สวัสดีครับ นี่ไม่ใช่กระทู้แรก แฮร่ ตลกไปทีนึงจะได้ไม่เครียด พอดีผมตั้งกระทู้ห้องหว้าก้อมาก่อน เลยไม่ได้กระทู้แรกครับและผมตั้งกระทู้เองไม่ยืมใครล็อคอิน
เข้าเรื่องเลยนะครับ ผมเป็นนศ.มหาลัยฯปีสุดท้าย อยู่ในช่วงฝึกงานครับ ซึ่งบ้านผมมีสมาชิก 3 คน มี พ่อ แม่ ผม
เริ่มตอนปลายปี 59 ครับ น้าผมก่อนหน้านี้แกทำหน้าที่เลี้ยงยาย โดยพวกพี่ๆก็คือแม่ ป้า ลุง ให้เงินแกเป็นค่าเลี้ยงดูยาย เพราะปกติน้าคนนี้แกทำอาชีพดูแลคนแก่ ผู้ป่วยอยู่ก่อนครับ คราวนี้ยายล้มป่วยเลยให้น้ามาดูแลครับ พอปลายปี59 ยายก็ได้เสีย แล้วน้าก็ว่างงาน บวกกับจะผ่าตัดต่อเนื้อที่ตา ก็เลยมาขออาศัยครอบครัวผมอยู่ครับ ซึ่งครอบครัวผมอาศัยคอนโดฯส่วนบุคคล สมัยก่อนไม่ใช่คอนโดฯโครงการใหม่ไรนะครับ เป็น 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำเท่านั้น ปรกติใช้ชีวิตกัน 3 พ่อแม่ลูก พี่สาวนานๆแวะมาทีเพราะไปมีครอบครัวนานกว่า10ปีแล้ว แกเข้ามาพักเพราะจะผ่าตัดต้นปี60 พอผ่าแกก็ปิดตาไปข้างนึง แล้วต้องหาหมอทุกวันอาทิตย์ ซึ่งผมก็โอเคแกป่วย ถึงจะลำบากหน่อยที่คนมาเพิ่ม แต่ก็เห็นใจแกเพราะไม่มีครอบครัวก็ต้องมาพึ่งแม่ผม ไอความลำบากเนี่ยเดี๋ยวผมจะพูดต่อให้จบนะครับยาวมาก เล่าต่อคือหลังจากผ่าเนี่ย ผมคิดว่าแกคงรักษาตัวประมานเต็มที่ไม่เกิน 2 เดือนคงกลับตจว.ไปอยู่อะไรก็ว่าไป แต่คราวนี้มันไม่ใช่สิ่งที่คิด ก่อนแกผ่าตัด แกไปบวชชีหัวโล้นเลยอะครับ ไม่ใช่ชีพราหมณ์นะครับ พอตาเริ่มเปิดที่ปิดตาได้ แกก็คงไปหาหมอทุกอาทิตย์ โดยที่วัน จัน - เสาร์ แกตื่นมากินข้าว ดูทีวี นอน พอเริ่มหัวค่ำ พ่อแม่ผมจะมาแกถึงค่อยล้างจาน อาบน้ำ ซึ่งวนเวียนอย่างงี้จน 3 เดือน คือ เดือน มีนาคม แกก็บอกกลับแม่ผมว่าแกกลับไปตจว. ซึ่งตอนนั้น ผมดีใจมากเพราะว่า รู้สึกอึดอัดมาก ผมเป็นผช.วัยรุ่น ต้องคอยระมัดระวัง ถอดเสื้ออยู่ในบ้านก็ไม่ได้ เพราะแกเป็นผญ.แถมบวชอีกด้วย พ่อกับผมต้องนอนเบียดกางฟูกกับพื้น เตียงแม่กับน้านอนกัน ซึ่งผมสงสารพ่อสุดตรงที่เค้าทำงานหนัก จะได้พักผ่อนสบายๆกับมานอนฟูกแข็งๆ หลับบ้างไม่หลับบ้าง และพ่อผมก็เป็นโรคหัวใจเคยนอนรพ.