นานหุ้น 14 เด้ง ในเวลา 4 ปี จาก 2010-2014
JUBILE เป็นบริษัทขายเพชรในห้าง เริ่มต้นในปี 2536 เริ่มต้นจากการมีสาขาเดียวแล้วเติบโตมาเป็น 10 และเป็นร้อยสาขาในปัจจุบัน
จุดเด่นที่เขาเคลมก็คือเขามีใบรับรองเพชรทุกชิ้นว่าเป็นเพชรแท้ มีน้ำหนัก-คุณภาพตรงตามมาตราฐาน และมีการออกแบบด้วยตัวเอง แต่เราคิดว่าทุกเจ้าก็มีใบรับรองหมดเลยไม่ถือเป็นจุดเด่นอะไรมาก ส่วนการออกแบบมันก็ยากที่จะบอกว่าเด่นจริงไหมเพราะความงามมันเป็นเรื่องของความรู้สึก
แต่เมื่อมี 2558 เป็นต้นมาเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มูลค่าตลาดของ Jubile ลดจาก 6,000 ล้านลงมาเหลือ 3,000 ล้านเพราะ รายได้ของเขาลดลง 12.26% ส่งผลให้กำไรของเขาลดลง 36% สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าตัวสินค้าของเขานั้นเอง "เพชร"
เพชรเป็นสินค้าที่ฟุ่มเฟือยระดับสูง เราจะซื้อก็ต่อเมื่อเรามีเงินเหลือเพียงพอระดับหนึ่ง ในยามที่เศรษฐกิจดีคนก็จะซื้อเพชรกันเยอะแต่ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ คนจะซื้อเพชรกันน้อยลงหรือถ้าจะซื้อก็จะซื้อที่ราคาต่ำ
เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่สำคัญมากต่อ Jubile ซึ่งมีสิ่งบ่งชี้ด้วยกันชัดๆดังนี้
ถ้าเราลองแกะงบของ Jubile ดูจะพบว่า เขามีเงินลงทุนชั่วคราวเหลือเพื่อที่จะขยายกิจการมากถึง 237 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถที่จะขยายสาขาได้เป็นจำนวนมาก ถ้าสมมุติเขาใช้เงินลงทุนต่อสาขา 7 ล้านบาทก็จะขยายได้มากถึง 34 สาขา สามารถเพิ่มสาขาอีก 28% จากที่มี 122 สาขา ทำไมเขาไม่ทำ? เหตุผลนั้นก็เพราะว่า ทำแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อปี 2558 เขาได้ลองขยายสาขาดูก็พบว่าปริมาณยอดขายเป็นชิ้นเขาเพิ่มขึ้นจริงแต่ว่ารายได้เขาไม่ได้เพิ่มเลย ผู้บริหารเลยชลอแผนออกไป
และเมื่อเมื่อลองไปดูที่ระดับราคาก็จะเห็นผลกระทบจากเศรษฐกิจได้ชัดเจน เราจะเห็นว่ากลุ่มเป้าหมายชั้นกลางชนชั้นกลางย้ายจากการซื้อเพชรระดับราคา 20,000-50,000 ไปซื้อของที่ราคาต่ำกว่า 20,000 แม้ปริมาณการซื้อจะเพิ่มขึ้นแต่ว่าราคาต่อหน่วยที่ลดลง ส่งผลให้รายได้และกำไรลดลงมาก
ความเห็นของเรา ลงทุนหุ้น : การมองหุ้น Jubile ให้มองเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจเป็นหลักในการวิเคราะห์ ถ้าเศรษฐกิจดีเขาจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
MAKE JUBILE GREAT AGAIN!
