หมู่บ้าน มินามิฟุราโน่
การเดินทางเที่ยวฮอกไกโดในครั้งนี้ สถานที่ที่ทำให้ผมประทับใจมากที่สุด กลับไม่ใช่ทุ่งลาเวนเดอร์แสนสวย เมืองใหญ่แบบซัปโปโร หรือเมืองสวยๆแบบ โอตารุ แต่กลับเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ห่างออกไปจากฟุราโน่ ประมาณ 50 กิโลเมตร การจัดทริปเที่ยวฮอกไกโดในครั้งนี้มั้งหมด 8 วัน
เที่ยว ฮาโกดาเตะ ซัปโปโร ฟุราโน่ และโอตารุ ผมเลือกที่จะมาเที่ยวฟุราโน่โดยเช่ารถขับ เพราะการเดินทางค่อนข้างจะลำบากกว่าเมืองอื่นๆ โดยเช่ารถจาก
บริษัท Toyota Ren a Car เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของโตโยต้าเรนท์อะคาร์
https://rent.toyota.co.jp/th/about/ ซึ่งบริการดีมาก ค่าบริการรวมทั้งหมด (รวมภาษี) : 44,280 เยน ประมาณ 12,000 จำนวน 2 วัน ซึ่งผมเดินทางทั้งหมด 8 คน เฉลี่ยเพียง คนละ 1500 บาท ซึ่งถูกมาก ตอนแรกผมนัดรับรถ ที่สาขาสึสึรัน สนามบินชินชิโตเซะ แต่ได้คำแนะนำจากเจ้าของเกสเฮ้าท์ที่เราไปพัก ซึ่งถ้าจำไม่ผิดคือที่
Ten to Ten Nakajima-Koen
อยากแนะนำที่นี่เลยครับ พนักงานดีมาก น่ารักและยังแนะนำเรื่องต่างๆดีมาก ซึ่งผมได้รับความช่วยเหลือคือ พนักงานที่นี่โทรติดต่อไปที่โตโยต้าเพื่อขอเปลี่ยนที่รับรถให้ผม วึ่งผมรู้สึกขอบคุณมากๆ ไม่เช่นนั้นผมต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไปยังสนามบินอีกรอบซึ่งอยู่ไกลจากที่พัก เมื่อติดต่อประสานงานเรียบร้อยแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นผมจึงไปรับรถแถวสถานีรถไฟฟ้าซัปโปโร ซึ่งเป็นสถานีหลักเดินออกมาไม่ไกลก็ถึงสะดวกสบาย พนักงานแนะนำดีมากๆ ซึ่งพนักงานจะถามเราว่าเราจะเดินทางไปไหนบ้าง กี่วัน ซึ่งเขาจะดูเส้นทางให้เราเพื่อคำนวนค่าทางด่วน เราสามารถซื้อการ์ดติดหน้ารถได้เลยโดยไม่ต้องไปจัดการทีหลังให้ยุ่งยาก ผมใช้บริการของเขาทั้งหมดซึ่งในราคาที่ไม่แพง เพราะเดินทางกันหลายคน ผมเช่ารถขนาด 8 ที่นั่ง ระบบ GPS ของญี่ปุ่นต้องใส่หมายเลขโทรศัพท์ หรือ พิกัด ซึ่งสะดวกสบายที่สุดคือการใส่เบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ที่เราจะไป เครื่องจะกำหนดเส้นทางให้เรา ผมรับรถเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางไปยังเมือง ฟุราโน่ เพื่อชมทุ่งลาเวนเดอร์อันเลื่องชื่อ ซึ่งจะบอกว่ามันสวยมากจริงๆ แต่ผมจะไม่เขียนรีวิวในครั้งนี้ ผมออกจากซัปโปโรประมาณ 9.00 เดินทางเรื่อยๆบนถนนไฮเวย์ของญี่ปุ่นสะดวกสบายมาก ผู้คนขับรถกันเป็นระบบเรียบร้อย และที่สำคัญคือ พวงมาลัยอยู่ด้านเดียวกันทำให้ขับสบายมากๆ ขับไปก็แวะสถานที่ท่องเที่ยวทีผ่านไปด้วยแบบไม่รีบร้อย จนมาถึงฟุร่โน่ประาณ 12.00 น. หลังจากเราเดินเที่ยวถ่ายรูปบรรยากาศของทุ่งลาเวนเดอร์เรียบร้อยแล้วก็ล่วงเลยจนถึงบ่าย 4 โมง ก็เลยตัดสินใจขับไปยังที่พักที่เราจองไว้ ชื่อว่า
