โดย สถาพร พงษ์พิพัฒน์วัฒนา #PPTVHD36 #นักรบกองโจร
“ผมไปถ่ายข่าวในเมืองราว 9-10 โมงเช้า ดูๆคือ ท่วมฉับพลันครับ กลับบ้านมานั่งส่งข่าวแปปเดียวล่ะพี่ บันเทิงเลย หนีแทบไม่ทัน รถผมยังเอาออกไม่ทันเลย จมหมด นี่ขนาดผมเป็นนักข่าว ยังไม่รู้อะไรเลย ... ไม่มีใครแจ้งข่าวเลย คิดว่า พายุฝนปกติ” ... เจี๊ยบ นักข่าวหนุ่ม ประจำจังหวัดสกลนคร เล่าเหตุการณ์ตอนน้ำขึ้นให้ผมฟัง
มีใจความสำคัญว่า “แปปเดียวล่ะพี่ บันเทิงเลย หนีแทบไม่ทัน” และ “แม้แต่นักข่าว ก็ไม่รู้”
ผมลองไปเช็คดูอีกคนหนึ่ง
“โอ้ย ไม่มีใครรู้เรื่องเลยพี่ ทุกคนก็คิดว่า ฝนตกแบบนี้ ก็ปกติ ไม่น่าท่วมมาก แต่นี่น้ำขึ้นเร็วมาก ไม่รู้มาจากไหน พวกผมนักข่าวทั้งหมด ก็ไม่มีใครได้รับข้อความให้เตือนชาวบ้านเลย” ... นี่เป็นเสียงของนักข่าวสกลนคร ที่อยู่ใกล้ชิด วงในที่สุดคนหนึ่งในสกลนคร ก็ยังไม่รู้ว่า “มวลน้ำมหาศาล” จะมาเยือนบ้านของเขา
เห็นได้ชัดว่า “น้ำ” ที่เข้าตัวเมืองสกลนคร “ไม่ปกติ”
ทั้งมาแรง เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเก็บข้าวของกันไม่ทัน จะย้ายรถก็ยังทำไม่ทัน ... ลักษณะของน้ำ เหมือน “น้ำป่า” อย่างชัดเจน .. ไม่ใช่แค่ “น้ำฝน”
จนกระทั่งมีภาพ “อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น” หลุดออกมา ... เป็นคลิปที่ถ่ายโดย ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้น
ในคลิป เห็นได้ชัดว่า “สัน” ของอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น “หายไป” เป็นทางกว้าง จนมวลน้ำมหาศาลไหลผ่านไปทั้งแรงเร็ว ... ในคลิป มีเสียงที่บอกว่า “จากทุ่งนา กลายเป็นทะเลสาบแล้วตอนนี้”
คนที่เห็นภาพนี้ ต่างบอกตรงกันว่า “อ่างเก็บน้ำแตก(หรือ ขาด)” และเชื่อว่า เป็นสาเหตุที่น้ำในตัวเมือง เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสกลนคร กลายเป็นเมืองบาดาลทั้งเมือง
น้ำสูงกว่าหลังคารถ บางแห่งเข้าไปในโรงแรม มีประชาชนจำนวนมากติดอยู่บนอาคาร บ้านเรือน ข้าวของเสียหาย รถยนต์นับพันคันจมน้ำโดยไม่รู้ว่าจะกลับมาใช้ได้อีกมั้ย เส้นทางเข้า – ออก ตัวเมืองทุกทาง ถูกตัดขาด นี่เป็นความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดของชาวสกลนคร ...
ถึงไม่ตาย ก็สิ้นเนื้อประดาตัว จากเพียงชั่วเวลาน้ำมาไม่กี่นาที ...
