ก็คงได้บทสรุปว่า"
จบแล้ว" หลังจากข้อเสนอมูลค่า 75 ลป.ถูกสโมสร ไลป์ซิกห์ ปัดทิ้งไปกับการยื่นข้อเสนอให้พิจารณาเป็นครั้งที่ 3 เพื่อขอซื้อตัวมิดฟิลด์ตัวเก่งของสโมสรเมืองเบียร์อย่าง นาบี เกอิต้า เพราะการทดสอบที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า เงินที่ลิเวอร์พูลเสนอให้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของไลป์ซิกห์ได้
และอาจจะหาเหตุผลดีๆมาใช้ปลอบใจตัวเองได้ ว่าการที่ลิเวอร์พูลเลือกที่จะหยุด เพื่อรอโอกาสที่ดีกว่านี้ในช่วงซัมเมอร์หน้า ที่เงื่อนไขก็การซื้อสัญญา มูลค่า 48 ลป.จะมีผล ก็ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าการบังคับแข็งขืนฝืนจะซื้อให้ได้ในตอนนี้ ก็เป็นเหตุผลที่พอฟังได้
แต่ความเป็นจริงเรื่องที่ทีมเสียประโยชน์เพราะไม่ได้นักเตะที่ต้องการเพื่อสู้ศึกรอบใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ผ่านมาเกินครึ่งทางของตลาดซื้อขายรอบนี้ ลิเวอร์พูลเพิ่งมีแค่ กองหน้ารุ่นเด็ก ปีกที่เคยล้มเหลว แล้วก็แบ๊คของทีมตกชั้น ที่เข้ามาร่วมทีมอย่างเป็นทางการแล้ว ถึงสองจากสามคนที่ว่า จะโชว์ฟอร์มแจ่มแจ๋วในเกมส์อุ่นเครื่องปรีซีซั่น แต่หากเทียบกันกับการเสริมทัพของทีมคู่แข่งแย่งพื้นที่ถ้วยยุโรปแล้ว ชื่อชั้นของนักเตะที่ลิเวอร์พูลซื้อมา ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในสายตาของคอบอลได้มากเท่าทีมอื่นๆ
แน่นอนว่าชื่อชั้นตัวเป้าหมายหลักที่ลิเวอร์พูลต้องการล่าตัวมาเสริมทัพให้ได้ เช่น เกอิต้า นั้นไม่เป็นรองใครหากคว้าตัวมาได้จริงๆ แต่ราคา 75 ลป.ในข้อเสนอสุดท้ายนั้น ก็ไม่แสดงออกมากพอถึงการให้ความสำคัญกับซื้อผู้เล่นชั้นดีมาร่วมทีมให้นักเตะอื่นๆที่อาจเป็นเป้าหมายต่อไปของลิเวอร์พูล
เพราะกว่าจะขยับราคามาเท่านี้ได้ก็เพราะสถานการณ์บังคับ ที่คล็อปออกมาแสดงท่าทีไม่พอใจทีมงานซื้อขายของสโมสร ด้วยคำพูดที่ว่า “
ไม่มีถ้วยรางวัลสำหรับการซื้อขายนักเตะ”
แถมยังมีสิ่งหนึ่งที่ลิเวอร์พูลจัดการได้แย่ คือวิธีการจัดการที่ใช้สื่อเข้าช่วยให้ได้มาซึ่งนักเตะที่ตัวเองต้องการมากไป กับความไม่เด็ดขาดพอเพราะมัวแต่ห่วงเรื่องความคุ้มค่าทางด้านการเงิน จนสุดท้ายก็พลาดแบบที่โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
