Dunkirk (2017)
ความรู้สึกหลังหนังจบทันที ถ่ายหน้าโรง (คนละแบบกับที่เขียนรีวิวข้างล่างซึ่งกลั่นกรองแล้ว) ดูได้ที่
https
..............
ทหารอังกฤษสี่แสนนายที่ติดอยู่ที่หาดดันเคิร์ก ถูกล้อมด้วยทหารนาซี หวังรุมกินโต๊ะ ฆ่าเหี้ยน ทำให้ทหารพวกนี้ ต้องหาทางหนีจากหาดให้ได้
...............
รีวิวแบบกลั่นกรองแล้ว
สิ่งหนึ่งที่สนุกของหนังโนแลน คือการที่โนแลนถ่ายทำภาพยนต์เหมือนหนังเก่า ใช้ cgi ให้น้อยที่สุดและเน้นถ่ายภาพจากของจริง
ทำให้บรรยากาศในหนังดูขลังมากๆ ถ่ายภาพได้สวยมากๆ เน้นบรรยากาศความเวิ้งว้างของชายหาด ทะเล และท้องฟ้า (ดู imax อย่างฟิน) หนังมีฉากเนิบๆ แล้วค่อยเร้า +ดนตรีกดดัน เหมือนค่อยๆดึงอารมณ์ให้เราเข้าไปอยู่ในหนัง อย่างช้าๆแล้วก็บีบคั้นคนดูในท้ายที่สุด
ภาพรวมหนัง เหมือนหนังเก่าๆ ที่เป็นภาพใหม่ และการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนแบบหนังใหม่ เช่นการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน เพราะหนังแบ่งออกเป็น 3 สถานการณ์ ที่อยู่คนละช่วงเวลา คนละกลุ่มตัวละคร เหมือนเป็นเรื่องราว 3 เรื่องที่เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่สุดท้ายหนังก็เล่าสลับไปมาไม่เรียงลำดับเวลา และนำพาไปสู่สถานการณ์ และ climax เดียวกันในท้ายที่สุด
เมื่อมองลึกๆแล้ว ในแง่ของเนื้อหา เรื่องอาจจะไม่แน่นยุบยิบเยอะแยะ แบบหนังเก่าๆของโนแลน เพราะหนังมันแค่พูดถึงการเอาตัวรอด
แต่หนังเรื่องนี้ก็กลายเป็นการโชว์ของจากโนแลน ที่เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรมาก แต่เล่าและผูกเรื่องในสไตล์ของโนแลนได้อย่างสมบูรณ์ จนทำให้หนังดูมีอะไรขึ้นมาเลยทีเดียว
ถ้าพูดตรงๆคือก็ไม่รู้จะติอะไร เว้นแต่แค่ตอนท้ายแอบขำ ที่เห็น Tom Hardy แล้วนึกถึงหนังอย่าง Mad max ที่เขาเคยเล่นขึ้นมา แบบนักแสดง + จังหวะมันใช่จริงๆ 5555
ความรู้สึกหลังชม Dunkirk แบบหลังจากออกจากโรงทันที
ความรู้สึกหลังหนังจบทันที ถ่ายหน้าโรง (คนละแบบกับที่เขียนรีวิวข้างล่างซึ่งกลั่นกรองแล้ว) ดูได้ที่
https..............
ทหารอังกฤษสี่แสนนายที่ติดอยู่ที่หาดดันเคิร์ก ถูกล้อมด้วยทหารนาซี หวังรุมกินโต๊ะ ฆ่าเหี้ยน ทำให้ทหารพวกนี้ ต้องหาทางหนีจากหาดให้ได้
...............
รีวิวแบบกลั่นกรองแล้ว
สิ่งหนึ่งที่สนุกของหนังโนแลน คือการที่โนแลนถ่ายทำภาพยนต์เหมือนหนังเก่า ใช้ cgi ให้น้อยที่สุดและเน้นถ่ายภาพจากของจริง
ทำให้บรรยากาศในหนังดูขลังมากๆ ถ่ายภาพได้สวยมากๆ เน้นบรรยากาศความเวิ้งว้างของชายหาด ทะเล และท้องฟ้า (ดู imax อย่างฟิน) หนังมีฉากเนิบๆ แล้วค่อยเร้า +ดนตรีกดดัน เหมือนค่อยๆดึงอารมณ์ให้เราเข้าไปอยู่ในหนัง อย่างช้าๆแล้วก็บีบคั้นคนดูในท้ายที่สุด
ภาพรวมหนัง เหมือนหนังเก่าๆ ที่เป็นภาพใหม่ และการเล่าเรื่องที่ซับซ้อนแบบหนังใหม่ เช่นการเล่าเรื่องของหนังเรื่องนี้ก็เช่นกัน เพราะหนังแบ่งออกเป็น 3 สถานการณ์ ที่อยู่คนละช่วงเวลา คนละกลุ่มตัวละคร เหมือนเป็นเรื่องราว 3 เรื่องที่เหมือนจะไม่เกี่ยวกัน แต่สุดท้ายหนังก็เล่าสลับไปมาไม่เรียงลำดับเวลา และนำพาไปสู่สถานการณ์ และ climax เดียวกันในท้ายที่สุด
เมื่อมองลึกๆแล้ว ในแง่ของเนื้อหา เรื่องอาจจะไม่แน่นยุบยิบเยอะแยะ แบบหนังเก่าๆของโนแลน เพราะหนังมันแค่พูดถึงการเอาตัวรอด
แต่หนังเรื่องนี้ก็กลายเป็นการโชว์ของจากโนแลน ที่เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรมาก แต่เล่าและผูกเรื่องในสไตล์ของโนแลนได้อย่างสมบูรณ์ จนทำให้หนังดูมีอะไรขึ้นมาเลยทีเดียว
ถ้าพูดตรงๆคือก็ไม่รู้จะติอะไร เว้นแต่แค่ตอนท้ายแอบขำ ที่เห็น Tom Hardy แล้วนึกถึงหนังอย่าง Mad max ที่เขาเคยเล่นขึ้นมา แบบนักแสดง + จังหวะมันใช่จริงๆ 5555