ไม่น่าเชื่อว่า ก่อนที่น้ำก้อนใหญ่ขนาดนี้จะเข้าถล่มทั้งเมือง ไม่มีหน่วยงานใดเลย ทำหน้าที่ “เตือน” คนทั้งเมือง ..... ดังนั้น เสียหายหนัก เพราะทุกคนใช้ชีวิต “ตามปกติ” ไม่มีใครรู้ว่ามัจจุราช ได้ผ่าน “อ่างเก็บน้ำ” ที่กรมชลประทนใช้คำว่า “ถูกกัดเซาะ” มาอย่างรวดเร็ว
“อ่างเก็บน้ำ ไม่ได้แตก” แค่ “คันอ่างถูกกัดเซาะ” ... นั่นเป็นคำตอบของ กรมชลประทาน
จุดที่กัดเซาะ ก็แค่ กว้าง 20 เมตร ... ลึก 4 เมตร ... นั่นคือการ “กัดเซาะ” ยืนยัน “ไม่แตก ไม่แตก”
ทีนี้พอมัวแต่ไปเถียงกันว่า แบบนี้ เรียกว่า “แตก” หรือ “ไม่แตก” ... มันก็กลายเป็น หลงประเด็น
ผมทักไปคุยกับคนที่ถ่ายคลิปนี้ เขาก็ยังบอกว่า “หมู่บ้านที่อยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำ” ก็ไม่รู้เช่นกัน
เอาเถอะครับ ผมจะพยายามเข้าใจ โดยใช้คำอธิบายแบบกรมชลประทานก็ได้ว่า “ไม่แตก”
แต่ไม่เข้าใจว่า กว้าง 20 เมตร ลึก 4 เมตร ... มวลน้ำมหาศาลดัน “สันเขื่อน” หายไปมากขนาดนั้น ... ทำไมถึง “ไม่มีใคร” บอกประชาชนเลย ..
ระบบเตือนภัยไปไหน ... และทำไมต้องมาเถียงกันเพียงเพื่อไม่ยอมรับคำว่า “อ่างเก็บน้ำแตก” เท่านั้นเอง
ความเสียหายมหาศาล ที่เกิดจากการ “ไม่เตือนภัย” ถือเป็นการจ่ายค่าโง่ที่บ้าสิ้นดี
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10209151316851379&id=1573543996
ความเสียหายที่กรมชลฯบอกว่า "อ่างเก็บน้ำที่สกล ไม่ได้แตก"
“ผมไปถ่ายข่าวในเมืองราว 9-10 โมงเช้า ดูๆคือ ท่วมฉับพลันครับ กลับบ้านมานั่งส่งข่าวแปปเดียวล่ะพี่ บันเทิงเลย หนีแทบไม่ทัน รถผมยังเอาออกไม่ทันเลย จมหมด นี่ขนาดผมเป็นนักข่าว ยังไม่รู้อะไรเลย ... ไม่มีใครแจ้งข่าวเลย คิดว่า พายุฝนปกติ” ... เจี๊ยบ นักข่าวหนุ่ม ประจำจังหวัดสกลนคร เล่าเหตุการณ์ตอนน้ำขึ้นให้ผมฟัง
มีใจความสำคัญว่า “แปปเดียวล่ะพี่ บันเทิงเลย หนีแทบไม่ทัน” และ “แม้แต่นักข่าว ก็ไม่รู้”
ผมลองไปเช็คดูอีกคนหนึ่ง
“โอ้ย ไม่มีใครรู้เรื่องเลยพี่ ทุกคนก็คิดว่า ฝนตกแบบนี้ ก็ปกติ ไม่น่าท่วมมาก แต่นี่น้ำขึ้นเร็วมาก ไม่รู้มาจากไหน พวกผมนักข่าวทั้งหมด ก็ไม่มีใครได้รับข้อความให้เตือนชาวบ้านเลย” ... นี่เป็นเสียงของนักข่าวสกลนคร ที่อยู่ใกล้ชิด วงในที่สุดคนหนึ่งในสกลนคร ก็ยังไม่รู้ว่า “มวลน้ำมหาศาล” จะมาเยือนบ้านของเขา
เห็นได้ชัดว่า “น้ำ” ที่เข้าตัวเมืองสกลนคร “ไม่ปกติ”
