[CR] Penang - KL Guide & Review

สวัสดีครับ วันนี้ผมจะพาสมาชิกทุกท่านไปเที่ยวเกาะปีนังและกัวลาลัมเปอร์ครับ และอาจจะมีแนะนำร้านข้าว/การเดินทางเล็กน้อยครับ (บางที่อาจจะไม่มีรูปเพราะตอนแรกไม่ได้คิดจะทำรีวิวครับ) 55555

George Town, Penang

ผมเริ่มการเดินทางจากดอนเมืองไปปีนังโดย Airasia สนามบินที่นี้จะไม่ค่อยใหญ่ โซน International คนจะไม่ค่อยมากครับ คนไทยผ่านต.ม.ได้อย่างสบายๆ โดยระหว่างที่จะเดินไปต.ม./ผ่านออกมาแล้ว จะมีร้านขายซิมอยู่เรื่อยๆครับ
พอออกมาจากสนามบิน มีสามวิธีที่จะเข้าเมือง George Town คือแท็กซี่/Grabcar-Uber/รถเมล์
1. Taxi - ตาม Lonely Planet – ราคาเดียว 45 RM ใช้เวลาครึ่งชม.
2. Grabcar/Uber – ราคาประมาณ 35-40 RM ใช้เวลาครึ่งชม.
ปล. ถึงแม้ในมาเล Grabcar/Uber จะยังผิดกม.เหมือนไทย แต่เขาไม่มีปัญหากับการใช้บริการพวกนี้ (ไม่มีการล้อม ทุบรถ ลากมากระทืบอะไรแบบนี้) เพราะรัฐบาลเขาพยายามจะทำให้ถูกกม. และทั้ง Grabcar/Uber ถือว่าถูกและคุ้มสำหรับคนที่เดินทางเป็นกลุ่ม แถมปลอดภัยด้วย (มือถือเพื่อนผมตกใน grabcar เขายังกลับมาคืนให้) + จะยิ่งถูกถ้าใส่ promo code
3. รถเมล์สาย 401/401E – เป็นวิธีที่ผมใช้ คนละ 2.70 RM ใช้เวลาประมาณ 1 ชม.
ข้อควรระวัง
1. รถเมล์ที่นี้ไม่ทอนเงินนะครับ แนะนำให้หาที่แตกแบงค์ในร้านในสนามบินครับ เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้เตรียมแบงค์ย่อยมา
2. ที่จริง 401E จะเร็วกว่า 401 นิดหน่อย แต่ถ้าไม่คิดมากก็ขึ้นๆไปเถอะครับ 555

คนส่วนใหญ่จะไปลงที่ Komtar (ห้างใหญ่ๆของ George Town เขา) ซึ่งเป็นที่ๆรถเมล์หลายๆคันจะมาจอดรับด้วยครับ คิดง่ายๆว่าเป็นอนุสาวรีย์ชัยบ้านเราละกันครับ
ข้อแนะนำ – ที่ Komtar จะมีร้านขายโทรศัพท์/ซิมเยอะมาก ให้ลองเดินๆดู ถูกกว่าในสนามบินแน่นอน ผมได้ซิม 20 RM ใช้ได้ 7 วัน ได้เน็ต 3.8 gb + credit โทร 5 RM แถมโทรกลับไทยได้ด้วย คุ้มอยู่ครับ

เดินเท้าจาก Komtar ได้ 15 นาที ก็เจอที่พักของผมคือ Ryokan Muntri Boutique Hostel (ห้อง dorm 4 คน คนละ 43 RM + อาหารเช้า) ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี้ได้ rating สูงเพราะพนักงานเอาใจใส่ ห้อง/ห้องน้ำสะอาด มี common area ให้ได้พักผ่อน/คุยกับคนแปลกหน้า
ข้อแนะนำ – สำหรับสายกินเบียร์ ถ้าคิดว่าจะมากินเบียร์/เหล้าหรือซื้อบุหรี่ถูกๆดูดไปด้วย คุณมาผิดประเทศแล้ว เพราะที่รร.นี้ขาย Carlsburg กระป๋องเล็กละ 8 RM ซึ่งราคาก็พอๆกับที่อื่นเลย บุหรี่ก็เริ่มต้นที่ประมาณ 13 RM ต่อซอง