ที่บอกแบบนี้ก็เพราะว่า หากให้วิเคราะห์อย่างตื้นเขินตามสติปัญญาของผู้เขียน จะเห็นว่าข้อเสนอ 75 ลป.ของลิเวอร์พูลนั้นมาไม่ถูกจังหวะ ไม่สามารถแสดงถึงความจริงใจที่ต้องการได้ตัวนักเตะที่ตนเองต้องการอย่างจริงจัง เพราะหากข้อเสนอ 75 ลป.นี้เป็นข้อเสนอแรกและลิเวอร์พูลแสดงออกให้ชัดเจนว่าเป็นข้อเสนอเดียวที่จะยื่นให้ หากไลป์ซิกห์ไม่ยอมขาย ก็จะไปหาเป้าหมายต่อไป ไม่มัวมาเสียเวลาต่อราคาเป็นเด็กๆ ป่านนี้อาจปิดดีลได้ไปแล้วหรือเบนเข็มไปที่เป้าหมายต่อๆไปแล้วก็ได้ ไม่ต้องมาเสียเวลาเริ่มใหม่กับเป้าหมายตัวถัดไป ซึ่งไม่รู้ว่าคิดไว้หรือยัง ในตำแหน่งเดียวกันนี้
และเคสแบบนี้ก็ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในตลาดซื้อขายรอบนี้
ที่ทีมงานซื้อขายของลิเวอร์พูลเล่นข่าวมากเกินไปและยึกยักเรื่องมากเรื่องราคา จนสุดท้ายก็คว้านักเตะที่เป็นเป้าหมายไม่ได้สำเร็จ ถ้ายังจำกันได้ก็กรีณี ฟาน ไดร์ ของเซาท์แธมตันนั้นแหละ เพียงแค่ต่างกันตรงที่ เคส ฟานไดร์ ลิเวอร์พูลไม่ได้มีข้อเสนออย่างจริงจังเข้าไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ใช้สื่อโหมกระพื่อข่าวตลอดเวลา จนเซาท์แธมตันรำคาญวิ่งโร่ไปฟ้องศาลท่านเปา(พรีเมียร์ลีค) จนต้องออกแถลงการณ์ “
อัปยศ” ขอโทษขอโพยเพื่อเอาตัวรอดจะการถูกลงโทษหากถูกตัดสินว่าผิดจริง ซึ่งก็คงทำผิดแน่ๆไม่งั้นจะออกมาขอโทษทำไม..?
ก็เลยได้ข้อสรุปว่าที่เป็นเช่นนี้ก็มาจากปัจจัยเดียว คือ ลิเวอร์พูลยังมีไม่มากพอกับความกล้าที่จะจัดการทางการเงินเพื่อนำมาใช้กับเป้าหมายนักเตะที่ทีมตัวเองต้องการ เพราะมัวแต่ห่วงความคุ้มค่าทางด้านการเงิน ทั้งๆที่มีเงินจ่ายและสามารถเปย์ให้ได้เพื่อโน้มน้าวใจทีมต้นสังกัดของนักเตะเป้าหมายให้ตัดสินใจว่าจะขายหรือไม่..ได้ตั้งแต่ครั้งแรก หากไม่ขายก็จะได้ตัดใจไปหานักเตะอื่นพวกเขาก็ไม่ทำ กลับเลือกทำเหมือนเด็กเล่นขายของ กล้าๆกลัวๆที่จะจ่ายจริงๆ
เวลาที่ยังเหลือในตลาดซื้อขายรอบนี้ ถ้าให้มองแบบมีอคติ ก็ยังรู้สึกว่า ไม่มีลุ้น เพราะลิเวอร์พูลก็ยังไม่มีความกล้ามากพออย่างที่ควรเป็นของทีมที่ต้องการประสบความสำเร็จ เพราะเป้าหมายตัวต่อไปที่พวกเขากลับมาเล่นข่าวอีกครั้งอย่าง ฟานไดร์ ที่พยายามจะเล่นข่าวบิ้วให้นักเตะขึ้นบัญชีขอย้ายตัวเองหลังจากโดนต้นสังกัดสั่งแยกซ้อมเดี่ยวแล้ว
ก็ยังออกแนวเดิม คือเล่นข่าวกดดันให้ทีมต้นสังกัดเก่านั้น ยอมปล่อยตัวด้วยราคาถูกๆมาให้อย่างที่ลิเวอร์พูลคาดหวัง ซึ่งก็คาดว่าผลสรุปคงเหมือนเดิม เพราะเซาท์คงไม่ยอมเสียหน้า ยกเว้นเสียแต่ว่า ลิเวอร์พูลจะเพิ่มความกล้าของตัวเองขึ้นมา แล้วกำเงินจริงๆที่ตัวเองมี ไปวางจริงๆจังๆเพื่อขอปิดบัญชีการซื้อขายนักเตะที่ตัวเองต้องการ นั้นแหละถึงจะมีลุ้นว่าจะได้ตัวนักเตะเป้าหมายคนนี้มาหรือไม่..?