เครดิต :
https://www.facebook.com/StockLittle/
เพจ ลงทุนหุ้น
[วิเคราะห์หุ้น ปัจจัยพื้นฐาน โดย ลงทุนหุ้น] JUBILE : บริษัท ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)
นานหุ้น 14 เด้ง ในเวลา 4 ปี จาก 2010-2014
JUBILE เป็นบริษัทขายเพชรในห้าง เริ่มต้นในปี 2536 เริ่มต้นจากการมีสาขาเดียวแล้วเติบโตมาเป็น 10 และเป็นร้อยสาขาในปัจจุบัน
จุดเด่นที่เขาเคลมก็คือเขามีใบรับรองเพชรทุกชิ้นว่าเป็นเพชรแท้ มีน้ำหนัก-คุณภาพตรงตามมาตราฐาน และมีการออกแบบด้วยตัวเอง แต่เราคิดว่าทุกเจ้าก็มีใบรับรองหมดเลยไม่ถือเป็นจุดเด่นอะไรมาก ส่วนการออกแบบมันก็ยากที่จะบอกว่าเด่นจริงไหมเพราะความงามมันเป็นเรื่องของความรู้สึก
แต่เมื่อมี 2558 เป็นต้นมาเกิดเหตุการณ์ที่ทำให้มูลค่าตลาดของ Jubile ลดจาก 6,000 ล้านลงมาเหลือ 3,000 ล้านเพราะ รายได้ของเขาลดลง 12.26% ส่งผลให้กำไรของเขาลดลง 36% สาเหตุที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่าตัวสินค้าของเขานั้นเอง "เพชร"
เพชรเป็นสินค้าที่ฟุ่มเฟือยระดับสูง เราจะซื้อก็ต่อเมื่อเรามีเงินเหลือเพียงพอระดับหนึ่ง ในยามที่เศรษฐกิจดีคนก็จะซื้อเพชรกันเยอะแต่ในยามที่เศรษฐกิจตกต่ำ คนจะซื้อเพชรกันน้อยลงหรือถ้าจะซื้อก็จะซื้อที่ราคาต่ำ
เรื่องเศรษฐกิจเป็นเรื่องที่สำคัญมากต่อ Jubile ซึ่งมีสิ่งบ่งชี้ด้วยกันชัดๆดังนี้
ถ้าเราลองแกะงบของ Jubile ดูจะพบว่า เขามีเงินลงทุนชั่วคราวเหลือเพื่อที่จะขยายกิจการมากถึง 237 ล้านบาท ซึ่งเงินจำนวนนี้สามารถที่จะขยายสาขาได้เป็นจำนวนมาก ถ้าสมมุติเขาใช้เงินลงทุนต่อสาขา 7 ล้านบาทก็จะขยายได้มากถึง 34 สาขา สามารถเพิ่มสาขาอีก 28% จากที่มี 122 สาขา ทำไมเขาไม่ทำ? เหตุผลนั้นก็เพราะว่า ทำแล้วแต่ไม่ประสบความสำเร็จ เมื่อปี 2558 เขาได้ลองขยายสาขาดูก็พบว่าปริมาณยอดขายเป็นชิ้นเขาเพิ่มขึ้นจริงแต่ว่ารายได้เขาไม่ได้เพิ่มเลย ผู้บริหารเลยชลอแผนออกไป
และเมื่อเมื่อลองไปดูที่ระดับราคาก็จะเห็นผลกระทบจากเศรษฐกิจได้ชัดเจน เราจะเห็นว่ากลุ่มเป้าหมายชั้นกลางชนชั้นกลางย้ายจากการซื้อเพชรระดับราคา 20,000-50,000 ไปซื้อของที่ราคาต่ำกว่า 20,000 แม้ปริมาณการซื้อจะเพิ่มขึ้นแต่ว่าราคาต่อหน่วยที่ลดลง ส่งผลให้รายได้และกำไรลดลงมาก
ความเห็นของเรา ลงทุนหุ้น : การมองหุ้น Jubile ให้มองเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจเป็นหลักในการวิเคราะห์ ถ้าเศรษฐกิจดีเขาจะกลับมาแข็งแกร่งอีกครั้ง
MAKE JUBILE GREAT AGAIN!
เครดิต : https://www.facebook.com/StockLittle/
เพจ ลงทุนหุ้น