.
        Virgil van Dijk Effect จะส่งผลอะไรบ้าง หากลิเวอร์พูลคว้าตัวนักเตะคนนี้มาจริง คงไม่อาจรู้ได้จริงๆ เพราะลิเวอร์พูลเพิ่งประกาศล้มดีลไปหมาดๆ คงเพราะขยาดกับราคา และเบื่อหน่ายที่จะมีปัญหากับท่าทีหัวหมอของเซาท์ ที่ฟ้องพรีเมียร์ลีค ว่าลิเวอร์พูลแอบติดต่อนักเตะลับหลัง ทั้งๆที่มันเป็นข่าวดังมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และใครๆก็รู้ว่าหงส์ตั้งเป้าจะดึงนักเตะรายนี้มาร่วมทีม คนทั้งโลกก็รู้ แต่เซาท์เองกลับกระแดะทำเป็นไม่รู้เรื่อง และคงเคืองที่ปั่นราคาให้พุ่งขึ้นอีกไม่ได้ เลยใช้ไม้ตายทำตัวเป็น “เด็กขี้ฟ้อง” เมื่อตัวนักเตะเองก็ออกอาการชัดเจนว่าสนใจที่จะย้ายไปร่วมทีมหงส์

       กับประเด็นราคา ซึ่งเป็นที่ฮือฮาของคอบอลอังกฤษ กลับปรากฏการณ์ เซ็นเตอร์แบ๊ค ราคาเกินครึ่งร้อยล้านปอนด์ ซึ่งเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก เวอร์จิล ฟาน ไดร์ เด็กในสโมสรลิเวอร์ เบ(เหมือนอย่างที่บาร์เซโลน่า มีบาร์เซโลน่า เบ) เซาท์แธมตัน เพียงแต่ดันทะลึ่งจะส่งมอบนักเตะขึ้นชุดใหญ่ ด้วยราคามหากาฬ เกือบครึ่งของส่วนแบ่งรายได้ที่ได้จากพรีเมียร์ ลีค (เฉลี่ยส่วนแบ่งจากพรีเมียร์แล้ว อยู่ที่ 100 ลป.อัพ ปีที่ผ่านมาลิเวอร์พูลได้ 140 ปลายๆเกือบ 150 ลป.)



       ถึงดีลจะล่มไปแล้ว แต่อาการมโน คิดเล่นๆก็ยังทำกันได้ กับสนนราคาขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นที่ 50 ลป.ตามที่ลิเวอร์พูลพร้อมจ่าย หรือ 60 ลป.ตามเกมส์ปั่นราคาของคู่แข่ง ไปจนถึง 65-75 ลป.ตามที่ทีมเซาท์อยากได้ ยังไงตัวนักเตะก็ต้องสร้างความแตกต่างได้ หากย้ายมาร่วมทีมจริงๆ และจะต้องแตกต่างขนาดไหนล่ะ ถึงจะคุ้มค่า ราคามหาศาลระดับนี้

       ก่อนอื่นเลย อย่างแรก ต้องลดจำนวนประตูที่ทีมเสียไปในฤดูกาลก่อนให้ได้แบบเด่นชัด ในเกมส์ลีค ลิเวอร์พูลเสียประตูไป 42 ประตูในฤดูกาลที่ผ่านมา หากการเข้ามาเสริมทัพของฟาน ไดร์ จำนวนประตูที่จะเสียเมื่อมีปราการหลังค่าตัวแพงระยับ จะลดลงใช่หรือไม่..?  คำตอบที่ได้ก็คงไม่ชัดเจนว่าจะช่วยได้มากน้อยเพียงใด เพราะฤดูกาลที่ผ่านมากับเซาท์แธปตัน ซึ่งว่ากันว่าเป็นฤดูกาลที่เขาโชว์ผลงานได้ดีที่สุดนับตั้งแต่เล่นอาชีพมา ทีมนักบุญเองก็เสียประตูไปมากกว่าลิเวอร์พูลเสียอีก คือเสียไป 48 ประตู

       แต่ว่าผลงานภาพรวมของทีมอาจจะชี้วัดได้ไม่ชัดเจนเท่าไร งั้นลองมาดูภาพรวมผลงานส่วนตัว เปรียบเทียบกันกับคู่เซ็นเตอร์ตัวหลักที่ลิเวอร์พูลมีในตอนนี้ดูบ้าง