แม้อาจไม่ได้นักเตะที่ตัวเองคาดหวัง แต่อย่างน้อยก็ได้แสดงความกล้าของทีมที่หวังจะประสบความสำเร็จกลับมา ส่วนตัวเลขราคามูลค่าจะมากน้อยเท่าไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความกล้าอีกเช่นกัน ที่ลิเวอร์พูลนั้นจะแสดงออกมาให้เห็นว่า ตนเองอยากประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด..?
มูลค่าการซื้อขายบางทีมันก็บอกอะไรได้มากกว่าแค่ความคุ้มค่าของการลงทุน
ป.ล. ยินดีต้อนรับสำหรับผู้ที่ต้องการร่วมสนทนากันอย่างมีมารยาทสมกับเป็นปัญญาชนนะครับ แต่ไม่ต้อนรับสำหรับผู้ที่ต้องการจะใช้พื้นที่กะทู้นี้ เหยียบย่ำซ้ำเติม หรือหาประโยชน์จากข้อความคำใดคำหนึ่งในกะทู้ มาระบายความใคร่ แบบไร้วุฒิภาวะ ทำตัวเป็นขยะสังคมในการแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์ ชี้แจงให้ทราบตามนี้ครับ
Liverpool เด็กเล่นขายของกับเป้าหมายที่ต้องโฟกัสที่ความกล้า มากกว่ามองแค่ความคุ้มค่าทางการเงิน
ก็คงได้บทสรุปว่า"จบแล้ว" หลังจากข้อเสนอมูลค่า 75 ลป.ถูกสโมสร ไลป์ซิกห์ ปัดทิ้งไปกับการยื่นข้อเสนอให้พิจารณาเป็นครั้งที่ 3 เพื่อขอซื้อตัวมิดฟิลด์ตัวเก่งของสโมสรเมืองเบียร์อย่าง นาบี เกอิต้า เพราะการทดสอบที่ผ่านมาแสดงให้เห็นแล้วว่า เงินที่ลิเวอร์พูลเสนอให้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงความตั้งใจของไลป์ซิกห์ได้
และอาจจะหาเหตุผลดีๆมาใช้ปลอบใจตัวเองได้ ว่าการที่ลิเวอร์พูลเลือกที่จะหยุด เพื่อรอโอกาสที่ดีกว่านี้ในช่วงซัมเมอร์หน้า ที่เงื่อนไขก็การซื้อสัญญา มูลค่า 48 ลป.จะมีผล ก็ยังเป็นทางเลือกที่น่าสนใจกว่าการบังคับแข็งขืนฝืนจะซื้อให้ได้ในตอนนี้ ก็เป็นเหตุผลที่พอฟังได้ แต่ความเป็นจริงเรื่องที่ทีมเสียประโยชน์เพราะไม่ได้นักเตะที่ต้องการเพื่อสู้ศึกรอบใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้นก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
ผ่านมาเกินครึ่งทางของตลาดซื้อขายรอบนี้ ลิเวอร์พูลเพิ่งมีแค่ กองหน้ารุ่นเด็ก ปีกที่เคยล้มเหลว แล้วก็แบ๊คของทีมตกชั้น ที่เข้ามาร่วมทีมอย่างเป็นทางการแล้ว ถึงสองจากสามคนที่ว่า จะโชว์ฟอร์มแจ่มแจ๋วในเกมส์อุ่นเครื่องปรีซีซั่น แต่หากเทียบกันกับการเสริมทัพของทีมคู่แข่งแย่งพื้นที่ถ้วยยุโรปแล้ว ชื่อชั้นของนักเตะที่ลิเวอร์พูลซื้อมา ก็ไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นในสายตาของคอบอลได้มากเท่าทีมอื่นๆ