เริ่มเดินเที่ยว
สักสี่โมงเย็น ผมก็ออกจากที่พักไป Komtar อีกรอบ แต่ก่อนอื่น มาถึงปีนังแล้วต้องกินของขึ้นชื่อของเขาก่อนครับ ซึ่งก็คือ
Laksa - เส้นอุด้งแต่เล็กกว่าหน่อย ใส่ในน้ำคล้ายๆน้ำเงี้ยวบ้านเรา ออกแนวยำปลากระป๋อง รวมแล้วอร่อยดี
Cha Koay Teow – มันคือผัดไทยบ้านเราดีๆแน่เอง แต่ใส่ทั้งหอยแครง กุนเชียง ฯลฯ
Chendol – คล้ายๆลอดช่องไทย แต่เส้นแข็งกว่า + ใส่ถั่วแดงด้วย
อันนี้กินที่ร้าน Penang Road Famous Teochew Chendul (ร้านอยู่หัวมุมถนนเลยครับ)
ค่าเสียหาย Laksa 2 CKT 1 Chendol 1 ประมาณ 15 RM ครับ
ข้อควรระวัง – ที่ปีนัง ถ้าเป็นร้านแบบ local เมื่อเขามาวางอาหารแล้ว เราต้องจ่ายเงินเลยครับ ไม่มีการรอกินเสร็จแล้วค่อยคิดเงิน

Penang Hill

การเดินทาง
1. รถเมล์ 204 - คนละ 2.70 RM ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
2. Grab - จากตัวเมืองจะประมาณ 12 RM ใช้เวลา 25 นาที

พอกินเสร็จก็ไปที่ Komtar ต่อ แต่คราวนี้ที่ขึ้นรถเมล์เป็นคนละที่กับที่เราลงนะครับ ป้ายรถเมล์จะอยู่เข้าไปในซอยนิดนึง พอเจอป้ายรถเมล์ (มีหลายป้าย เป็นหมายเลข 1-5) ไปขึ้นรถเมล์ 204 (น่าจะเป็นป้าย 4) คนละ 2.70 RM (ไม่มีทอนเช่นเดิม) ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีครับ นั่งจนสุดป้ายเลย
ข้อแนะนำ – รถเมล์ 204 จะวิ่งผ่านวัด Kek Lok Si ด้วย ถ้าใครสนใจก็ลงไปเที่ยวก่อนได้ครับ

เข้าชม
ค่าตั๋วผู้ใหญ่ ไปกลับ 30 RM แต่ถ้าใครรีบจัด อยากแซงคิวก็มีบริการ fast lane 60 RM ครับ สบายๆ (ถ้าไม่ใช่วันหยุดเขา ก็รอไม่เกิน 20 นาทีครับ) แต่ถ้าใครอินดี้ อยากเดินขึ้นก็สามารถทำได้ครับ เท่าที่ถามมา ใช้เวลาอย่างน้อย 3 ชม. ครับ
พอขึ้นรถราง รถรางก็จะค่อยๆ(?)ไต่ระดับขึ้นเขาไปเรื่อยๆครับ ระหว่างนั้นเราก็จะเห็นวิวของเกาะปีนัง แต่ระหว่างนี้ก็ขอให้หาวเป็นพักๆ เพราะหูอาจจะอื้อได้
Theme ของที่นี้ที่ผมเห็นคือเป็นที่ๆคู่รักมาเที่ยวกัน มีที่ถ่ายรูปน่ารักๆ มีที่ให้คล้องกุญแจคู่รัก นั่งทานอาหารกันอย่างสวีท ของผมไปกับเพื่อนผช.เลยไม่รู้จะไปสวีทกันทำไม แต่อย่างน้อยข้างบนก็มีวิวให้ถ่ายรูป มีเส้นทางธรรมชาติให้เดินดูเล็กน้อย แล้วก็มีวัดแขกและมัสยิดเล็กๆให้เข้าชมได้ครับ
highlight ของที่นี้จริงๆคือตอนค่ำครับ โดยที่ทั้งเกาะปีนังจะเริ่มเปิดไฟแล้วเราจะเห็นทั้งเกาะสว่างไปด้วยแสงไฟครับ
ข้อแนะนำ –  ถ้าเวลาไม่บีบบังคับจริงๆ กรุณาอย่ามาตอนกลางวัน เพราะถึงแม้ว่าข้างบนจะค่อนข้างเย็น แต่คุณจะรู้สึกว่ามันร้อน + ไม่มีอะไรทำครับ

