สวัสดีค่ะกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของเราค่ะ หากผิดพลาดอะไรไปก็ขอโทษไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
เราตัดสินใจเขียนกระทู้นี้เพราะอยากให้เรื่องของเราเป็นเรื่องที่ช่วยเตือนสติผู้หญิงหลายๆคน
ที่ยังคิดว่าความรักนั้นเป็นการวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยสดงดงามค่ะ ไม่ได้บอกว่าความรักดีดีไม่มีนะคะ
ไม่ได้แอนตี้ความรัก ไม่ได้เกลียดผู้ชาย และไม่ได้เชื่อว่าความรักที่ดีและสดใสนั้นมันไม่มีในโลก
การที่เราเจ็บเพราะความรักนั้นความรักไม่ได้ผิดค่ะ คนต่างหากที่ผิด
เพราะฉะนั้นเราเองก็ยังเชื่อว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ แค่มันต้องมาพร้อมสติเท่านั้นเองค่ะ.....
สาวๆคะ ตื่นจากทุ่งลาเวนเดอร์นะคะ....แล้วมาฟังเรื่องของเรากัน
เริ่ม......
1. ทุ่งลาเวนเดอร์แสนสวย
เราคบกับแฟนมาเกือบ 10 ปีค่ะ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ลำบากลำบนและฝ่าฟันมาด้วยกัน
ปั่นจักรยาน โหนรถเมล์ ต่อคิวรถตู้ โบกรถทัว ก็อยุ่ด้วยกันเสมอมา
ครอบครัวเราทั้งคู่ไม่ได้มีฐานะมากมายอะไรค่ะ
เราสองคนเริ่มจากศูนย์ ทำงาน เก็บเงินดูแลตัวเองและครอบครัวตามกำลังของเรา
จนมีรถ มีเงินเดือน มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ค่อนข้างเลี้ยงดูตัวเองได้ดีทั้งคู่
แฟนเราเป็นคนตั้งใจทำงาน แต่เพื่อนน้อย ไม่ค่อยได้ออกไปสังสรรค์ตามประสาผู้ชายเท่าไหร่
(บางครั้งเราเองที่บอกให้ไปกับเพื่อนร่วมงานบ้างเหอะ ไปเข้าสังคมบ้าง)
ภายนอกเค้าเป็นคนเงียบๆและขี้อายค่ะ แต่ภายในแล้วเค้าเป็นคิดมาก คิดมากกับทุกเรื่อง
ซึ่งน่าจะเป็นน่าจะเป็นเพราะอาชีพที่ทำอยู่บวกกับเป็นคนที่มีทัศนคติด้านลบและมองโลกในแง่ร้าย
ย้ำคิดย้ำทำจนเหมือนเป็นคนแบกโลกไว้ทั้งใบ
ซึ่งต่างกับเราสุดขั้ว เราเป็นมองโลกในแง่ดีมากกกก สนุกสนานมีเพื่อน มีสังคม มีออกทริปบ้างตามประสา
หลายต่อหลายครั้งที่เราต้องใช้คำพูดปลอบใจให้กำลังใจ และกระตุ้นให้เค้าหัวเราะและมองข้ามเรื่องงาน
หรือเรื่องที่ทำให้ไม่ถูกใจไปบ้าง พูดให้เค้ามองเห็นถึงสัจธรรมธรรมและความเป็นจริงบนโลก
ที่ไม่ว่าจะสังคม เพื่อนร่วมงาน การเดินทาง สภาพแวดล้อมต่างก็มีทั้งเรื่องดีบ้างไม่ดีบ้างเป็นเรื่องปกติ
หากเก็บมาคิดทั้งหมดมันจะไม่ดีต่อสุขภาพจิต (บางครั้งเค้าคิดมากจนเรากลัวว่าเค้าจะเป็นโรคซึมเศร้า)
แต่ก็นั่นแหละค่ะเค้าก็ยังเหมือนเดิม เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติใครได้
ทำได้ก็แค่ยิ้มให้ ตบไหล่ ปลอบใจ และให้กำลังใจเค้าเท่าที่เราจำทำได้ก็แค่นั้น
ทุกครั้งที่เรามีปัญหาทะเลาะกัน เค้าจะเป็นฝ่ายโวยวาย เสียงดัง ก็จะเป็นเราที่เงียบเพื่อให้เค้าใจเย็นลง
และเราไม่เคยเก็บเอามาเป็นประเด็นเพราะเข้าใจในความเป็นตัวเค้า
และบอกตัวเองเสมอถ้าคนหนึ่งร้อนเราต้องเย็น เงียบไปก่อน ไม่ต่อปากต่อคำคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
และเราทั้งคู่ก็ประคับประคองความรักของเราในสายตาของผุ้ใหญ่ทั้ง2ฝ่ายมาจนเกือบ10ปี
เราคิดว่าเค้าเป็นคนที่ใช่ เราคิดว่าทุกอย่างที่ผ่านมาด้วยกันนั้น มันคือบทพิสูจน์ความรักของเราแล้ว......
สาวๆจ๋าเลิกวิ่งเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์กันเด้อออออค่ะ!!!!
