Dunkirk ความซื่อสัตย์ทางอารมณ์และความรับรู้ (รีวิวไม่สปอยล์)

หนังเรื่องนี้ คงไม่เป็นที่นิยมในมหาชน คือหนังไม่สนุกตามมาตราฐานหนังสงครามดุเดือดเลือดพล่าน ครับ ใครอดทนไม่พออาจมีเบื่อกันเลยทีเดียว เกริ่นแบบนี้เลย สำหรับท่านที่ทนหนังที่ไม่ดุเดือดเร้าใจไม่ไหว ก็จบที่บรรทัดนี้เลยครับ ดันเคิร์กไม่เหมาะกับท่าน

แต่สำหรับท่านที่สงสัยว่าแล้วมันน่าสนใจตรงไหนเหรอ? ก็ขอกล่าวต่อ คือหนังเรื่องนี้ค่อนข้างแหวกขนบเอามาก ๆ

ดังนี้

1.หนังจงใจไม่สร้างความผูกพันระหว่างตัวละครกับคนดู

2.การแสดงของนักแสดง เกือบทุกตัวละคร แสดง "น้อย" มาก

3.พลอตเรื่องเรียบง่ายเป็นเส้นตรง และไม่แคร์ด้วยว่าพลอตจะเร้าอารมณ์หรือไม่

คำถามคือ ผกก. ทำแบบนี้ทำไม?

หนังที่สร้างจากเหตุการณ์จริง โดยเฉพาะหนังสงครามส่วนใหญ่ต่างก็ต้อง "ปรุงรส"  ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ เช่น เพื่อให้เร้าอารมณ์รักชาติ ก็ต้องมีซีนแบบปราศัยหึกเหิม เพื่อให้เห็นความน่าหดหู่สงครามก็ต้องมีซีนเอนจอนาจสยดสยอง ฯลฯ และไม่ว่าเพื่อวัตถุประสงค์ทางอารมณ์ใด ๆ หนังจะพาคนดูไป "ถึง" อารมณ์นั้น ๆ ก็ต้องให้ตัวละครเป็นตัวนำอารมณ์ ดังนั้น การสร้างความผูกพันระหว่างตัวละครกับคนดูจึงจำเป็น (ตามข้อ 1) และตัวละครจะเดินไปตามพลอตที่เหมือนเหตุแวดล้อมเป็นเส้นทางไปเป้าหมายปลายทาง

นี่น่าจะเป็นเหตุให้เกิดการ "ปรุงรส" ในหนัง ให้ตัวละครมีความหล่อสวย มีความกล้าหาญโดดเด่น มีพื้นเพ หรือปมในใจบางอย่าง ฯลฯ ทั้งนี้เพื่อให้หนังบรรลุเป้าหมายทางอารมณ์ดังว่า

แต่ Dunkirk เลือกที่จะไม่ทำอะไรข้างต้นสักอย่างเดียว....

เหตุการณ์มันแค่ไหน ก็แค่นั้น....เราแทบไม่รู้จักชื่อตัวละคร พลอตไม่ต้องเร้าอารมณ์ไม่ต้องมีจุดหักเห จุดเปลี่ยนเหตุการณ์ใดๆ.....

คล้ายกับ Dunkirk พยายามพาเราไปสำรวจสงคราม อย่างที่มันน่าจะเป็นจริง ๆ โดยไม่ผ่านการปรุงรส แหงล่ะ เราไม่รู้หรอกว่าสงครามจริง ๆเป็นอย่างไร แต่ละสงครามก็ไม่เหมือนกันอีก แต่ "วิธีเล่าเรื่อง" ของหนังเรื่องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่า มันไม่เว่อร์ ไม่ดราม่า ไม่ใส่ไข่

นักแสดงแต่ละคน ไม่ได้ "เล่นใหญ่" เลย (บอกตรง ๆ ผมนึกถึงนักแสดงในหนังของ เต๋อ นวพล มาก คือคนธรรมดาๆ ทั่วไป ไม่ได้แสดงอารมณ์แบบ "เล่นใหญ่"ในชีวิตจริงหรอก)

หนังไม่มีพระเอก ไม่มีฮีโร่ แน่นอนมีคนเสียสละ มีคนขี้ขลาด ฯลฯ แต่ก็ไม่ "มากล้น" จนเหลือเชื่อ (ผมไม่รู้จะบรรยายอย่างไร นึกออกนะครับ )

สิ่งที่ส่วนตัวผมสัมผัสคือ เห้ย เหมือนเราดูหนังที่ ไม่ใส่ผงชูรสเลย ความงามจึงอยู่ที่ มันเหมือนหนังพาเราไปสำรวจเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์อย่างที่มันเป็นจริง ๆ ไม่มีฉากที่ดูโอเวอร์เหลือเชื่อเลย

ทีเด็ดที่สุดที่ย้ำให้(ผม)เชื่อว่าหนังมัน "จริง" มาก ๆ คือการเล่นประเด็นเรื่อง "การรับรู้"  ... คนในสงครามก็ รับรู้ และประเมินคุณค่าแบบหนึ่ง คนที่บ้านก็รับรู้และประเมินคุณค่าแบบหนึ่ง (ประเด็นนี้ หนังสงครามอย่าง the flag of our fathers ก็เคยเล่าอยู่ แต่ก็ใช้วิธีเล่าผ่านตัวละครตามขนบอย่างว่า)


เราในฐานะคนดู โนแลนกำลังพาเราไปสำรวจ "ความรับรู้" หรือ "มุมมอง" ของแต่ละฝ่ายในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ครั้งนี้ ด้วยท่าทีที่(ผมเข้าใจว่า)พยายามซื่อสัตย์ทางอารมณ์ที่สุด ปรุงแต่งน้อยที่สุด (ถึงขั้นว่าแทบจะไม่มีพระเอกหรือตัวละครเด่นอะไรเลยแล้วกัน พลอตก็ตรงมาก)

เพื่อให้สุดท้ายแล้ว คนดูก็จะได้ประเมินจากมุมมองตัวเองในท้ายที่สุด ว่าประเมินเหตุการณ์นี้ว่ามีคุณค่าในแง่ไหนอย่างไร โดยที่หนังจะนำเสนออย่าง "ซื่อสัตย์ทางอารมณ์" ที่สุด


ประเด็นอื่น ๆ

โปรดักชั่น งานกำกับภาพดีและประณีตมาก ดนตรีประกอบให้ 6.5/10 ไม่แน่ใจว่ายังเป็นฮานส์ ซิมเมอร์ไหม ถ้าใช่เรื่องนี้บางครั้งดนตรีก็กระโดดหรือล้นเกินไปบ้างครับ

ด้วยจุดเด่นด้านภาพ ดู IMAX ดีที่สุดครับ และบทสนทนาน้อยมาก ดูภาคภาษาอังกฤษจะได้อารมณ์กว่าและไม่ต้องกังวลเรื่องอ่านซับเท่าไหร่


มีอะไรเชิญแลกเปลี่ยนได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่