มาแล้ว ปัจจุบันหมอนัดตรวจทุก 3 เดือนครับ ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร บอกแม่ แม่ผมก็บอกว่าเดี๋ยวเค้าก็กลับๆ บอกพ่อ พ่อก็บอกไม่อยากพูด พูดแล้วเดี๋ยวมองหน้ากันไม่ติด ซึ่งผมอึดอัดใจมากๆ เพราะวันไหนผมทำรายงานดึกๆ ผมก็ไม่กล้าพิมพ์ดึกมากเพราะแสงไฟ เสียงคีย์บอร์ดจะรบกวนการนอนพ่อผม และบางคืนน้าผมก็ละเมอเสียงดังลั่นบ้าน แถมแกอาบน้ำแต่ละที ค่าน้ำขึ้นไป2เท่าตัว จากเดิม ค่าไฟก็เพิ่ม ค่ากับข้าวก็เพิ่ม แม่ผมก็บ่นกับผมตลอด ตอนที่น้าแกไม่อยู่ พอเข้าเดือน พ.ค. แกก็กลับมาบอกว่าหมอตานัดอีก ผมก็คิดว่าแกคงพัก อาทิตนึงหรือ2อาทิตอย่างมาก ก็คงกลับตจว. แต่ผิดคาด แกกลับอยู่ยาวจนเป็นเดือน ๆ ผมก็ถามแม่ ว่าตาแกหายแล้วไม่ใช่หรอ แกจะมาหาหมอตาทำไม แกเป็นแค่ต้อเนื้อ ไม่ใช่หรอ แม่ก็บอกไม่รู้ ว่าเค้ารักษากันยังไง แม่ถามแกก็ตอบว่าหมอนัดๆๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่านัดจริงหรือหาข้ออ้างอยู่ต่อไปเรื่อยๆ จนผ่านเดือน มิ.ย. ไป จนเข้าถึงเดือน ก.ค. ผ่านไป 1 อาทิต ผมเลยตัดสินใจถามเลยว่า ไม่ไปจำศีลหรอครับ เพราะเข้าพรรษา แกเป็นชี ผมนึกว่าจะไปจำศีลที่วัดหรือกลับตจว.แกกลับใช้ข้ออ้างเดิมๆ ว่าหมอนัดๆตา หมอนัดทำฟันอีก ผมก็เลยบอก นี่ 7 เดือนแล้วยังนัดอีกหรอ มันคงหายได้แล้วมั้ง แกกลับเสียงแข็งตอบผมว่า ก็หมอนัดให้ทำยังไง ผมเลยพูดว่าถ้าหายแล้วก็ไม่ต้องไปหรอก ไปแต่ละทีก็ต้องเสียเงิน เห็นบ่นๆว่าไม่มีเงิน จะได้เก็บเงินเก็บทองไว้ใช้ แล้วแกก็พูดมาว่าเนี่ยหมอนัดวันอาทิต 23 ก.ค. เนี่ย ผมก็โอเค ให้โอกาสจนถึง 23 แกก็ออกจากบ้านแต่เช้า กลับมาเย็นเสร็จปุปมานอน เหมือนคนขี้เกียจอะครับ ผมเวทนามากๆ ผมก็คิดว่าวันจันทร์แกคงกลับตจว.ละมั้ง พอผมกลับบ้านมาแกก็ยังอยู่
*คำถาม*
ผมตัดสินใจจะพูดกับแกว่า ให้แกกลับตจว.ได้แล้ว มันน่าเกลียดไหมครับ แล้วผมต้องพูดแบบไหนให้เค้าเข้าใจว่าพวกผมลำบาก อึดอัดใจ
บวชชีแล้วไม่ต้องจำศีลก็ได้หรอครับ แกให้เหตุผลบอกว่าไม่เหมือนกับพระ อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ
ปล.ผมเคยอ่านกระทู้ในพันทิปเห็นว่ามีน้องสาวมาอยู่กับพี่สาวที่มีสามีอยู่ด้วย เห็นในกระทู้นั้น มีความเห็นเข้าข้างน้องสาวอยู่ว่าสามารถน้องสาวอยู่ได้ต้องพึ่งพากันพี่น้อง แต่เคสนี้ผมเป็นหลาน ความเห็นมันจะต่างกับกระทู้นั้นไหมหรือให้ผมทนๆไปจนกว่าเค้าจะตัดสินใจกลับเองหรอครับ
