เหลืออีก 2 สัปดาห์ก่อนที่โมโตจีพีจะกลับมาแข่งกันอีกรอบ ตอนนี้บรรดานักแข่งก็เริ่มกลับมาฟิตซ้อมร่างกายกันแล้วล่ะ ตั้งแต่พักครึ่งฤดูกาลมานั้นมีความเคลื่อนไหวต่างๆเกิดขึ้นหลายอย่างเหมือนกัน บางข่าวอาจจะไม่ใหม่แล้ว แต่ก็ถือโอกาสสรุปรวบยอดมาให้อ่านแบบไม่เรียงตามเวลาเลยละกัน เริ่มจากความเคลื่อนไหวในตลาดนักบิดก่อน
Danilo Petrucci & Alvaro Bautista
Danilo Petrucci จะยังคงเป็นนักแข่งของ Ducati และอยู่กับทีม Pramac Ducati ต่อไปในฤดูกาลหน้า แม้ว่าเค้าจะได้รับข้อเสนอที่ดีจากทาง Aprilia ก็ตาม โดยเพทรุคชี่เซ็นสัญญาตรงกับ Ducati เหมือนสัญญาของปีนี้และจะได้รถ GP18 เหมือนกับนักแข่งทีมโรงงานเช่นเดิม ในขณะเดียวกัน Alvaro Bautista ก็ได้ขยายสัญญากับทีม Aspar ออกไปอีก 1 ฤดูกาล โดยพี่เบาจะได้รถ GP17
สถานการณ์แบบนี้ ทำให้ Aprilia นั้นเหลือทางเลือกไม่มากนัก ถ้ายังต้องการที่จะหาคนมาแทนแซม โลว์ ที่ผลงาน 2 ฟอร์มใน 2 สนามหลังนั้นดูดีขึ้นมาเล็กน้อยจะไปหยิบเอาใครดี Scott Redding ที่อาจจะไม่ได้อยู่กับทีมพราแมคต่อ เป็นนักแข่งที่ยังพอจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ใช่นักแข่งที่โดดเด่นพอที่จะเรียกมาแทนแล้วจะไม่โดนด่า ต้องรอดูว่าทีมจากโนอาเลจะตัดสินใจยัง
บอกมาเลย ว่าคิดยังไง จะ(ให้)อยู่หรือไป ก็บอกมา
กลับมาที่เรื่องในมุ้งของโรงงานจากโบโลญญ่าต่อ ถึงตรงนี้ Ducati ได้จัดโควต้ารถ GP17 สำหรับฤดูกาลหน้าให้กับทีม Pramac, Aspar และ Avintia ไปแล้วทีมละคัน ขณะที่อีก 2 คันที่เหลือของทีมแอสปาร์และอวินเทียนั้น ขึ้นอยู่กับศักยภาพของนักแข่งที่จะมาขี่ให้ ว่าดูคาติจะให้ใช้รถ GP16 หรือว่าลงทุนอัพเกรดให้เป็นรถ GP17 แต่หนทางยังอีกยาวไกล กว่าที่จะมีการเคาะกันครั้งสุดท้ายว่าใครจะมาขี่รถ Ducati อีก 2 คันที่เหลือ
ข่าวลือล่าสุดที่ออกมาตอนนี้คือ Jack Miller ที่เพิ่งจะหมดสัญญากับทาง HRC จะย้ายข้ามไปขี่รถ Ducati GP17 ให้กับทีม Pramac (ตามข่าวนี่คือบอกว่าทุกอย่างโอเคหมดแล้ว เหลือแค่รอเปิดตัว) เนื่องจากแจ็ค มิลเลอร์ ไม่พอใจที่ทาง Honda นั้นอัพเกรดรถให้กับทีม Marc VDS ช้ามาก ไอ้แจ็คบ่นว่า รถ RC213V ของตัวเองตั้งแต่ทดสอบที่ออสเตเรียมาจนถึงสนามล่าสุดยังเป็นเวอร์ชั่นเดียวกัน ไม่แก้ไขอะไรให้ตูเลย แต่จะว่าไป GP17 เนี่ยมันก็ไม่ใช่รถใหม่นะแจ็ค 555+ สถานการณ์ในส่วนของทีมลูกของค่าย Honda นั้นค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า LCR จะเป็นทีมลูกเมียหลวง ขณะที่ EG 0,0 Marc VDS ที่มีพร้อมทุกอย่าง กลับเป็นได้แค่ลูกเมียน้อย
JM43