       จากสถิติผลงานส่วนตัว ก็ต้องยอมรับกันล่ะว่า ผลงานของ ฟาน ไดร์นั้น ไฉไลกว่าคู่เซ็นเตอร์ตัวหลักของหงส์แดงปีที่ผ่านมาจริงๆ ที่โดดเด่นอย่างเห็นได้ชัดคือการขึ้นเล่นลูกกลางอากาศ ซึ่งทำได้ดีมากๆ  จัดเป็นอันดับ 1 ของพรีเมียร์ลีคในตำแหน่งผู้เล่นเซ็นเตอร์ที่เล่นลูกกลางอากาศได้ดีที่สุด และมันก็เป็น ข้อดี ข้อที่ 1 หากได้ ฟาน ไดร์มาร่วมทีม

แต่นั้นทำให้ราคาก้าวกระโดดไปเป็นกองหลังค่าตัวแพงเบอร์ 1 ของโลกเลยหรือ...?
       ยังเป็นคำถามที่รอผลสรุปต่อไป แต่ที่แน่ๆ หากได้ฟานไดร์ เข้ามาร่วมทัพ จุดอ่อนกับการรับมือการถูกทีมคู่แข่งบอมบ์ด้วยลูกกลางอากาศ ทั้งเตะมุม หรือครอสจากริมเส้นเข้ามา ก็มีแนวโน้มที่จะเป็นการแก้ไขที่ตรงจุดสำหรับการเสริมทัพรายนี้ของ JK

ข้อดี ข้อที่ 2 หากได้ ฟาน ไดร์มาร่วมทีม
       ซึ่งต่อเนื่องจากข้อแรก คือ ลิเวอร์พูล จะมีเซ็นเตอร์ที่มีคุณภาพเพิ่มขึ้นอีก 1 ตัว ไว้คอยสลับหมุนเวียนกับผู้เล่นเก่าที่เป็นตัวหลักอย่าง ลอฟเร่นและมาติป แถมสอดแทรกด้วยดาวรุ่งอย่าง โจ โกเมช และตัวเก๋าอย่าง คราวาน ก็น่าจะมือกับโปรแกรมการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากฟุตบอลยุโรป

ข้อดี ข้อที่ 3 หากได้ ฟาน ไดร์มาร่วมทีม
       คือการประกาศตัวเป็นสโมสรที่ดึงดูดดาวดัง ไม่ใช่เป็นเพียงสโมสรที่เป็นบันไดปั้นดาวรุ่งเหมือนครั้งอดีต ยกระดับทีมตัวเองให้พอจะแข็งขันกับทีมคู่แข่งชั้นแนวหน้าของลีคได้ เพราะว่ากันตรงๆ ในบรรดาทีมท็อปไฟว์ ลิเวอร์พูลมีแรงดึงดูดสตาร์ดังน้อยที่สุด หลักฐานก็คือ ระยะ 10 ปีหลัง ไม่เคยดึงตัวบิ๊คเนมเข้าร่วมทีมได้สำเร็จเลยสักตัวเดียว ขนาดตัว JK เองที่ว่ามีแรงดึงดูดส่วนตัว แค่พยายามจะคว้า มาริโอ เกิทเซ่ ดาวเตะดวงอับมาร่วมทีม ยังไม่สามารถทำได้เลย ไม่ต้องพูดถึงบรรดาศิษย์เก่ารายอื่นๆของคล็อป ที่ดอร์ทมุน ที่รู้ว่าแห้วตั้งแต่แค่คิด ดังนั้นหากการดีลดาวเตะอย่างฟาน ไดร์สำเร็จได้จริง จึงเปิดโอกาสให้ สตาร์ดังทั้งหลายชำเลืองมองลิเวอร์พูลบ้าง มิใช่คอยเอาแต่มองข้ามไปเหมือนอย่างที่ผ่านๆมา

ข้อดี ข้อที่ 4 หากได้ ฟาน ไดร์มาร่วมทีม
       จะได้รู้กันไปซักที ว่าเจ้าของทีมมะกันรายใหม่ ใจถึงจริงในการทำธุรกิจฟุตบอลหรือเปล่า หรือหวังเพียงรอขายเอากำไรเหมือนสองปลิงมะกันคราวก่อน ซึ่งดีลนักเตะมูลค่าเกือบครึ่งของผลกำไรที่ทีมควรจะได้ หากเจ้าของยอมใช้เพื่อแลกกับโอกาสในการยกระดับทีมขึ้นไปสู่ความยิ่งใหญ่ ก็เป็นการพิสูจน์ได้เป็นอย่างดี ถึงแนวทางการทำทีมในระยะยาว