แน่นอนว่าชื่อชั้นตัวเป้าหมายหลักที่ลิเวอร์พูลต้องการล่าตัวมาเสริมทัพให้ได้ เช่น เกอิต้า นั้นไม่เป็นรองใครหากคว้าตัวมาได้จริงๆ แต่ราคา 75 ลป.ในข้อเสนอสุดท้ายนั้น ก็ไม่แสดงออกมากพอถึงการให้ความสำคัญกับซื้อผู้เล่นชั้นดีมาร่วมทีมให้นักเตะอื่นๆที่อาจเป็นเป้าหมายต่อไปของลิเวอร์พูล เพราะกว่าจะขยับราคามาเท่านี้ได้ก็เพราะสถานการณ์บังคับ ที่คล็อปออกมาแสดงท่าทีไม่พอใจทีมงานซื้อขายของสโมสร ด้วยคำพูดที่ว่า “ไม่มีถ้วยรางวัลสำหรับการซื้อขายนักเตะ”
แถมยังมีสิ่งหนึ่งที่ลิเวอร์พูลจัดการได้แย่ คือวิธีการจัดการที่ใช้สื่อเข้าช่วยให้ได้มาซึ่งนักเตะที่ตัวเองต้องการมากไป กับความไม่เด็ดขาดพอเพราะมัวแต่ห่วงเรื่องความคุ้มค่าทางด้านการเงิน จนสุดท้ายก็พลาดแบบที่โทษใครไม่ได้นอกจากตัวเอง
ที่บอกแบบนี้ก็เพราะว่า หากให้วิเคราะห์อย่างตื้นเขินตามสติปัญญาของผู้เขียน จะเห็นว่าข้อเสนอ 75 ลป.ของลิเวอร์พูลนั้นมาไม่ถูกจังหวะ ไม่สามารถแสดงถึงความจริงใจที่ต้องการได้ตัวนักเตะที่ตนเองต้องการอย่างจริงจัง เพราะหากข้อเสนอ 75 ลป.นี้เป็นข้อเสนอแรกและลิเวอร์พูลแสดงออกให้ชัดเจนว่าเป็นข้อเสนอเดียวที่จะยื่นให้ หากไลป์ซิกห์ไม่ยอมขาย ก็จะไปหาเป้าหมายต่อไป ไม่มัวมาเสียเวลาต่อราคาเป็นเด็กๆ ป่านนี้อาจปิดดีลได้ไปแล้วหรือเบนเข็มไปที่เป้าหมายต่อๆไปแล้วก็ได้ ไม่ต้องมาเสียเวลาเริ่มใหม่กับเป้าหมายตัวถัดไป ซึ่งไม่รู้ว่าคิดไว้หรือยัง ในตำแหน่งเดียวกันนี้
และเคสแบบนี้ก็ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นครั้งแรกในตลาดซื้อขายรอบนี้ ที่ทีมงานซื้อขายของลิเวอร์พูลเล่นข่าวมากเกินไปและยึกยักเรื่องมากเรื่องราคา จนสุดท้ายก็คว้านักเตะที่เป็นเป้าหมายไม่ได้สำเร็จ ถ้ายังจำกันได้ก็กรีณี ฟาน ไดร์ ของเซาท์แธมตันนั้นแหละ เพียงแค่ต่างกันตรงที่ เคส ฟานไดร์ ลิเวอร์พูลไม่ได้มีข้อเสนออย่างจริงจังเข้าไปเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ใช้สื่อโหมกระพื่อข่าวตลอดเวลา จนเซาท์แธมตันรำคาญวิ่งโร่ไปฟ้องศาลท่านเปา(พรีเมียร์ลีค) จนต้องออกแถลงการณ์ “อัปยศ” ขอโทษขอโพยเพื่อเอาตัวรอดจะการถูกลงโทษหากถูกตัดสินว่าผิดจริง ซึ่งก็คงทำผิดแน่ๆไม่งั้นจะออกมาขอโทษทำไม..?