Nanputei なんぷてい 079-2401, Minamifurano, Ikutora 966 หลังจากเข้าที่พักและเดินสำรวจเมืองนี้แล้ว สรุปคือ ที่พักของเราเป็นแห่งเดียวในเมืองนี้ และเป็นที่แห่งเดียวที่พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ ที่พักของเราเป็นบ้านทั้งหลัง 2 ชั้น เงียบสงบมาก เมืองมินามิฟุราโน่ เป็นเมืองเล็กๆที่มีประชากรไม่มาก หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยผมก็ออกมาเดินเล่น เพราะเป็นคนชอบเดินสำรวจ ชอบถายภาพเก็บเป็นความทรงจำเอาไว้ ผมเดินออกจากที่พักไปไกลพอสมควรก็เจอกับเด็กนักเรียนที่เพิ่งออกมาจากโรงเรียน ปั่นจักรยานกันมา และก็มีสาวน้อยคนนึงปั่นจักรยานเข้ามาทักทายด้วยภาษาอังกฤษ เธอน่ารักและอัธยาศัยดีมาก ก็ทักทายกันไปตามประสา และขอถ่ายรูปเธอมาด้วย
จากนั้นผมก็เดินไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศเงียบ สงบ และเป็นธรรมชาติมากๆของเมือง มินามิฟุราโน่ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆที่ติดกับภูเขาใหญ่ มีทางรถไปวิ่งผ่าน
ถึงเป็นเมืองในชนบทห่างไกลตากตัวเมืองฟุราโน่มาประมาณ 60 กิโลเมตร แต่เมืองก็น่าอยู่มากๆ สะอาดมากตามแบบฉบับของญี่ปุ่น ธรรมชาติก็สวย รายล้อมไปด้วยภูเขาและป่า แถมบ้านของคนที่นี่ก็ยังน่ารัก น่าอยู่มากๆ
ในขณะที่เดินเล่นอยู่อย่างสบายใจ ในขณะที่เดินอยู่ก็ได้เจอสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน ตอนแรกไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ก็เลยเอากล้องถ่ายรูปพยายามเก็บภาพมาให้ได้ชัดที่สุด และสิ่งที่ผมเจอคือ
หมาจิ้งจอก จริงๆตัวเป็นๆเลยครับ
ตื่นเต้นอยู่พักใหญ่กับครั้งแรกที่ได้เห็น หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้ามาสมทบกับน้องชายและอา จึงชวนกันเดินเล่นมาอีกฝากของเมืองซึ่งก็มาเจอกับบรรยากาศเย็นสบายและเจอทุ่งข้าวบาเล่กว้างสุดลูกหูลูกตา
เดินเที่ยวเก็บบรรยากาศเมืองเล็กแห่งนี้จนมืด แล้วก็ชวนกันไปหาอะไรกิน เราอยากนั่งกินร้านที่เป็น Local จริงๆ แต่ปัญหาคือ ร้านค้าทกร้านไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ซึ่งทุกร้านก็พยายามจะบอกเราให้กลับไปทานที่โรงแรม ประหนึ่งว่าที่นั่นหละคุยรู้เรื่องสุดแล้ว แต่พวกผมก็ไม่อยากกินตรงนั้น อยากกินแบบบ้านๆ ซึ่งก็ไปเจอร้านเนื้อย่าง ซึ่งตอนแรกก็ปวดหัวกันมากเพราะเข้าของร้านคุยภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่เทคโนโลยีก๋ชาวยเรามาได้ แปลกันให้วุ่นวายไปหมด ซึ่งตรงนั้นหละที่ทำให้ผมกับครอบครัวสนุกและมีความสุข ถึงแม่แม่ค้า พ่อค้าจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย สื่อสารกันไม่เข้าใจแต่สุดท้ายผมเชื่อว่าด้วยความมีน้ำใจ ความน่ารักอัธยาศัยของเราและเขาทำให้เข้าใจกันเป็นอย่างดี เป็นมื้ออาหารที่ประทับใจที่สุดตลอดการเดินทางครั้งนี้เลยก็ว่าได้
ผมหลงรักเมืองนี้ ถึงแม้จามาแค่เพียงนอน 1 คืน มันทำให้ผมได้พักผ่อนจริงๆ กับบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่น สงบ เงียบ ปลอดภัย และธรรมชาติที่สุด อยู่ใจกลางหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยทุ่งข้าวบาเล่ ยามแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเหมือนมันได้นำพาเอาความทุกข์ทั้งหมดไปจากใจ...........มินามิฟุราโน่ #Minanmifurano เราจะกลับไปอีกครั้ง
