สื่อต่างประเทศแฉ แดน แอชเวิร์ธ ต้องการได้ตัว แกเร็ธ เซาธ์เกต เข้ามาคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แทนที่ของ เอริก เทน ฮาก ที่ถูกปลด แต่บอร์ดบริหารของปีศาจแดง เมินคำแนะนำและล้วงลูกด้วยการดึงตัว รูเบน อโมริม เข้ามาทำหน้าที่แทน จนกลายเป็นจุดแตกหักระหว่างทั้งสองฝ่าย
โดยสื่ออย่าง แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ รายงานว่า แอชเวิร์ธ ต้องการได้ตัว เซาธ์เกต อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเคยร่วมงานกันมาแล้วระหว่างปี 2013-18 ในสมาคมฟุตบอลอังกฤษ แต่ โอมาร์ เบอร์ราดา ซีอีโอของ ปีศาจแดง กลับไปแต่งตั้ง อโมริม กุนซือวัย 39 ปี เข้ามาทำหน้าที่แทน เทน ฮาก จนเป็นสาเหตุให้ แอชเวิร์ธ ตัดสินใจอำลาทีมหลังร่วมงานกันได้แค่ 5 เดือนเท่านั้น
ผมก็คิดอยู่ว่าบอร์ดบริหารชุดนี้กล้ามากที่คิดจะเปลี่ยนแนวทางการเล่นของทีมไปมากขนาดนี้
ขนาดที่นักเตะเก่าๆ หลายคนแทบจะปรับตัวกันไม่ได้เลยกับระบบใหม่
คำถามคือแมนยูคิดจะเอาจริงกับระบบหลังสามจริงๆ หรือ
เพราะว่า........
1.มีทีมเดียวที่ประสบความสำเร็จกับระบบนี้ในอังกฤษคือคอนเต้ของเชลซี เมื่อฤดูกาล 2017-2016
2.ชุดนั้นมีกองเต้เป็นห้องเครื่องและมีดร็อกบาเป็นหน้าเป้า(ชงเองกินเองได้) ปัจจุบันนอกจาก แฮรี่ เคน ก็ยังไม่เห็นมีใครในอังกฤษที่จะเล่นบอลสไตล์นี้(และเคนก็ย้ายไปบาร์เยิร์นแล้ว)
3.ถ้าให้เวลาอโมริมผ่าตัดทีมใหม่ก็ต้องใช้เวลาสรรหานักเตะใหม่ อย่างน้อยๆ ก็ 3 ตลาดซื้อขาย (น่าจะติดเรื่องกฎการเงิน)
4.ในอนาคตถ้าเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่หล่ะ จะต้องมารื้อนักเตะเก่าอีกหรือเปล่า
ตอนนี้ก็เห็นๆ อยู่ระบบหลังสามมันอาจจะเหมาะกับทีมเล็กที่เน้นรับแน่นแล้วรอสวนกลับเร็ว(เล่นบอลน้อยจังหวะกับเปิดบอลยาวไปพื้นที่ว่าง)
ส่วนทีมใหญ่ๆเขาเน้นบิ้วอัพ ครองบอลต่อบอลและเพรสซิ่งกันทั้งนั้น
ผมดูแมนยูยุคนี้มันเลยดูแปลกๆไป ที่เปอร์เซ็นครองบอล(บุก) ไม่ใช่ครองบอลในแดนนะครับน้อยมาก
สมัยป๋าเรียกว่าขึงคู่แข่งตลอด
และที่แปลกคือ
1.ทำไมไม่สานต่อแนวทางป๋า แถมไล่ป๋าออกอีกต่างหาก (ทูตแมนยู)
2.รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็กำลังทำทีมดีแต่กลับไม่รักษาไว้ (DNA แมนยูเลยนะนั่น) ทำบอลสนุกเหมือนแมนยูยุคเก่า
หลังจากแมนยูแพ้คาบ้านให้กับน็อตติ้งแฮมฟอร์เรส ก็เริ่มมีข่าวไม่ดีออกมาแล้วนะครับ
โดยสื่ออย่าง แมนเชสเตอร์ อีฟนิ่ง นิวส์ รายงานว่า แอชเวิร์ธ ต้องการได้ตัว เซาธ์เกต อดีตผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ ซึ่งเคยร่วมงานกันมาแล้วระหว่างปี 2013-18 ในสมาคมฟุตบอลอังกฤษ แต่ โอมาร์ เบอร์ราดา ซีอีโอของ ปีศาจแดง กลับไปแต่งตั้ง อโมริม กุนซือวัย 39 ปี เข้ามาทำหน้าที่แทน เทน ฮาก จนเป็นสาเหตุให้ แอชเวิร์ธ ตัดสินใจอำลาทีมหลังร่วมงานกันได้แค่ 5 เดือนเท่านั้น
ผมก็คิดอยู่ว่าบอร์ดบริหารชุดนี้กล้ามากที่คิดจะเปลี่ยนแนวทางการเล่นของทีมไปมากขนาดนี้
ขนาดที่นักเตะเก่าๆ หลายคนแทบจะปรับตัวกันไม่ได้เลยกับระบบใหม่
คำถามคือแมนยูคิดจะเอาจริงกับระบบหลังสามจริงๆ หรือ
เพราะว่า........
1.มีทีมเดียวที่ประสบความสำเร็จกับระบบนี้ในอังกฤษคือคอนเต้ของเชลซี เมื่อฤดูกาล 2017-2016
2.ชุดนั้นมีกองเต้เป็นห้องเครื่องและมีดร็อกบาเป็นหน้าเป้า(ชงเองกินเองได้) ปัจจุบันนอกจาก แฮรี่ เคน ก็ยังไม่เห็นมีใครในอังกฤษที่จะเล่นบอลสไตล์นี้(และเคนก็ย้ายไปบาร์เยิร์นแล้ว)
3.ถ้าให้เวลาอโมริมผ่าตัดทีมใหม่ก็ต้องใช้เวลาสรรหานักเตะใหม่ อย่างน้อยๆ ก็ 3 ตลาดซื้อขาย (น่าจะติดเรื่องกฎการเงิน)
4.ในอนาคตถ้าเปลี่ยนผู้จัดการทีมใหม่หล่ะ จะต้องมารื้อนักเตะเก่าอีกหรือเปล่า
ตอนนี้ก็เห็นๆ อยู่ระบบหลังสามมันอาจจะเหมาะกับทีมเล็กที่เน้นรับแน่นแล้วรอสวนกลับเร็ว(เล่นบอลน้อยจังหวะกับเปิดบอลยาวไปพื้นที่ว่าง)
ส่วนทีมใหญ่ๆเขาเน้นบิ้วอัพ ครองบอลต่อบอลและเพรสซิ่งกันทั้งนั้น
ผมดูแมนยูยุคนี้มันเลยดูแปลกๆไป ที่เปอร์เซ็นครองบอล(บุก) ไม่ใช่ครองบอลในแดนนะครับน้อยมาก
สมัยป๋าเรียกว่าขึงคู่แข่งตลอด
และที่แปลกคือ
1.ทำไมไม่สานต่อแนวทางป๋า แถมไล่ป๋าออกอีกต่างหาก (ทูตแมนยู)
2.รุด ฟาน นิสเตลรอย ก็กำลังทำทีมดีแต่กลับไม่รักษาไว้ (DNA แมนยูเลยนะนั่น) ทำบอลสนุกเหมือนแมนยูยุคเก่า