ทีม Marc VDS ในตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะจะว่าไปแล้วความสัมพันธ์กับ Honda นั้นถือว่าผูกปิ่นโตกันไว้เยอะ ตั้งแต่ใน CEV ไล่มา Moto3 จนถึงโมโตจีพี แต่ในรุ่นใหญ่ที่จ่ายเยอะสุดกลับเหมือนจะได้รับการเหลียวแลน้อยที่สุดซะงั้น ลึกๆแล้วก็เหมือนทีมจะอยากย้ายไปซบอกโรงงานเหมือนกัน แต่สถานการณ์มันไม่ค่อยจะเป็นใจเท่าไหร่ จะไปเป็นลูกค้า Ducati ก็เต็มเอี๊ยดแล้ว ทีมอื่นอย่าง Suzuki หรือ Aprilia ก็ยังไม่พร้อม รถก็ยังสู้ 3 โรงงานใหญ่ไม่ไหว ทำให้สุดท้ายแล้ว ทีมน่าจะต้องจำใจใช้บริการรถ RC213V ของ Honda ต่อไปอีก 1 ฤดูกาล แล้วค่อยไปว่ากันอีกทีหลังจากจบฤดูกาล 2018
EG 0,0 Marc VDS Honda RC213V
ถัดไปที่เรื่องสนามแข่ง 2 สนามหลักในปฏิทินการแข่งขันอย่างเฆเรซและคาตาลุนญ่า (บาร์เซโลน่า) ที่สภาพผิวแทรคนั้นเก่าจนจะเป็นทางเกวียน และโดนนักแข่งบ่นกันอุบว่าถ้าไม่ลาดยางใหม่ก็ไม่ต้องกลับมาแข่งมันแล้วที่นี่ ตัดสินใจปรับปรุงผิวสนามใหม่กันทั้งคู่ ทำให้ทั้ง 2 สนามจะยังคงอยู่ในปฏิทินการแข่งขันในฤดูกาลหน้าต่อไป (ก่อนหน้านี้ทาง Dorna ต้องการที่จะลดจำนวนการแข่งในสเปนลง) โดยที่เฆเรซนั้นได้เริ่มต้นปรับปรุงไปแล้ว เพื่อให้ทันการใช้งานสนามในช่วงเดือนกันยายน ซึ่ง WSBK จะเป็นรายการแรกที่จะได้ชิมลางผิวแทรคใหม่
ส่วนที่บาร์เซโลน่านั้น เดิมทีได้มีการวางแผนที่จะปรับปรุงครั้งใหญ่หลังจบฤดูกาล 2018 แต่เนื่องจากมีปัญหารุมเร้าหลายด้าน ทั้งผิวสนามที่เก่ารวมไปถึงชิคเคนสุดท้ายก่อนถึงทางตรงที่ยังหาทางออกที่โอเคยังไม่เจอซักกะที ซึ่งทาง FIM และ Dorna ต้องปวดหัวกับเรื่องนี้มาแล้ว 2 ปี เลยจำเป็นต้องบีบไปทางสนามอีกต่อนึง เมื่อต้องเลือกระหว่างถูกถอดออกจากปฏิทินกับปรับปรุงสนาม ก็เลยต้องจำใจ จำยอมเลื่อนแผนให้เร็วขึ้นกว่าเดิมปีนึง งานปรับปรุงจะเริ่มทำกันในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึง จากข้อมูลที่เปิดเผยออกมา ดูเหมือนว่าจะมีการกลับไปใช้โค้ง 12 เดิม โดยจะพยายามเลื่อนแกรนสแตนด์ออกไปเพื่อเพิ่มพื้นที่ตรง Run-off ให้มากขึ้น ทั้งนี้ทางสนามต้องส่งแบบให้ทางคณะกรรมการด้านความปลอดภัยตรวจสอบก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ
Circuit de Barcelona-Catalunya
ส่วนสนามช้างบ้านเรา ดูแล้วก็น่าจะถูกบรรจุเข้าไปในปฏิทินในฤดูกาล 2018 ค่อนข้างจะแน่แล้ว และเนื่องจากเป็นสนามใหม่ ตามปกติแล้วถ้าเป็นไปได้จะต้องมีการทดสอบรถกันก่อนทีนึง ทำให้อาจจะได้รับหน้าเสื่อจัดการทดสอบรถในช่วงพรีซีซั่นด้วย เพื่อให้ทีมต่างๆได้มีโอกาสได้ทดสอบสนาม ที่ต้องติดตามในตอนนี้คือในกรณีที่ฤดูกาลหน้ามีการแข่งขันทั้งหมด 19 สนาม จะมีการขยับปฏิทินยังไง ถ้าต้องการที่จะเริ่มทดสอบในเดือน ก.พ. เหมือนเดิม เผลอๆอาจจะต้องลดจำนวนครั้งในการทดสอบจาก 3 ครั้งลงมาเหลือ 2 ครั้งก็เป็นได้ ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการออกมาจากทาง FIM แต่อย่างใด