Lorong Baru (New Lane) Food Stall

ตรงนี้ไม่เชิงเป็นตลาดนัดกลางคืนหรอกครับ ออกแนวโต้รุ่งของเราซะมากกว่า ก็มีหลายอย่างให้เลือกกิน รสชาติกับราคาก็โอเคครับ ไม่มีการโก่งราคานักท่องเที่ยว
ข้อควรระวัง – ที่ปีนังจะมีธรรมเนียมอย่างนึงครับว่า ทุกๆโต๊ะในโต้รุ่งจะมีเจ้าของ แต่ถ้าโต๊ะไหนว่าง คุณก็นั่งได้เลย (ไม่ต้องรอให้เขาทำความสะอาด เดี๋ยวมีคนมาเก็บเอง) แต่คุณจะต้องสั่งอาหารอย่างน้อย 1 อย่างกับเจ้าของร้าน เช่นผมสั่งหมี่ผัดมา แต่ผมนั่งที่โต๊ะของร้านของหวาน ผมก็ต้องสั่งของหวานกับเขาครับ

ตะลุย Khoo Kongsi + Street Art

เมื่อคืนฝนตกหนักสุดๆ จนถึงเช้าก็ยังไม่หยุด แต่สุดท้ายตอนแปดโมงก็หยุดตกจนได้ ผมเลยรีบออกไปเที่ยวเลย แต่ก่อนอื่น ต้องกินอาหารเช้าก่อนครับ (ไม่ได้กินที่รร.เพราะเพื่อนอยากกินติ่มซำ) เลยแวะทานที่ร้าน Tai Tong เป็นร้านโล่งๆ น่านั่ง คนไทยเยอะพอควรเลย เวลาสั่งก็ง่ายๆครับ เพราะเขาจะมีรถเข็นมาให้เราสั่ง เราก็ชี้ๆเอา (ถ้าพูดจีน/มลายูได้ก็อีกเรื่องนึง) สั่งไปอย่างในรูปครับ (สองคน) + น้ำชา แต่ผมไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่นะ มันไม่ร้อนอ่ะ ที่จะแนะนำก็มีเส้นก๋วยเตี๋ยวหลอดน่ะแหละครับ น้ำจิ้มอร่อยดี ที่เหลือเฉยๆ พอกินได้ แต่ทำไมสาวๆโต๊ะข้างๆบอกว่าอร่อยมากก็ไม่รู้ 5555
ค่าเสียหายรวมประมาณ 35 RM

พอเดินมาๆเรื่อยก็แวะเข้า Khoo Kongsi หรือกงสีของตระกูล Khoo ซึ่งเขาบอกว่าเขาเป็นตระกูลที่รวยที่สุดในภาคเหนือของมาเลเซียเลยทีเดียว ข้างใน ชั้นล่างจะมีการแสดงประวัติและความเป็นอยู่ในอดีตของตระกูล Khoo ชั้นบนก็จะเป็นคล้ายๆวัดจีน แต่ทุกๆอย่างจะถูกประดับอย่างหรูหรา และมีภาพศิลปะจีนแสดงอยู่ด้วย (ค่าเข้าคนละ 10 RM)
ออกจากบ้านตระกูล Khoo แล้วก็จะเป็น Street Art (ส่วนใหญ่อยู่บนถนน Cannon – Armenian – Ah Quee) แต่ภาพแต่ละภาพจะไม่ได้อยู่ติดกันนะครับ เพราะบางทีมันก็จะแอบอยู่ตามตรอก แต่บางภาพจะไม่มีทางพลาดได้เลย เช่น ภาพสองพี่น้องกับจักรยานที่อยู่บนถนน Armenian ยังไงๆภาพนี้ก็ต้องมีคนมุงแน่นอนครับ
ถ้าอยากเก็บ street art ให้หมด ตามรอยได้ครับ
http://www.tourismpenang.net.my/pdf/street-art-brochure.pdf