น้าผญ. มาพักห้องเดียวกับครอบครัวหลายเดือน พูดอย่างไรในฐานะหลานให้เค้าไปโดยไม่น่าเกลียดครับ
เข้าเรื่องเลยนะครับ ผมเป็นนศ.มหาลัยฯปีสุดท้าย อยู่ในช่วงฝึกงานครับ ซึ่งบ้านผมมีสมาชิก 3 คน มี พ่อ แม่ ผม
เริ่มตอนปลายปี 59 ครับ น้าผมก่อนหน้านี้แกทำหน้าที่เลี้ยงยาย โดยพวกพี่ๆก็คือแม่ ป้า ลุง ให้เงินแกเป็นค่าเลี้ยงดูยาย เพราะปกติน้าคนนี้แกทำอาชีพดูแลคนแก่ ผู้ป่วยอยู่ก่อนครับ คราวนี้ยายล้มป่วยเลยให้น้ามาดูแลครับ พอปลายปี59 ยายก็ได้เสีย แล้วน้าก็ว่างงาน บวกกับจะผ่าตัดต่อเนื้อที่ตา ก็เลยมาขออาศัยครอบครัวผมอยู่ครับ ซึ่งครอบครัวผมอาศัยคอนโดฯส่วนบุคคล สมัยก่อนไม่ใช่คอนโดฯโครงการใหม่ไรนะครับ เป็น 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำเท่านั้น ปรกติใช้ชีวิตกัน 3 พ่อแม่ลูก พี่สาวนานๆแวะมาทีเพราะไปมีครอบครัวนานกว่า10ปีแล้ว แกเข้ามาพักเพราะจะผ่าตัดต้นปี60 พอผ่าแกก็ปิดตาไปข้างนึง แล้วต้องหาหมอทุกวันอาทิตย์ ซึ่งผมก็โอเคแกป่วย ถึงจะลำบากหน่อยที่คนมาเพิ่ม แต่ก็เห็นใจแกเพราะไม่มีครอบครัวก็ต้องมาพึ่งแม่ผม ไอความลำบากเนี่ยเดี๋ยวผมจะพูดต่อให้จบนะครับยาวมาก เล่าต่อคือหลังจากผ่าเนี่ย ผมคิดว่าแกคงรักษาตัวประมานเต็มที่ไม่เกิน 2 เดือนคงกลับตจว.ไปอยู่อะไรก็ว่าไป แต่คราวนี้มันไม่ใช่สิ่งที่คิด ก่อนแกผ่าตัด แกไปบวชชีหัวโล้นเลยอะครับ ไม่ใช่ชีพราหมณ์นะครับ พอตาเริ่มเปิดที่ปิดตาได้ แกก็คงไปหาหมอทุกอาทิตย์ โดยที่วัน จัน - เสาร์ แกตื่นมากินข้าว ดูทีวี นอน พอเริ่มหัวค่ำ พ่อแม่ผมจะมาแกถึงค่อยล้างจาน อาบน้ำ ซึ่งวนเวียนอย่างงี้จน 3 เดือน คือ เดือน มีนาคม แกก็บอกกลับแม่ผมว่าแกกลับไปตจว. ซึ่งตอนนั้น ผมดีใจมากเพราะว่า รู้สึกอึดอัดมาก ผมเป็นผช.วัยรุ่น ต้องคอยระมัดระวัง ถอดเสื้ออยู่ในบ้านก็ไม่ได้ เพราะแกเป็นผญ.แถมบวชอีกด้วย พ่อกับผมต้องนอนเบียดกางฟูกกับพื้น เตียงแม่กับน้านอนกัน ซึ่งผมสงสารพ่อสุดตรงที่เค้าทำงานหนัก จะได้พักผ่อนสบายๆกับมานอนฟูกแข็งๆ หลับบ้างไม่หลับบ้าง และพ่อผมก็เป็นโรคหัวใจเคยนอนรพ.