ในช่วงพักเบรกครึ่งฤดูกาล มี 2 โรงงานที่ทำการทดสอบรถคือ KTM ยกขโยงกันไปทดสอบที่แอรากอนตั้งแต่สัปดาห์หลังจีพีที่เยอรมันนี ซึ่งการทดสอบครั้งนี้นอกจาก 2 นักแข่งอย่างเจ้าพอลและมิตตี้แล้ว ยังมีมิก้า คาลิโอ้ รวมไปถึงนักแข่งในรุ่น Moto2 ของ KTM อย่าง Miguel Oliveira ก็ได้รับโอกาสให้ได้ไปสัมผัสความแรงของเจ้า RC16 อีกด้วย
Red Bull KTM Factory Team MotoGP
การทดสอบครั้งนี้ก็เพื่อรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งต่องานให้กับทีมวิศวกรที่ออสเตรียกลับไปทำการบ้านในช่วงพักครึ่งฤดูกาล ปัญหาหลักอย่างนึงของรถ KTM ในตอนนี้คือตัวรถยังเลี้ยวยากอยู่ นักแข่งต้องใช้แรงเพื่อช่วยให้รถเลี้ยวค่อนข้างเยอะ ซึ่งคาดว่า Chassis ตัวใหม่น่าจะถูกส่งออกมาให้ทดสอบในเร็วๆนี้
ในขณะที่ Honda นั้นก็เพิ่งจะไปทดสอบปิดที่บรูโน่ เมื่อสัปดาห์ก่อน โดย 2 นักแข่งทีมโรงงาน HRC ช่วงชิงความได้เปรียบ ด้วยการจัดโปรแกรมทดสอบแทรกกลางช่วงพักร้อนในสนามที่พวกเค้าเองก็ค่อนข้างที่จะถนัดแบบนี้ ก็พอจะเดาได้ว่าต้องการที่จะรักษาโมเมนตั้มนี้ต่อไป ด้วยการคว้าชัยชนะที่สาธารณะรัฐเชคฯให้ได้
นอกจากนี้ประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจก็จะมี
- Corrado Cecchinelli ผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยีของโมโตจีพี ให้รายละเอียดกับเกี่ยวกับการจัดการแข่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าว่ายังไม่มีแผนที่จะนำมารวมกับการแข่งขันโมโตจีพีในปัจุบัน แต่จะนำร่องด้วยการแยกออกไปเป็นซีรีย์ใหม่ ซึ่งน่าจะเริ่มต้นได้ในปี 2019 เบื้องต้นจะเป็นการแข่งเป็นซัพพอร์ทเรซในบางสนามของการแข่งโมโตจีพีไปก่อน รวมถึงจะใช้รถสเปคเดียวกันในช่วง 3 ปีแรก เพื่อให้การทดสอบและการเตรียมการทำได้ง่าย หลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ค่อยขยับขยายเปิดให้โรงงานใหม่ๆเข้ามาร่วมแข่งขัน โดยตอนนี้มีประมาณ 2-3 ค่ายที่ต้องการจะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับทาง MotoGP
ผลงานดี ก็มีรางวัลให้
- หลังจากทำผลงานได้ดีมากๆกับต้นสังกัดใหม่ Romano Fenati จะขยับขึ้นไปแข่งในรุ่น Moto2 ในฤดูกาลหน้ากับทีมเดิมของเค้า (Marinelli Rivacold Snipers) ในฤดูกาลหน้า ซึ่งคาดว่าก็น่าจะใช้รถ Kalex นั่นแหละ ถือเป็นทีมน้องใหม่ที่ใหม่ทั้งนักแข่งและคนทำทีมเลยทีเดียว