Little India & Town Hall

อันนี้ไม่ใช้ highlight ของ George Town แต่ถ้าสนใจในเรื่องความเป็นอยู่ วัฒนธรรมก็สามารถเดินต่อจากถนน Ah Quee ไปเรื่อยๆได้ครับ ตัว Little India ก็จะออกแนวพาหุรัตของบ้านเรา แต่มีของขายมากกว่าผ้าเยอะ แถมบรรยากาศนี้เปลี่ยนจากตัว George Town ไปเลยครับ ถ้าเรามุ่งหน้าไปทาง Fort Cornwallis (ที่ดูไม่มีอะไร+แพง) ก็จะผ่าน Colonial District ที่จะเห็นตึกสมัยที่เกาะปีนังยังเป็นของอังกฤษอยู่ครับ Town Hall ของที่นี้ก็ยังมีกลิ่นอายของยุคอาณานิคมเช่นกันครับ

Kek Lok Si Temple

การเดินทาง
1. รถเมล์ 204 - คนละ 2.70 RM ใช้เวลาประมาณ 40 นาที + เดินเข้าวัดอีกสิบนาที
2. Grab – ไม่เกิน 12 RM ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
เข้าชม
วัดนี้เป็นวัดของชาวจีน-มาเลครับ ตัววัดจะมีหลายตึกมาก ทั้งอุโบสถหลัก ที่ไหว้พระ เจดีย์ 7 ชั้น ที่ประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม ถ้าใครชอบไหว้พระก็น่าจะได้ไหว้พระกันอย่างจุใจเลยทีเดียว
พอดีเวลาผมไม่เยอะ ผมเลยเลือกที่จะขึ้นเจดีย์ 7 ชั้น (ยังสงสัยตัวเองอยู่ว่าเวลาน้อยแล้วทำไมเลือกขึ้นเจดีย์)เพราะรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมนั้นเหมือนกับซ่อมอยู่ก็เลยไม่ได้ขึ้นไป แต่ถ้าหากใครอยากขึ้นก็มีลิฟท์บริการครับ ไปกลับ คนละ 6 RM
เจดีย์ 7 ชั้นนั้นต้องเสียค่าเข้าคนละ 2 RM ก่อนครับ ภายในเจดีย์แต่ละชั้นจะมีพระพุทธรูปประจำชั้นอยู่ ส่วนการจะขึ้นไปถึงชั้นบนสุดได้มีวิธีเดียว คือการเดินขึ้นนั้นเอง ถือว่าออกกำลังกายกันหน่อยละกันครับ (โดยเฉพาะใครที่จะไปขึ้น Batu Caves) ถ้าขึ้นไปถึงชั้นบนสุดได้ก็จะเห็นวิวแบบนี้ครับ
ข้อแนะนำ – ถ้ามีเวลาเยอะ ให้เที่ยว Kek Lok Si กับ Penang Hill ไปพร้อมๆกันเลยครับ เพราะมันอยู่โซนเดียวกันเลย (ห่างกันประมาณ 2.5 km) จะได้ไม่ต้องเสียเวลาออกนั่งรถออกมาจากเมืองอีกครับ

กลับสนามบินปีนัง

การเดินทาง
1. รถเมล์ 401/401E – คนละ 2.70 RM ใช้เวลาประมาณ 45 นาที
2. Grab – 40 RM ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เย็นนี้ผมต้องบินจากปีนังไป KL เนื่องจากราคาตั๋วแพงกว่าราคารถทัวร์ไม่เท่าไหร่ ภายในสนามบินนั้น ส่วน zone domestic นั้นคนเยอะมาก อาจจะพอๆกับดอนเมืองเลยก็ได้ (อาจเป็นเพราะเป็นวันศุกร์เย็น) พวกผมนั่ง Airasia ไปลง KLIA2 ครับ
ข้อแนะนำ - George Town (Komtar) – สนามบินปีนัง ใช้เวลาไม่เกิน 1 ชม.แน่ๆครับ (ถ้ารถไม่ติดจนเกินไป) แต่บางที google maps จะบอกว่าใช้เวลาอย่างน้อย 1.50 ชม. อย่าไปเชื่อมันครับ มันมั่ว!
ชื่อสินค้า:   George Town, Penang, Malaysia
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่