาทำให้คนฟังถึงกับนิ่งงัน เลือดในกายเย็นเฉียบจนร่างกายแทบไม่รู้สึกใดๆ
ศรายันร่างตัวเองลุกขึ้นยืน แต่พิมพ์กมลยังไม่ยอมก้าวไปไหน เพราะพอจะเข้าใจแล้วว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น
“ใจเย็นหน่อยเถอะนะคะ ตอนนี้ลูกก็สำนึกผิดแล้ว..คุณก็รู้ ว่าเวลาที่เรารักใครสักคน มันไม่มีเหตุผลอะไรมารองรับหรือห้ามความรู้สึกกันได้เลย..คุณจะไม่ลองเปิดใจพิจารณาผู้ชายคนนั้นเพื่อลูกบ้างเลยเหรอคะ”
“หึ! เปิดใจเรอะ แล้วพวกมันล่ะ เคยเปิดใจยอมรับผมบ้างไหม ไม่ว่าจะทำอะไรก็คอยจ้องจับผิด คอยแต่จะหาเรื่อง ในสายตาของพวกมัน แค่ผมหายใจก็ผิดแล้ว แล้วเรื่องอะไรจะต้องไปญาติดีกับพวกมันด้วย”
คราวนี้ศรายอมปล่อยมือภรรยา และกระแทกไม้เท้าเดินเขยกไปอย่างขุ่นเคือง โดยไม่เหลือบสายตามองลูกสาวเลยสักนิด แล้วก็โวยวายเรียกหาลูกน้องคนสนิทเสียงลั่น
พิมพ์กมลมองอย่างหนักใจ แล้วก็โน้มตัวลงดึงลูกสาวที่ยังนั่งนิ่งให้ยืนขึ้นเพื่อกอดปลอบประโลม..ลำพังแค่เธอคงไม่สามารถโน้มน้าวอคติของสามีที่มีต่อตำรวจ ให้เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไปได้ เพราะความเกลียดชังนี้มันได้ฝังรากหยั่งลึกมานานแสนนานแล้ว
“อย่าคิดมากนะลูก ป๊าคงต้องการเวลาอีกหน่อย เดี๋ยวเขาก็หายโกรธเราแล้วล่ะ”
เธอปลอบพลางลูบเนื้อตัวลูก มองสบดวงตาโศกตรม ก็สงสารจับใจ
“แล้วแม่จะช่วยพูดกับป๊าให้ ขวัญอดทนหน่อยนะ..ตอนนี้ก็เลี่ยงๆไปก่อน แล้วก็...อย่าทำอะไรให้ป๊าโกรธอีก”
หญิงสาวพยักหน้า
“ค่ะแม่..เรื่องทั้งหมดขวัญผิดเอง..แม่ไม่ต้องไปเซ้าซี้ป๊าหรอกนะคะ เดี๋ยวป๊าจะพาลใส่แม่อีกคน”
เธอพูดอย่างสำนึกผิด เกรงว่าผู้ให้กำเนิดทั้งสองจะมีเรื่องผิดใจกัน เพราะเธอเป็นสาเหตุ
“แม่รู้จักป๊าของเราดี เขาน่ะไม่ใจร้ายใจแข็งเหมือนที่เห็นหรอก..เพียงแต่เรื่องนี้มันอาจจะหนักเกินไปสักหน่อย แม่ถึงบอกให้ขวัญอดทนหน่อย แล้วแม่จะหาโอกาสตะล่อมป๊าเขาให้..ป๊าเขารักเรา สักวันเขาก็ต้องยกโทษให้แน่นอน ขวัญไม่ต้องกังวลนะ”
หญิงสาวพยักหน้ารับ แต่ภายในใจนั้นก็อดที่จะตั้งคำถามไม่ได้ว่า บิดานั้นยังคงหลงเหลือความรักให้กับเธออีกอย่างนั้นหรือ
“แม่ว่าตอนนี้เราขึ้นห้องไปนอนพักอีกหน่อยเถอะ ดูซิ หน้าซีดยังกับไก่ต้มเลย”
“ค่ะแม่..” หญิงสาวพยักหน้ารับอีกครั้ง
“ดีจ้ะ..แล้ว..ขวัญอยากจะพูดอะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นให้แม่ฟังบ้างไหม” ในที่สุด เธอก็อดที่จะเก็บความสงสัยไว้ไม่ได้ และลึกๆในใจนั้นก็อยากรู้จักผู้ชายที่สามารถพิชิตใจลูกสาวของเธอได้สำเร็จ
แต่พิมพ์ศิริส่ายใบหน้าพร้อมความขื่นขมที่พยายามซุกซ่อนมันไว้ภายในใจ
“มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพูดถึงเขาค่ะ..ทุกอย่างมันจบแล้ว”
ผู้ให้กำเนิดรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่เมื่อลูกพูดเช่นนี้ เธอก็ไม่อยากบังคับอะไร แค่นี้จิตใจลูกก็ย่ำแย่พอแล้ว
“ถ้าอย่างนั้น ขวัญขึ้นไปพักผ่อนเถอะ..เดี๋ยวแม่จะไปดูป๊าหน่อย ป่านนี้อาละวาดไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้”
“ค่ะ”
หญิงสาวมองตามหลังมารดาที่เดินจากไป แล้วก็รู้สึกถึงความหวาดหวั่นภายในใจ ยามนึกถึงคำพูดของบิดา และยอมรับความจริงอย่างเจ็บปวด..นับจากนี้ ชีวิตของเธอเป็นของบิดาแล้ว เธอไม่อาจทำอะไรได้มากไปกว่าเป็นหุ่นยนต์ที่ไร้หัวใจ เพราะหากเธอกลับไปมีหัวใจอีกครั้ง ชีวิตของธีรเดชคงถึงคราวดับสูญอย่างแท้จริง
(ต่อค่ะ)