- ทีมงานของ Hafizh Syahrin นักบิดจากแดนเสือเหลือง ประเทศเพื่อนบ้านเรา ออกมาเปิดเผยว่าได้มีการพูดคุยกับทีม LCR ถึงความเป็นไปได้ที่จะก้าวขึ้นไปแข่งในรุ่นพรีเมียร์ ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลมาเลยเซียและสนามเซปัง แต่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าไซยารินยังไม่พร้อมที่จะขยับขึ้นไปในปีหน้า ถ้าหากปี 2018 สามารถเข้ามาอยู่ในกลุ่ม Top5 และเป็นนักแข่งที่ได้ลุ้นโพเดี่ยมตลอด โอกาสที่เค้าจะได้ขยับขึ้นไปในโมโตจีพีในปี 2019 ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินจริง
ส่วนการเปลี่ยนแปลงในรุ่น Moto2 นั้นก็เริ่มจะมีรายละเอียดต่างๆออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้กำลังเร่งทำเอกสารของ Moto2 Technical Information 2019 อยู่เพราะจะเป็นรายละเอียดทั้งหมดที่ทางโรงงานที่ผลิตเฟรมต้องนำไปใช้
ในส่วนของเครื่องยนต์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ Danny Aldridge ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของ MotoGP พร้อมกับทีมงานจาก Externpro จะเข้าไปที่โรงงานของ Triumph เพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะพิมพ์เขียว 3 มิติของตัวเครื่องยนต์ ข้อมูลสำคัญในตอนนี้คือขนาดและรูปร่างที่แท้จริงของเครื่องยนต์ เซ็นเซอร์ตัวไหนที่จะใช้บ้าง ตำแหน่งจุดเชื่อมต่อต่างๆอยู่ตรงไหน
ผู้ผลิต Chassis อย่าง Suter, Kalex, KTM, Tech 3 และ Speed Up จะต้องติดต่อ Triumph ผ่านทางฝ่ายเทคนิคคอลของโมโตจีพี ซึ่งจะมีพูลกลางสำหรับเก็บข้อมูล ที่ทุกโรงงานสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ทุกคำถามที่ถามไป ทุกโรงงานจะรับรู้คำตอบด้วยกันทั้งหมดไม่ว่าจะถามโดยใคร
ในส่วนของ Externpro นั้น หน้าที่หลักคือโมเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดูแลและบำรุงรักษาเครื่องยนต์เพื่อส่งให้กับทีมแข่ง โดยทีมช่างและวิศวกรของ Externpro นั้นจะดูแลเครื่องยนต์ทั้งหมด 120 เครื่อง ความท้าทายของงานนี้คือต้องจัดเตรียมเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะที่ใกล้เคียงกันที่สุด 30 กว่าเครื่องในแต่ละสนามเพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน
ทางด้าน ECU กลางจาก Magneti-Marelli พื้นฐานของตัวฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์จะเป็นตัวเดียวกันกับของโมโตจีพีแต่จะมีสเปคที่ต่ำกว่าและมีเฉพาะฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับรถโมโตทูจากข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่าย โดยในปี 2019 ซึ่งเป็นปีแรกที่จะถูกนำมาใช้งานนั้น ฟีเจอร์ของ ECU จะเริ่มจากตัวที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าอย่าง Ride-by-wire (การควบคุมคันเร่งแบบไม่ใช้สายเคเบิล) และการควบคุม Engine brake ซึ่งจะเป็น 2 อย่างที่จะถูกเน้นก่อน ขณะที่ฟังค์ชั่นสำหรับควบคุม Chassis อย่าง Traction control, Anti-wheelie และอื่นๆจะค่อยๆทยอยใส่ตามมาทีหลัง ซึ่งอาจจะเป็นในปีที่ 2