มาแล้ว ปัจจุบันหมอนัดตรวจทุก 3 เดือนครับ ผมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร บอกแม่ แม่ผมก็บอกว่าเดี๋ยวเค้าก็กลับๆ บอกพ่อ พ่อก็บอกไม่อยากพูด พูดแล้วเดี๋ยวมองหน้ากันไม่ติด ซึ่งผมอึดอัดใจมากๆ เพราะวันไหนผมทำรายงานดึกๆ ผมก็ไม่กล้าพิมพ์ดึกมากเพราะแสงไฟ เสียงคีย์บอร์ดจะรบกวนการนอนพ่อผม และบางคืนน้าผมก็ละเมอเสียงดังลั่นบ้าน แถมแกอาบน้ำแต่ละที ค่าน้ำขึ้นไป2เท่าตัว จากเดิม ค่าไฟก็เพิ่ม ค่ากับข้าวก็เพิ่ม แม่ผมก็บ่นกับผมตลอด ตอนที่น้าแกไม่อยู่ พอเข้าเดือน พ.ค. แกก็กลับมาบอกว่าหมอตานัดอีก ผมก็คิดว่าแกคงพัก อาทิตนึงหรือ2อาทิตอย่างมาก ก็คงกลับตจว. แต่ผิดคาด แกกลับอยู่ยาวจนเป็นเดือน ๆ ผมก็ถามแม่ ว่าตาแกหายแล้วไม่ใช่หรอ แกจะมาหาหมอตาทำไม แกเป็นแค่ต้อเนื้อ ไม่ใช่หรอ แม่ก็บอกไม่รู้ ว่าเค้ารักษากันยังไง แม่ถามแกก็ตอบว่าหมอนัดๆๆ ซึ่งผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่านัดจริงหรือหาข้ออ้างอยู่ต่อไปเรื่อยๆ จนผ่านเดือน มิ.ย. ไป จนเข้าถึงเดือน ก.ค. ผ่านไป 1 อาทิต ผมเลยตัดสินใจถามเลยว่า ไม่ไปจำศีลหรอครับ เพราะเข้าพรรษา แกเป็นชี ผมนึกว่าจะไปจำศีลที่วัดหรือกลับตจว.แกกลับใช้ข้ออ้างเดิมๆ ว่าหมอนัดๆตา หมอนัดทำฟันอีก ผมก็เลยบอก นี่ 7 เดือนแล้วยังนัดอีกหรอ มันคงหายได้แล้วมั้ง แกกลับเสียงแข็งตอบผมว่า ก็หมอนัดให้ทำยังไง ผมเลยพูดว่าถ้าหายแล้วก็ไม่ต้องไปหรอก ไปแต่ละทีก็ต้องเสียเงิน เห็นบ่นๆว่าไม่มีเงิน จะได้เก็บเงินเก็บทองไว้ใช้ แล้วแกก็พูดมาว่าเนี่ยหมอนัดวันอาทิต 23 ก.ค. เนี่ย ผมก็โอเค ให้โอกาสจนถึง 23 แกก็ออกจากบ้านแต่เช้า กลับมาเย็นเสร็จปุปมานอน เหมือนคนขี้เกียจอะครับ ผมเวทนามากๆ ผมก็คิดว่าวันจันทร์แกคงกลับตจว.ละมั้ง พอผมกลับบ้านมาแกก็ยังอยู่
*คำถาม*
ผมตัดสินใจจะพูดกับแกว่า ให้แกกลับตจว.ได้แล้ว มันน่าเกลียดไหมครับ แล้วผมต้องพูดแบบไหนให้เค้าเข้าใจว่าพวกผมลำบาก อึดอัดใจ
บวชชีแล้วไม่ต้องจำศีลก็ได้หรอครับ แกให้เหตุผลบอกว่าไม่เหมือนกับพระ อันนี้ผมไม่รู้จริงๆ
ปล.ผมเคยอ่านกระทู้ในพันทิปเห็นว่ามีน้องสาวมาอยู่กับพี่สาวที่มีสามีอยู่ด้วย เห็นในกระทู้นั้น มีความเห็นเข้าข้างน้องสาวอยู่ว่าสามารถน้องสาวอยู่ได้ต้องพึ่งพากันพี่น้อง แต่เคสนี้ผมเป็นหลาน ความเห็นมันจะต่างกับกระทู้นั้นไหมหรือให้ผมทนๆไปจนกว่าเค้าจะตัดสินใจกลับเองหรอครับ