บอร์ดใหญ่การศึกษาสงฆ์ ติงพศ.ไม่มีอำนาจกำกับ ตรวจสอบ สั่งสอบรร.ปริยัติธรรม ชี้ต้องผ่านบอร์ดใหญ่ที่มีสมเด็จพระวันรัต เป็นประธานพิจารณาก่อน แนะทบทวนอำนาจหน้าที่ตัวเอง พร้อมเสนออุดช่องโหว่ พศ.พิจารณางบอุดหนุนเองไม่ผ่านบอร์ดการศึกษาสงฆ์
จากการที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้ทำหนังสือแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) ดำเนินการตรวจสอบบัญชีรายรับ-รายจ่าย การลงบัญชีทะเบียนวัสดุ ครุภัณฑ์ ของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนสามัญศึกษาทั่วประเทศนั้น วันนี้( 23 ก.ค.) พระราชวรมุนี(พล อาภากโร) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กล่าวว่า ทราบว่าทางพศ.ได้ทำหนังสือให้พศจ.ตรวจสอบการจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย เนื่องจาก พบปัญหาเกี่ยวกับการทำบัญชีไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และการลงทะเบียนครุภัณฑ์ไม่เป็นระบบนั้น นับเป็นสิ่งที่ดีที่พศ.จะส่งเสริมการทำงานของรร.พระปริยัติธรรมให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น แต่ที่ผ่านมาการจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย รวมถึงการลงบัญชีครุภัณฑ์ รร.พระปริยัติธรรมได้ทำอยู่แล้ว และมีการรายงานพศจ.ทุกเดือน
พระราชวรมุนี กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา รร.พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมหาเถรสมาคม(มส.) โดยมีคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่มีสมเด็จพระวันรัต เป็นประธานคณะกรรมการฯ เป็นผู้มีอำนาจเต็มในการกำกับดูแล ส่วน
พศ.มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุนเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการจัดการศึกษา ดังนั้น การใช้อำนาจตรวจสอบ สั่งสอบ ควรได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมฯเสียก่อน จึงขอเสนอให้ทางพศ.ดูบทบาทและข้อกฎหมายให้รอบคอบเสียก่อน ในขณะเดียวกัน การออกหนังสือให้พศจ.ตรวจสอบบัญชีรายรับ รายจ่าย ก็ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมฯ แต่อย่างใด
“ขณะนี้ต้องทำความเข้าใจอำนาจหน้าที่ของพศ.ให้ชัดเกี่ยวกับการดูแลโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา โดยปัจจุบันผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นรองประธานคณะกรรมการศึกษาพระปริยัติธรรมฯ ซึ่งไม่มีอำนาจเต็มในการสั่งการหรือออกหนังสือที่จะสั่งตรวจสอบโรงเรียน เนื่องจากการสั่งการจะต้องผ่านมติการพิจารณาของบอร์ดใหญ่ที่มีสมเด็จพระวันรัต เป็นประธานก่อน แต่ในเรื่องการพิจารณางบประมาณในการอุดหนุนโรงเรียนนั้น นับตั้งแต่ปี2553 เป็นต้นมา กลับเป็นหน้าที่ของพศ.ดำเนินการ โดยคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมฯ ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมแม้แต่น้อย แต่พอเกิดปัญหาเรื่องงบประมาณขึ้นทั้งที่เรื่องงบประมาณพศ.ดูแลโดยตรง กลับผลักภาระมาให้โรงเรียนเป็นผู้รับผิดชอบแทน อย่างไรก็ตาม อาตมาอยากเสนอให้แก้ไขในส่วนช่องโหว่นี้ด้วย หากพิจารณางบประมาณไม่ใช่พศ.ดำเนินการเองทั้งหมด ควรรับฟังข้อคิดเห็นของบอร์ดใหญ่ด้วย”ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับประกาศมหาเถรสมาคม ว่าด้วยโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษาพ.ศ. 2553 ในหมวดที่ 4 ได้กำหนดอำนาจหน้าที่กำกับดูแลรร.พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ไว้ดังนี้ ข้อ 13 ให้มีกลุ่มโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา เพื่อส่งเสริม สนับสนุน นิเทศ ติดตาม การจัดการศึกษาของโรงเรียนภายในกลุ่มการกำหนดขนาด อำนาจหน้าที่ จำนวนบุคลากร หลักเกณฑ์ วิธีการหรือเงื่อนไขอื่นใด ของกลุ่มโรงเรียน ให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการ ข้อ 14 ให้มีคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ประกอบด้วย ประธานกรรมการมส. หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นประธานกรรมการ ผอ.พศ. เป็นรองประธานกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิจำนวนไม่เกิน 4 รูป/คน เลขานุการแม่กองบาลีสนามหลวง เลขานุการแม่กองธรรมสนามหลวง อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยมหามกุฏราชวิทยาลัย ประธานกลุ่มโรงเรียน จำนวน 5 รูป ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน เลขาธิการสภาการศึกษา ผอ.สำนักงบประมาณ รองผอ.พศ. ที่กำกับดูแลกองพุทธศาสนศึกษา ผอ.พศจ. จำนวน 4 คน เป็นกรรมการ ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา เป็นกรรมการและเลขานุการ มีวาระคราวละ 4 ปี การแต่งตั้งคณะกรรมการ ให้พศ.เสนอมส.แต่งตั้ง
ข้อ 15 คณะกรรมการ มีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้ (1) กำหนดนโยบาย มาตรฐานและแผนการจัดการศึกษาโรงเรียน (2) ให้คำแนะนำ ส่งเสริมการจัดการศึกษาและการดำเนินงานการประกันคุณภาพการศึกษา (3) ให้ความเห็นชอบในการจัดตั้ง ขยายชั้นเรียน ยุบรวม เลิกดำเนินการโรงเรียน (4) พิจารณาวินิจฉัยคำร้องทุกข์ (5) พิจารณาวินิจฉัย ขี้ขาดปัญหาข้อขัดข้องอื่นใดในการปฏิบัติตามประกาศนี้ คำวินิจฉัยของคณะกรรมการ ถือเป็นข้อยุติ (6) ออกระเบียบ คำสั่ง ประกาศ เกี่ยวกับการจัดการศึกษาและการบริหารบุคลากรของโรงเรียน กลุ่มโรงเรียน (7) แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตามที่เห็นสมควร.
ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ได้พยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ปัญหาที่เกิดขึ้นต่อพ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ ผอ.พศ. แต่ปรากฎว่า ไม่รับโทรศัพท์แต่อย่างใด...
ที่มา
https://www.dailynews.co.th/education/587168
ติงพศ.ไม่มีอำนาจกำกับ-สั่งสอบรร.ปริยัติธรรม..
จากการที่ พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ(พศ.) ได้ทำหนังสือแจ้งสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด(พศจ.) ดำเนินการตรวจสอบบัญชีรายรับ-รายจ่าย การลงบัญชีทะเบียนวัสดุ ครุภัณฑ์ ของโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนสามัญศึกษาทั่วประเทศนั้น วันนี้( 23 ก.ค.) พระราชวรมุนี(พล อาภากโร) กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา กล่าวว่า ทราบว่าทางพศ.ได้ทำหนังสือให้พศจ.ตรวจสอบการจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย เนื่องจาก พบปัญหาเกี่ยวกับการทำบัญชีไม่เป็นไปตามมาตรฐาน และการลงทะเบียนครุภัณฑ์ไม่เป็นระบบนั้น นับเป็นสิ่งที่ดีที่พศ.จะส่งเสริมการทำงานของรร.พระปริยัติธรรมให้เป็นระบบมากยิ่งขึ้น แต่ที่ผ่านมาการจัดทำบัญชีรายรับ รายจ่าย รวมถึงการลงบัญชีครุภัณฑ์ รร.พระปริยัติธรรมได้ทำอยู่แล้ว และมีการรายงานพศจ.ทุกเดือน
พระราชวรมุนี กล่าวต่อไปว่า นับตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นมา รร.พระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของมหาเถรสมาคม(มส.) โดยมีคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา ที่มีสมเด็จพระวันรัต เป็นประธานคณะกรรมการฯ เป็นผู้มีอำนาจเต็มในการกำกับดูแล ส่วน พศ.มีหน้าที่ในการส่งเสริม สนับสนุนเท่านั้น ไม่มีอำนาจในการจัดการศึกษา ดังนั้น การใช้อำนาจตรวจสอบ สั่งสอบ ควรได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมฯเสียก่อน จึงขอเสนอให้ทางพศ.ดูบทบาทและข้อกฎหมายให้รอบคอบเสียก่อน ในขณะเดียวกัน การออกหนังสือให้พศจ.ตรวจสอบบัญชีรายรับ รายจ่าย ก็ยังไม่ได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมฯ แต่อย่างใด
“ขณะนี้ต้องทำความเข้าใจอำนาจหน้าที่ของพศ.ให้ชัดเกี่ยวกับการดูแลโรงเรียนพระปริยัติธรรม แผนกสามัญศึกษา โดยปัจจุบันผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นรองประธานคณะกรรมการศึกษาพระปริยัติธรรมฯ ซึ่งไม่มีอำนาจเต็มในการสั่งการหรือออกหนังสือที่จะสั่งตรวจสอบโรงเรียน เนื่องจากการสั่งการจะต้องผ่านมติการพิจารณาของบอร์ดใหญ่ที่มีสมเด็จพระวันรัต เป็นประธานก่อน แต่ในเรื่องการพิจารณางบประมาณในการอุดหนุนโรงเรียนนั้น นับตั้งแต่ปี2553 เป็นต้นมา กลับเป็นหน้าที่ของพศ.ดำเนินการ โดยคณะกรรมการการศึกษาพระปริยัติธรรมฯ ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมแม้แต่น้อย แต่พอเกิดปัญหาเรื่องงบประมาณขึ้นทั้งที่เรื่องงบประมาณพศ.ดูแลโดยตรง กลับผลักภาระมาให้โรงเรียนเป็นผู้รับผิดชอบแทน อย่างไรก็ตาม อาตมาอยากเสนอให้แก้ไขในส่วนช่องโหว่นี้ด้วย หากพิจารณางบประมาณไม่ใช่พศ.ดำเนินการเองทั้งหมด ควรรับฟังข้อคิดเห็นของบอร์ดใหญ่ด้วย”ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่มา https://www.dailynews.co.th/education/587168