เราตัดสินใจเขียนกระทู้นี้เพราะอยากให้เรื่องของเราเป็นเรื่องที่ช่วยเตือนสติผู้หญิงหลายๆคน
ที่ยังคิดว่าความรักนั้นเป็นการวิ่งเล่นอยู่ในทุ่งลาเวนเดอร์ที่สวยสดงดงามค่ะ ไม่ได้บอกว่าความรักดีดีไม่มีนะคะ
ไม่ได้แอนตี้ความรัก ไม่ได้เกลียดผู้ชาย และไม่ได้เชื่อว่าความรักที่ดีและสดใสนั้นมันไม่มีในโลก
การที่เราเจ็บเพราะความรักนั้นความรักไม่ได้ผิดค่ะ คนต่างหากที่ผิด
เพราะฉะนั้นเราเองก็ยังเชื่อว่าความรักเป็นสิ่งสวยงามเสมอ แค่มันต้องมาพร้อมสติเท่านั้นเองค่ะ.....
สาวๆคะ ตื่นจากทุ่งลาเวนเดอร์นะคะ....แล้วมาฟังเรื่องของเรากัน
เริ่ม......
1. ทุ่งลาเวนเดอร์แสนสวย
เราคบกับแฟนมาเกือบ 10 ปีค่ะ ตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัย ลำบากลำบนและฝ่าฟันมาด้วยกัน
ปั่นจักรยาน โหนรถเมล์ ต่อคิวรถตู้ โบกรถทัว ก็อยุ่ด้วยกันเสมอมา
ครอบครัวเราทั้งคู่ไม่ได้มีฐานะมากมายอะไรค่ะ
เราสองคนเริ่มจากศูนย์ ทำงาน เก็บเงินดูแลตัวเองและครอบครัวตามกำลังของเรา
จนมีรถ มีเงินเดือน มีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ค่อนข้างเลี้ยงดูตัวเองได้ดีทั้งคู่
แฟนเราเป็นคนตั้งใจทำงาน แต่เพื่อนน้อย ไม่ค่อยได้ออกไปสังสรรค์ตามประสาผู้ชายเท่าไหร่
(บางครั้งเราเองที่บอกให้ไปกับเพื่อนร่วมงานบ้างเหอะ ไปเข้าสังคมบ้าง)
ภายนอกเค้าเป็นคนเงียบๆและขี้อายค่ะ แต่ภายในแล้วเค้าเป็นคิดมาก คิดมากกับทุกเรื่อง
ซึ่งน่าจะเป็นน่าจะเป็นเพราะอาชีพที่ทำอยู่บวกกับเป็นคนที่มีทัศนคติด้านลบและมองโลกในแง่ร้าย
ย้ำคิดย้ำทำจนเหมือนเป็นคนแบกโลกไว้ทั้งใบ
ซึ่งต่างกับเราสุดขั้ว เราเป็นมองโลกในแง่ดีมากกกก สนุกสนานมีเพื่อน มีสังคม มีออกทริปบ้างตามประสา
หลายต่อหลายครั้งที่เราต้องใช้คำพูดปลอบใจให้กำลังใจ และกระตุ้นให้เค้าหัวเราะและมองข้ามเรื่องงาน
หรือเรื่องที่ทำให้ไม่ถูกใจไปบ้าง พูดให้เค้ามองเห็นถึงสัจธรรมธรรมและความเป็นจริงบนโลก
ที่ไม่ว่าจะสังคม เพื่อนร่วมงาน การเดินทาง สภาพแวดล้อมต่างก็มีทั้งเรื่องดีบ้างไม่ดีบ้างเป็นเรื่องปกติ
หากเก็บมาคิดทั้งหมดมันจะไม่ดีต่อสุขภาพจิต (บางครั้งเค้าคิดมากจนเรากลัวว่าเค้าจะเป็นโรคซึมเศร้า)
แต่ก็นั่นแหละค่ะเค้าก็ยังเหมือนเดิม เราไม่สามารถเปลี่ยนแปลงทัศนคติใครได้
ทำได้ก็แค่ยิ้มให้ ตบไหล่ ปลอบใจ และให้กำลังใจเค้าเท่าที่เราจำทำได้ก็แค่นั้น
ทุกครั้งที่เรามีปัญหาทะเลาะกัน เค้าจะเป็นฝ่ายโวยวาย เสียงดัง ก็จะเป็นเราที่เงียบเพื่อให้เค้าใจเย็นลง
และเราไม่เคยเก็บเอามาเป็นประเด็นเพราะเข้าใจในความเป็นตัวเค้า
และบอกตัวเองเสมอถ้าคนหนึ่งร้อนเราต้องเย็น เงียบไปก่อน ไม่ต่อปากต่อคำคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด
และเราทั้งคู่ก็ประคับประคองความรักของเราในสายตาของผุ้ใหญ่ทั้ง2ฝ่ายมาจนเกือบ10ปี
เราคิดว่าเค้าเป็นคนที่ใช่ เราคิดว่าทุกอย่างที่ผ่านมาด้วยกันนั้น มันคือบทพิสูจน์ความรักของเราแล้ว......