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ
MotoGP,
Motomatter,
Crash.net,
Speedweek รวมถึงจากในพันทิปและเว็บอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยถึงด้วยครับ
[MotoGP] อัพเดทข่าวสารความเคลื่อนไหวในช่วงพักเบรกครึ่งฤดูกาล 2017 กัน
Danilo Petrucci & Alvaro Bautista
Danilo Petrucci จะยังคงเป็นนักแข่งของ Ducati และอยู่กับทีม Pramac Ducati ต่อไปในฤดูกาลหน้า แม้ว่าเค้าจะได้รับข้อเสนอที่ดีจากทาง Aprilia ก็ตาม โดยเพทรุคชี่เซ็นสัญญาตรงกับ Ducati เหมือนสัญญาของปีนี้และจะได้รถ GP18 เหมือนกับนักแข่งทีมโรงงานเช่นเดิม ในขณะเดียวกัน Alvaro Bautista ก็ได้ขยายสัญญากับทีม Aspar ออกไปอีก 1 ฤดูกาล โดยพี่เบาจะได้รถ GP17
สถานการณ์แบบนี้ ทำให้ Aprilia นั้นเหลือทางเลือกไม่มากนัก ถ้ายังต้องการที่จะหาคนมาแทนแซม โลว์ ที่ผลงาน 2 ฟอร์มใน 2 สนามหลังนั้นดูดีขึ้นมาเล็กน้อยจะไปหยิบเอาใครดี Scott Redding ที่อาจจะไม่ได้อยู่กับทีมพราแมคต่อ เป็นนักแข่งที่ยังพอจะเป็นไปได้ แต่ก็ไม่ใช่นักแข่งที่โดดเด่นพอที่จะเรียกมาแทนแล้วจะไม่โดนด่า ต้องรอดูว่าทีมจากโนอาเลจะตัดสินใจยัง
กลับมาที่เรื่องในมุ้งของโรงงานจากโบโลญญ่าต่อ ถึงตรงนี้ Ducati ได้จัดโควต้ารถ GP17 สำหรับฤดูกาลหน้าให้กับทีม Pramac, Aspar และ Avintia ไปแล้วทีมละคัน ขณะที่อีก 2 คันที่เหลือของทีมแอสปาร์และอวินเทียนั้น ขึ้นอยู่กับศักยภาพของนักแข่งที่จะมาขี่ให้ ว่าดูคาติจะให้ใช้รถ GP16 หรือว่าลงทุนอัพเกรดให้เป็นรถ GP17 แต่หนทางยังอีกยาวไกล กว่าที่จะมีการเคาะกันครั้งสุดท้ายว่าใครจะมาขี่รถ Ducati อีก 2 คันที่เหลือ
ข่าวลือล่าสุดที่ออกมาตอนนี้คือ Jack Miller ที่เพิ่งจะหมดสัญญากับทาง HRC จะย้ายข้ามไปขี่รถ Ducati GP17 ให้กับทีม Pramac (ตามข่าวนี่คือบอกว่าทุกอย่างโอเคหมดแล้ว เหลือแค่รอเปิดตัว) เนื่องจากแจ็ค มิลเลอร์ ไม่พอใจที่ทาง Honda นั้นอัพเกรดรถให้กับทีม Marc VDS ช้ามาก ไอ้แจ็คบ่นว่า รถ RC213V ของตัวเองตั้งแต่ทดสอบที่ออสเตเรียมาจนถึงสนามล่าสุดยังเป็นเวอร์ชั่นเดียวกัน ไม่แก้ไขอะไรให้ตูเลย แต่จะว่าไป GP17 เนี่ยมันก็ไม่ใช่รถใหม่นะแจ็ค 555+ สถานการณ์ในส่วนของทีมลูกของค่าย Honda นั้นค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า LCR จะเป็นทีมลูกเมียหลวง ขณะที่ EG 0,0 Marc VDS ที่มีพร้อมทุกอย่าง กลับเป็นได้แค่ลูกเมียน้อย
JM43