แต่เหรียญยังมีสองด้าน เมื่อมีข้อดีก็ต้องมีข้อเสียเป็นของธรรมดา
ข้อเสีย ข้อที่ 1 หากได้ ฟาน ไดร์มาร่วมทีม
       คิดออกคำเดียวสั้นๆเลยคือ “แพง” ไม่ว่าจะด้วยระดับฝีเท้า การพิสูจน์ตัวเองอายุการใช้งาน  ค่าการตลาด หรือเหตุผลใดๆก็ตาม ข้อสรุปมันก็เหมือนเดิม คือแพงไปสำหรับทุกเหตุผล แต่นั้นอาจเป็นความเห็นของคนที่มีอคติในใจมาตั้งแต่ต้นอย่างผมเอง ที่รู้ราคาของนักเตะคนนี้ก็เป็นได้ เพราะสารภาพตามตรงจนนาทีนี้ก็ยังภาวนาให้ดีลนี้ล่มอยู่ดี ถึงจะเขียนข้อดีให้เห็นภาพสวยหรูมาก่อนหน้านี้ก็เถอะ

ข้อเสีย ข้อที่ 2 หากได้ ฟาน ไดร์มาร่วมทีม
       มีผลกระทบกับการดึงนักเตะรายอื่นๆมาร่วมทีมต่อไปในฤดูกาลนี้หรืออนาคตแน่ๆ เรียกได้ว่าไปติดต่อขอซื้อใคร ก็ต้องโดนกรรโชกทรัพย์ด้วยราคาที่แพงเกินจริงแน่ๆ เลิกหวังไปได้เลยกับของถูกและดี ขี้หมูขี้หมากับดาวรุ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ตัวเองอะไร โดนแน่ๆอย่างต่ำๆ 15 ลป.อัพ ที่สำคัญในฤดูกาลที่กำลังจะมาใหม่นี้ หากดีล ฟานไดรว์เกินจริง นั้นแปลว่างบที่จะใช้ซื้อนักเตะตำแหน่งอื่นๆก็ลดหวบหาบลงไปอย่างน่าใจหาย จะเหลือเงินไปฉีกสัญญา นาบี เกอิต้ารึเปล่ายังไม่รู้เลย หากดัชนีราคา ฟานไดร์พุ่งไปถึง 70 ลป.อย่างที่เซาท์อยากได้ ตัวปีกจี๊ดๆอย่าง ซาล่าห์ หรือ ดักลาส คอสต้า จะถูกดาว์นเกรดลงมาเป็นตัวโนเนมดาวรุ่งก็มีสิทธิเป็นไปได้ และแบ๊คซ้ายชั้นดี ก็อาจต้องทนทู่ซี้ใช้บริการ มิลเนอร์ต่อไปอีกปีก็เป็นได้

       แน่นอนว่าอาจไม่เป็นเช่นที่กล่าวมาทุกตำแหน่ง แต่เป้าหมายที่เป็นข่าวอีก 2 ตำแหน่ง อย่างปีกริมเส้น ซาล่าห์/คอสต้า กับมิดฟิลด์ตัวรับ นาบีเกอิต้า กระทบแน่ๆ หากราคาของ ฟาน ไดร์ เวอร์วังอลังการณ์ไปถึง 70-75 ลป. ลิเวอร์พูลต้องจ่ายเท่าไรสำหรับนักเตะที่ต้องการทั้งสองตำแหน่งนี้ คงไม่ใช่ราคาตามข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้แน่ๆ โดนค่าเซอร์วิสชาจต์ในฐานะมีตังค์อีกไม่น้อยกว่า 20-30%


       Virgil van Dijk Effect จะส่งผลอะไรบ้าง หากลิเวอร์พูลคว้าตัวนักเตะคนนี้มาจริง คงไม่อาจรู้ได้จริงๆ เพราะลิเวอร์พูลเพิ่งประกาศล้มดีลไปหมาดๆ คงเพราะขยาดกับราคา และเบื่อหน่ายที่จะมีปัญหากับท่าทีหัวหมอของเซาท์ ที่ฟ้องพรีเมียร์ลีค ว่าลิเวอร์พูลแอบติดต่อนักเตะลับหลัง ทั้งๆที่มันเป็นข่าวดังมาตั้งแต่ปีที่แล้ว และใครๆก็รู้ว่าหงส์ตั้งเป้าจะดึงนักเตะรายนี้มาร่วมทีม

       ก็ดีครับ ล่มซะได้ก็ดี ราคานี้ เก็บไว้ปิดทองขึ้นหิ้ง บูชาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เซนต์ แมร์รี่ต่อไปเถอะ ส่วนหงส์ก็เอาเงินที่จะต้องเสียกับการช็อปปิ้งนักเตะเพียงรายเดียวไปตามล่าเป้าหมาย รายที่ 2 3 4 5 ต่อไปดีกว่า

และรู้สึกแปลกๆยังไงชอบกลที่ดีลนักเตะคนสำคัญล่ม แต่กองเชียร์อย่างผมดัน ลัลล้า..... สบายใจอย่างบอกไม่ถูก