ฮอกไกโด.....มินามิฟุราโน่ สวย สงบ
การเดินทางเที่ยวฮอกไกโดในครั้งนี้ สถานที่ที่ทำให้ผมประทับใจมากที่สุด กลับไม่ใช่ทุ่งลาเวนเดอร์แสนสวย เมืองใหญ่แบบซัปโปโร หรือเมืองสวยๆแบบ โอตารุ แต่กลับเป็นเมืองเล็กๆที่อยู่ห่างออกไปจากฟุราโน่ ประมาณ 50 กิโลเมตร การจัดทริปเที่ยวฮอกไกโดในครั้งนี้มั้งหมด 8 วัน
เที่ยว ฮาโกดาเตะ ซัปโปโร ฟุราโน่ และโอตารุ ผมเลือกที่จะมาเที่ยวฟุราโน่โดยเช่ารถขับ เพราะการเดินทางค่อนข้างจะลำบากกว่าเมืองอื่นๆ โดยเช่ารถจากบริษัท Toyota Ren a Car เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของโตโยต้าเรนท์อะคาร์ https://rent.toyota.co.jp/th/about/ ซึ่งบริการดีมาก ค่าบริการรวมทั้งหมด (รวมภาษี) : 44,280 เยน ประมาณ 12,000 จำนวน 2 วัน ซึ่งผมเดินทางทั้งหมด 8 คน เฉลี่ยเพียง คนละ 1500 บาท ซึ่งถูกมาก ตอนแรกผมนัดรับรถ ที่สาขาสึสึรัน สนามบินชินชิโตเซะ แต่ได้คำแนะนำจากเจ้าของเกสเฮ้าท์ที่เราไปพัก ซึ่งถ้าจำไม่ผิดคือที่ Ten to Ten Nakajima-Koen
อยากแนะนำที่นี่เลยครับ พนักงานดีมาก น่ารักและยังแนะนำเรื่องต่างๆดีมาก ซึ่งผมได้รับความช่วยเหลือคือ พนักงานที่นี่โทรติดต่อไปที่โตโยต้าเพื่อขอเปลี่ยนที่รับรถให้ผม วึ่งผมรู้สึกขอบคุณมากๆ ไม่เช่นนั้นผมต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไปยังสนามบินอีกรอบซึ่งอยู่ไกลจากที่พัก เมื่อติดต่อประสานงานเรียบร้อยแล้ว เช้าวันรุ่งขึ้นผมจึงไปรับรถแถวสถานีรถไฟฟ้าซัปโปโร ซึ่งเป็นสถานีหลักเดินออกมาไม่ไกลก็ถึงสะดวกสบาย พนักงานแนะนำดีมากๆ ซึ่งพนักงานจะถามเราว่าเราจะเดินทางไปไหนบ้าง กี่วัน ซึ่งเขาจะดูเส้นทางให้เราเพื่อคำนวนค่าทางด่วน เราสามารถซื้อการ์ดติดหน้ารถได้เลยโดยไม่ต้องไปจัดการทีหลังให้ยุ่งยาก ผมใช้บริการของเขาทั้งหมดซึ่งในราคาที่ไม่แพง เพราะเดินทางกันหลายคน ผมเช่ารถขนาด 8 ที่นั่ง ระบบ GPS ของญี่ปุ่นต้องใส่หมายเลขโทรศัพท์ หรือ พิกัด ซึ่งสะดวกสบายที่สุดคือการใส่เบอร์โทรศัพท์ของสถานที่ที่เราจะไป เครื่องจะกำหนดเส้นทางให้เรา ผมรับรถเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ออกเดินทางไปยังเมือง ฟุราโน่ เพื่อชมทุ่งลาเวนเดอร์อันเลื่องชื่อ ซึ่งจะบอกว่ามันสวยมากจริงๆ แต่ผมจะไม่เขียนรีวิวในครั้งนี้ ผมออกจากซัปโปโรประมาณ 9.00 เดินทางเรื่อยๆบนถนนไฮเวย์ของญี่ปุ่นสะดวกสบายมาก ผู้คนขับรถกันเป็นระบบเรียบร้อย และที่สำคัญคือ พวงมาลัยอยู่ด้านเดียวกันทำให้ขับสบายมากๆ ขับไปก็แวะสถานที่ท่องเที่ยวทีผ่านไปด้วยแบบไม่รีบร้อย จนมาถึงฟุร่โน่ประาณ 12.00 น. หลังจากเราเดินเที่ยวถ่ายรูปบรรยากาศของทุ่งลาเวนเดอร์เรียบร้อยแล้วก็ล่วงเลยจนถึงบ่าย 4 โมง ก็เลยตัดสินใจขับไปยังที่พักที่เราจองไว้ ชื่อว่า Nanputei なんぷてい 079-2401, Minamifurano, Ikutora 966 