ทีม Marc VDS ในตอนนี้อยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้า คายไม่ออก เพราะจะว่าไปแล้วความสัมพันธ์กับ Honda นั้นถือว่าผูกปิ่นโตกันไว้เยอะ ตั้งแต่ใน CEV ไล่มา Moto3 จนถึงโมโตจีพี แต่ในรุ่นใหญ่ที่จ่ายเยอะสุดกลับเหมือนจะได้รับการเหลียวแลน้อยที่สุดซะงั้น ลึกๆแล้วก็เหมือนทีมจะอยากย้ายไปซบอกโรงงานเหมือนกัน แต่สถานการณ์มันไม่ค่อยจะเป็นใจเท่าไหร่ จะไปเป็นลูกค้า Ducati ก็เต็มเอี๊ยดแล้ว ทีมอื่นอย่าง Suzuki หรือ Aprilia ก็ยังไม่พร้อม รถก็ยังสู้ 3 โรงงานใหญ่ไม่ไหว ทำให้สุดท้ายแล้ว ทีมน่าจะต้องจำใจใช้บริการรถ RC213V ของ Honda ต่อไปอีก 1 ฤดูกาล แล้วค่อยไปว่ากันอีกทีหลังจากจบฤดูกาล 2018
EG 0,0 Marc VDS Honda RC213V
ถัดไปที่เรื่องสนามแข่ง 2 สนามหลักในปฏิทินการแข่งขันอย่างเฆเรซและคาตาลุนญ่า (บาร์เซโลน่า) ที่สภาพผิวแทรคนั้นเก่าจนจะเป็นทางเกวียน และโดนนักแข่งบ่นกันอุบว่าถ้าไม่ลาดยางใหม่ก็ไม่ต้องกลับมาแข่งมันแล้วที่นี่ ตัดสินใจปรับปรุงผิวสนามใหม่กันทั้งคู่ ทำให้ทั้ง 2 สนามจะยังคงอยู่ในปฏิทินการแข่งขันในฤดูกาลหน้าต่อไป (ก่อนหน้านี้ทาง Dorna ต้องการที่จะลดจำนวนการแข่งในสเปนลง) โดยที่เฆเรซนั้นได้เริ่มต้นปรับปรุงไปแล้ว เพื่อให้ทันการใช้งานสนามในช่วงเดือนกันยายน ซึ่ง WSBK จะเป็นรายการแรกที่จะได้ชิมลางผิวแทรคใหม่
ส่วนที่บาร์เซโลน่านั้น เดิมทีได้มีการวางแผนที่จะปรับปรุงครั้งใหญ่หลังจบฤดูกาล 2018 แต่เนื่องจากมีปัญหารุมเร้าหลายด้าน ทั้งผิวสนามที่เก่ารวมไปถึงชิคเคนสุดท้ายก่อนถึงทางตรงที่ยังหาทางออกที่โอเคยังไม่เจอซักกะที ซึ่งทาง FIM และ Dorna ต้องปวดหัวกับเรื่องนี้มาแล้ว 2 ปี เลยจำเป็นต้องบีบไปทางสนามอีกต่อนึง เมื่อต้องเลือกระหว่างถูกถอดออกจากปฏิทินกับปรับปรุงสนาม ก็เลยต้องจำใจ จำยอมเลื่อนแผนให้เร็วขึ้นกว่าเดิมปีนึง งานปรับปรุงจะเริ่มทำกันในช่วงฤดูหนาวที่จะมาถึง จากข้อมูลที่เปิดเผยออกมา ดูเหมือนว่าจะมีการกลับไปใช้โค้ง 12 เดิม โดยจะพยายามเลื่อนแกรนสแตนด์ออกไปเพื่อเพิ่มพื้นที่ตรง Run-off ให้มากขึ้น ทั้งนี้ทางสนามต้องส่งแบบให้ทางคณะกรรมการด้านความปลอดภัยตรวจสอบก่อนที่จะเริ่มดำเนินการ
Circuit de Barcelona-Catalunya
ส่วนสนามช้างบ้านเรา ดูแล้วก็น่าจะถูกบรรจุเข้าไปในปฏิทินในฤดูกาล 2018 ค่อนข้างจะแน่แล้ว และเนื่องจากเป็นสนามใหม่ ตามปกติแล้วถ้าเป็นไปได้จะต้องมีการทดสอบรถกันก่อนทีนึง ทำให้อาจจะได้รับหน้าเสื่อจัดการทดสอบรถในช่วงพรีซีซั่นด้วย เพื่อให้ทีมต่างๆได้มีโอกาสได้ทดสอบสนาม ที่ต้องติดตามในตอนนี้คือในกรณีที่ฤดูกาลหน้ามีการแข่งขันทั้งหมด 19 สนาม จะมีการขยับปฏิทินยังไง ถ้าต้องการที่จะเริ่มทดสอบในเดือน ก.พ. เหมือนเดิม เผลอๆอาจจะต้องลดจำนวนครั้งในการทดสอบจาก 3 ครั้งลงมาเหลือ 2 ครั้งก็เป็นได้ ทั้งนี้ยังไม่มีการยืนยันในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการออกมาจากทาง FIM แต่อย่างใด