ทั้งมาแรง เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเก็บข้าวของกันไม่ทัน จะย้ายรถก็ยังทำไม่ทัน ... ลักษณะของน้ำ เหมือน “น้ำป่า” อย่างชัดเจน .. ไม่ใช่แค่ “น้ำฝน”
จนกระทั่งมีภาพ “อ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น” หลุดออกมา ... เป็นคลิปที่ถ่ายโดย ชาวบ้านที่อยู่แถวนั้น
ในคลิป เห็นได้ชัดว่า “สัน” ของอ่างเก็บน้ำห้วยทรายขมิ้น “หายไป” เป็นทางกว้าง จนมวลน้ำมหาศาลไหลผ่านไปทั้งแรงเร็ว ... ในคลิป มีเสียงที่บอกว่า “จากทุ่งนา กลายเป็นทะเลสาบแล้วตอนนี้”
คนที่เห็นภาพนี้ ต่างบอกตรงกันว่า “อ่างเก็บน้ำแตก(หรือ ขาด)” และเชื่อว่า เป็นสาเหตุที่น้ำในตัวเมือง เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จนสกลนคร กลายเป็นเมืองบาดาลทั้งเมือง
น้ำสูงกว่าหลังคารถ บางแห่งเข้าไปในโรงแรม มีประชาชนจำนวนมากติดอยู่บนอาคาร บ้านเรือน ข้าวของเสียหาย รถยนต์นับพันคันจมน้ำโดยไม่รู้ว่าจะกลับมาใช้ได้อีกมั้ย เส้นทางเข้า – ออก ตัวเมืองทุกทาง ถูกตัดขาด นี่เป็นความเสียหายที่ร้ายแรงที่สุดของชาวสกลนคร ...
ถึงไม่ตาย ก็สิ้นเนื้อประดาตัว จากเพียงชั่วเวลาน้ำมาไม่กี่นาที ...
ไม่น่าเชื่อว่า ก่อนที่น้ำก้อนใหญ่ขนาดนี้จะเข้าถล่มทั้งเมือง ไม่มีหน่วยงานใดเลย ทำหน้าที่ “เตือน” คนทั้งเมือง ..... ดังนั้น เสียหายหนัก เพราะทุกคนใช้ชีวิต “ตามปกติ” ไม่มีใครรู้ว่ามัจจุราช ได้ผ่าน “อ่างเก็บน้ำ” ที่กรมชลประทนใช้คำว่า “ถูกกัดเซาะ” มาอย่างรวดเร็ว
“อ่างเก็บน้ำ ไม่ได้แตก” แค่ “คันอ่างถูกกัดเซาะ” ... นั่นเป็นคำตอบของ กรมชลประทาน
จุดที่กัดเซาะ ก็แค่ กว้าง 20 เมตร ... ลึก 4 เมตร ... นั่นคือการ “กัดเซาะ” ยืนยัน “ไม่แตก ไม่แตก”
ทีนี้พอมัวแต่ไปเถียงกันว่า แบบนี้ เรียกว่า “แตก” หรือ “ไม่แตก” ... มันก็กลายเป็น หลงประเด็น
ผมทักไปคุยกับคนที่ถ่ายคลิปนี้ เขาก็ยังบอกว่า “หมู่บ้านที่อยู่ใกล้อ่างเก็บน้ำ” ก็ไม่รู้เช่นกัน
เอาเถอะครับ ผมจะพยายามเข้าใจ โดยใช้คำอธิบายแบบกรมชลประทานก็ได้ว่า “ไม่แตก”
แต่ไม่เข้าใจว่า กว้าง 20 เมตร ลึก 4 เมตร ... มวลน้ำมหาศาลดัน “สันเขื่อน” หายไปมากขนาดนั้น ... ทำไมถึง “ไม่มีใคร” บอกประชาชนเลย ..
ระบบเตือนภัยไปไหน ... และทำไมต้องมาเถียงกันเพียงเพื่อไม่ยอมรับคำว่า “อ่างเก็บน้ำแตก” เท่านั้นเอง
ความเสียหายมหาศาล ที่เกิดจากการ “ไม่เตือนภัย” ถือเป็นการจ่ายค่าโง่ที่บ้าสิ้นดี
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=10209151316851379&id=1573543996