หลังจากเข้าที่พักและเดินสำรวจเมืองนี้แล้ว สรุปคือ ที่พักของเราเป็นแห่งเดียวในเมืองนี้ และเป็นที่แห่งเดียวที่พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้ ที่พักของเราเป็นบ้านทั้งหลัง 2 ชั้น เงียบสงบมาก เมืองมินามิฟุราโน่ เป็นเมืองเล็กๆที่มีประชากรไม่มาก หลังจากเข้าที่พักเรียบร้อยผมก็ออกมาเดินเล่น เพราะเป็นคนชอบเดินสำรวจ ชอบถายภาพเก็บเป็นความทรงจำเอาไว้ ผมเดินออกจากที่พักไปไกลพอสมควรก็เจอกับเด็กนักเรียนที่เพิ่งออกมาจากโรงเรียน ปั่นจักรยานกันมา และก็มีสาวน้อยคนนึงปั่นจักรยานเข้ามาทักทายด้วยภาษาอังกฤษ เธอน่ารักและอัธยาศัยดีมาก ก็ทักทายกันไปตามประสา และขอถ่ายรูปเธอมาด้วย
จากนั้นผมก็เดินไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศเงียบ สงบ และเป็นธรรมชาติมากๆของเมือง มินามิฟุราโน่ เมืองนี้เป็นเมืองเล็กๆที่ติดกับภูเขาใหญ่ มีทางรถไปวิ่งผ่าน
ถึงเป็นเมืองในชนบทห่างไกลตากตัวเมืองฟุราโน่มาประมาณ 60 กิโลเมตร แต่เมืองก็น่าอยู่มากๆ สะอาดมากตามแบบฉบับของญี่ปุ่น ธรรมชาติก็สวย รายล้อมไปด้วยภูเขาและป่า แถมบ้านของคนที่นี่ก็ยังน่ารัก น่าอยู่มากๆ
ในขณะที่เดินเล่นอยู่อย่างสบายใจ ในขณะที่เดินอยู่ก็ได้เจอสิ่งที่ไม่คาดคิดมาก่อน ตอนแรกไม่แน่ใจว่าใช่หรือไม่ ก็เลยเอากล้องถ่ายรูปพยายามเก็บภาพมาให้ได้ชัดที่สุด และสิ่งที่ผมเจอคือ หมาจิ้งจอก จริงๆตัวเป็นๆเลยครับ
ตื่นเต้นอยู่พักใหญ่กับครั้งแรกที่ได้เห็น หลังจากนั้นก็เดินกลับเข้ามาสมทบกับน้องชายและอา จึงชวนกันเดินเล่นมาอีกฝากของเมืองซึ่งก็มาเจอกับบรรยากาศเย็นสบายและเจอทุ่งข้าวบาเล่กว้างสุดลูกหูลูกตา
เดินเที่ยวเก็บบรรยากาศเมืองเล็กแห่งนี้จนมืด แล้วก็ชวนกันไปหาอะไรกิน เราอยากนั่งกินร้านที่เป็น Local จริงๆ แต่ปัญหาคือ ร้านค้าทกร้านไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้ ซึ่งทุกร้านก็พยายามจะบอกเราให้กลับไปทานที่โรงแรม ประหนึ่งว่าที่นั่นหละคุยรู้เรื่องสุดแล้ว แต่พวกผมก็ไม่อยากกินตรงนั้น อยากกินแบบบ้านๆ ซึ่งก็ไปเจอร้านเนื้อย่าง ซึ่งตอนแรกก็ปวดหัวกันมากเพราะเข้าของร้านคุยภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่เทคโนโลยีก๋ชาวยเรามาได้ แปลกันให้วุ่นวายไปหมด ซึ่งตรงนั้นหละที่ทำให้ผมกับครอบครัวสนุกและมีความสุข ถึงแม่แม่ค้า พ่อค้าจะพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย สื่อสารกันไม่เข้าใจแต่สุดท้ายผมเชื่อว่าด้วยความมีน้ำใจ ความน่ารักอัธยาศัยของเราและเขาทำให้เข้าใจกันเป็นอย่างดี เป็นมื้ออาหารที่ประทับใจที่สุดตลอดการเดินทางครั้งนี้เลยก็ว่าได้
ผมหลงรักเมืองนี้ ถึงแม้จามาแค่เพียงนอน 1 คืน มันทำให้ผมได้พักผ่อนจริงๆ กับบรรยากาศความเป็นญี่ปุ่น สงบ เงียบ ปลอดภัย และธรรมชาติที่สุด อยู่ใจกลางหุบเขา ล้อมรอบไปด้วยทุ่งข้าวบาเล่ ยามแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเหมือนมันได้นำพาเอาความทุกข์ทั้งหมดไปจากใจ...........มินามิฟุราโน่ #Minanmifurano เราจะกลับไปอีกครั้ง