ในช่วงพักเบรกครึ่งฤดูกาล มี 2 โรงงานที่ทำการทดสอบรถคือ KTM ยกขโยงกันไปทดสอบที่แอรากอนตั้งแต่สัปดาห์หลังจีพีที่เยอรมันนี ซึ่งการทดสอบครั้งนี้นอกจาก 2 นักแข่งอย่างเจ้าพอลและมิตตี้แล้ว ยังมีมิก้า คาลิโอ้ รวมไปถึงนักแข่งในรุ่น Moto2 ของ KTM อย่าง Miguel Oliveira ก็ได้รับโอกาสให้ได้ไปสัมผัสความแรงของเจ้า RC16 อีกด้วย
Red Bull KTM Factory Team MotoGP
การทดสอบครั้งนี้ก็เพื่อรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งต่องานให้กับทีมวิศวกรที่ออสเตรียกลับไปทำการบ้านในช่วงพักครึ่งฤดูกาล ปัญหาหลักอย่างนึงของรถ KTM ในตอนนี้คือตัวรถยังเลี้ยวยากอยู่ นักแข่งต้องใช้แรงเพื่อช่วยให้รถเลี้ยวค่อนข้างเยอะ ซึ่งคาดว่า Chassis ตัวใหม่น่าจะถูกส่งออกมาให้ทดสอบในเร็วๆนี้
ในขณะที่ Honda นั้นก็เพิ่งจะไปทดสอบปิดที่บรูโน่ เมื่อสัปดาห์ก่อน โดย 2 นักแข่งทีมโรงงาน HRC ช่วงชิงความได้เปรียบ ด้วยการจัดโปรแกรมทดสอบแทรกกลางช่วงพักร้อนในสนามที่พวกเค้าเองก็ค่อนข้างที่จะถนัดแบบนี้ ก็พอจะเดาได้ว่าต้องการที่จะรักษาโมเมนตั้มนี้ต่อไป ด้วยการคว้าชัยชนะที่สาธารณะรัฐเชคฯให้ได้
นอกจากนี้ประเด็นอื่นๆที่น่าสนใจก็จะมี
- Corrado Cecchinelli ผู้อำนวยการด้านเทคโนโลยีของโมโตจีพี ให้รายละเอียดกับเกี่ยวกับการจัดการแข่งรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าว่ายังไม่มีแผนที่จะนำมารวมกับการแข่งขันโมโตจีพีในปัจุบัน แต่จะนำร่องด้วยการแยกออกไปเป็นซีรีย์ใหม่ ซึ่งน่าจะเริ่มต้นได้ในปี 2019 เบื้องต้นจะเป็นการแข่งเป็นซัพพอร์ทเรซในบางสนามของการแข่งโมโตจีพีไปก่อน รวมถึงจะใช้รถสเปคเดียวกันในช่วง 3 ปีแรก เพื่อให้การทดสอบและการเตรียมการทำได้ง่าย หลังจากที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ค่อยขยับขยายเปิดให้โรงงานใหม่ๆเข้ามาร่วมแข่งขัน โดยตอนนี้มีประมาณ 2-3 ค่ายที่ต้องการจะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์กับทาง MotoGP
ผลงานดี ก็มีรางวัลให้
- หลังจากทำผลงานได้ดีมากๆกับต้นสังกัดใหม่ Romano Fenati จะขยับขึ้นไปแข่งในรุ่น Moto2 ในฤดูกาลหน้ากับทีมเดิมของเค้า (Marinelli Rivacold Snipers) ในฤดูกาลหน้า ซึ่งคาดว่าก็น่าจะใช้รถ Kalex นั่นแหละ ถือเป็นทีมน้องใหม่ที่ใหม่ทั้งนักแข่งและคนทำทีมเลยทีเดียว