ก็เลยได้ข้อสรุปว่าที่เป็นเช่นนี้ก็มาจากปัจจัยเดียว คือ ลิเวอร์พูลยังมีไม่มากพอกับความกล้าที่จะจัดการทางการเงินเพื่อนำมาใช้กับเป้าหมายนักเตะที่ทีมตัวเองต้องการ เพราะมัวแต่ห่วงความคุ้มค่าทางด้านการเงิน ทั้งๆที่มีเงินจ่ายและสามารถเปย์ให้ได้เพื่อโน้มน้าวใจทีมต้นสังกัดของนักเตะเป้าหมายให้ตัดสินใจว่าจะขายหรือไม่..ได้ตั้งแต่ครั้งแรก หากไม่ขายก็จะได้ตัดใจไปหานักเตะอื่นพวกเขาก็ไม่ทำ กลับเลือกทำเหมือนเด็กเล่นขายของ กล้าๆกลัวๆที่จะจ่ายจริงๆ
เวลาที่ยังเหลือในตลาดซื้อขายรอบนี้ ถ้าให้มองแบบมีอคติ ก็ยังรู้สึกว่า ไม่มีลุ้น เพราะลิเวอร์พูลก็ยังไม่มีความกล้ามากพออย่างที่ควรเป็นของทีมที่ต้องการประสบความสำเร็จ เพราะเป้าหมายตัวต่อไปที่พวกเขากลับมาเล่นข่าวอีกครั้งอย่าง ฟานไดร์ ที่พยายามจะเล่นข่าวบิ้วให้นักเตะขึ้นบัญชีขอย้ายตัวเองหลังจากโดนต้นสังกัดสั่งแยกซ้อมเดี่ยวแล้ว ก็ยังออกแนวเดิม คือเล่นข่าวกดดันให้ทีมต้นสังกัดเก่านั้น ยอมปล่อยตัวด้วยราคาถูกๆมาให้อย่างที่ลิเวอร์พูลคาดหวัง ซึ่งก็คาดว่าผลสรุปคงเหมือนเดิม เพราะเซาท์คงไม่ยอมเสียหน้า ยกเว้นเสียแต่ว่า ลิเวอร์พูลจะเพิ่มความกล้าของตัวเองขึ้นมา แล้วกำเงินจริงๆที่ตัวเองมี ไปวางจริงๆจังๆเพื่อขอปิดบัญชีการซื้อขายนักเตะที่ตัวเองต้องการ นั้นแหละถึงจะมีลุ้นว่าจะได้ตัวนักเตะเป้าหมายคนนี้มาหรือไม่..?
แม้อาจไม่ได้นักเตะที่ตัวเองคาดหวัง แต่อย่างน้อยก็ได้แสดงความกล้าของทีมที่หวังจะประสบความสำเร็จกลับมา ส่วนตัวเลขราคามูลค่าจะมากน้อยเท่าไรนั้น ก็ขึ้นอยู่กับความกล้าอีกเช่นกัน ที่ลิเวอร์พูลนั้นจะแสดงออกมาให้เห็นว่า ตนเองอยากประสบความสำเร็จมากน้อยเพียงใด..?
มูลค่าการซื้อขายบางทีมันก็บอกอะไรได้มากกว่าแค่ความคุ้มค่าของการลงทุน
ป.ล. ยินดีต้อนรับสำหรับผู้ที่ต้องการร่วมสนทนากันอย่างมีมารยาทสมกับเป็นปัญญาชนนะครับ แต่ไม่ต้อนรับสำหรับผู้ที่ต้องการจะใช้พื้นที่กะทู้นี้ เหยียบย่ำซ้ำเติม หรือหาประโยชน์จากข้อความคำใดคำหนึ่งในกะทู้ มาระบายความใคร่ แบบไร้วุฒิภาวะ ทำตัวเป็นขยะสังคมในการแสดงความเห็นบนโลกออนไลน์ ชี้แจงให้ทราบตามนี้ครับ