- ทีมงานของ Hafizh Syahrin นักบิดจากแดนเสือเหลือง ประเทศเพื่อนบ้านเรา ออกมาเปิดเผยว่าได้มีการพูดคุยกับทีม LCR ถึงความเป็นไปได้ที่จะก้าวขึ้นไปแข่งในรุ่นพรีเมียร์ ภายใต้การสนับสนุนของรัฐบาลมาเลยเซียและสนามเซปัง แต่ทุกฝ่ายเห็นพ้องกันว่าไซยารินยังไม่พร้อมที่จะขยับขึ้นไปในปีหน้า ถ้าหากปี 2018 สามารถเข้ามาอยู่ในกลุ่ม Top5 และเป็นนักแข่งที่ได้ลุ้นโพเดี่ยมตลอด โอกาสที่เค้าจะได้ขยับขึ้นไปในโมโตจีพีในปี 2019 ก็ไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินจริง
ส่วนการเปลี่ยนแปลงในรุ่น Moto2 นั้นก็เริ่มจะมีรายละเอียดต่างๆออกมามากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้กำลังเร่งทำเอกสารของ Moto2 Technical Information 2019 อยู่เพราะจะเป็นรายละเอียดทั้งหมดที่ทางโรงงานที่ผลิตเฟรมต้องนำไปใช้
ในส่วนของเครื่องยนต์ ในช่วงซัมเมอร์นี้ Danny Aldridge ผู้อำนวยการด้านเทคนิคของ MotoGP พร้อมกับทีมงานจาก Externpro จะเข้าไปที่โรงงานของ Triumph เพื่อเก็บรายละเอียดต่างๆ โดยเฉพาะพิมพ์เขียว 3 มิติของตัวเครื่องยนต์ ข้อมูลสำคัญในตอนนี้คือขนาดและรูปร่างที่แท้จริงของเครื่องยนต์ เซ็นเซอร์ตัวไหนที่จะใช้บ้าง ตำแหน่งจุดเชื่อมต่อต่างๆอยู่ตรงไหน
ผู้ผลิต Chassis อย่าง Suter, Kalex, KTM, Tech 3 และ Speed Up จะต้องติดต่อ Triumph ผ่านทางฝ่ายเทคนิคคอลของโมโตจีพี ซึ่งจะมีพูลกลางสำหรับเก็บข้อมูล ที่ทุกโรงงานสามารถเข้าถึงได้อย่างเท่าเทียม ทุกคำถามที่ถามไป ทุกโรงงานจะรับรู้คำตอบด้วยกันทั้งหมดไม่ว่าจะถามโดยใคร
ในส่วนของ Externpro นั้น หน้าที่หลักคือโมเครื่องยนต์ให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น ดูแลและบำรุงรักษาเครื่องยนต์เพื่อส่งให้กับทีมแข่ง โดยทีมช่างและวิศวกรของ Externpro นั้นจะดูแลเครื่องยนต์ทั้งหมด 120 เครื่อง ความท้าทายของงานนี้คือต้องจัดเตรียมเครื่องยนต์ที่มีสมรรถนะที่ใกล้เคียงกันที่สุด 30 กว่าเครื่องในแต่ละสนามเพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกัน
ทางด้าน ECU กลางจาก Magneti-Marelli พื้นฐานของตัวฮาร์ดแวร์และซอร์ฟแวร์จะเป็นตัวเดียวกันกับของโมโตจีพีแต่จะมีสเปคที่ต่ำกว่าและมีเฉพาะฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับรถโมโตทูจากข้อจำกัดในเรื่องค่าใช้จ่าย โดยในปี 2019 ซึ่งเป็นปีแรกที่จะถูกนำมาใช้งานนั้น ฟีเจอร์ของ ECU จะเริ่มจากตัวที่มีความซับซ้อนน้อยกว่าอย่าง Ride-by-wire (การควบคุมคันเร่งแบบไม่ใช้สายเคเบิล) และการควบคุม Engine brake ซึ่งจะเป็น 2 อย่างที่จะถูกเน้นก่อน ขณะที่ฟังค์ชั่นสำหรับควบคุม Chassis อย่าง Traction control, Anti-wheelie และอื่นๆจะค่อยๆทยอยใส่ตามมาทีหลัง ซึ่งอาจจะเป็นในปีที่ 2
ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ MotoGP, Motomatter, Crash.net, Speedweek รวมถึงจากในพันทิปและเว็บอื่นๆที่ไม่ได้เอ่ยถึงด้วยครับ