วิธีฝึกให้มีสติ
…………………..
“ฝึกนะ ค่อยๆ มีสติขึ้นมา
ต้องรู้ก่อน สติเกิดจากอะไร
สติเป็นอนัตตา สั่งให้เกิดไม่ได้
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา
สั่งให้เกิดไม่ได้
แต่ถ้ามีเหตุ สติก็จะเกิด เหตุของสติ
คือการที่จิตจำสภาวะได้แม่น
การที่จิตจำสภาวะได้แม่น
เป็นเหตุใกล้ให้เกิดสติ
การจำสภาวะได้แม่น
เรียกว่า ถิรสัญญา
มีการหมายรู้ได้แม่นยำ
เช่น จำได้แม่นยำว่าความโกรธเป็นอย่างไร
พอความโกรธเกิดขึ้น สติจะเกิดเอง
หรือจำได้ว่าความโลภเป็นยังไง
พอความโลภเกิดขึ้น สติจะเกิดเอง
ฉะนั้นอยู่ที่การจำสภาวะได้
ในปริยัติจะใช้คำว่า ถิรสัญญา
การจำสภาวะได้แม่นยำ
เป็นเหตุใกล้ให้เกิดสติ
แล้วทำไมถิรสัญญาจึงเกิด?
ทำไมจำแม่น?
เพราะเห็นบ่อย
ถ้านาน ๆ เห็นทีก็จำไม่แม่น
อย่าว่าแต่คนอื่นเลยนะ
พี่น้องกันไม่เจอกัน ๓๐ ปี ๔๐ ปี
จำไม่ได้ เดินสวนกัน จำไม่ได้
ถ้าเจอทุกวัน ก็จำแม่น
เจอบ่อย ๆ ก็จำแม่น
ถ้าไม่เจอนาน ๆ ก็จำไม่ได้
มันก็หลักเดียวกัน
สภาวธรรมมี ๒ ชนิด คือ
รูปธรรมกับนามธรรม
แยกออกไปก็เป็นขันธ์ ๕
อายตนะ ๖ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒
แยกละเอียด ๆ ออกไป
เป็นปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาทก็คือรูปกับนามอีกแหละ
เพราะฉะนั้น แยกสภาวธรรมก็จะเป็น
รูปธรรม นามธรรม
ทำอย่างไรจะจำสภาวะ
ของรูปธรรมนามธรรมแต่ละอย่างได้แม่น?
ก็ต้องเห็นบ่อย ๆ เห็นเนือง ๆ”
…………………..
พระธรรมเทศนา
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ถอดคำ : พีเค
เรียบเรียง : สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา
https://www.facebook.com/1317977204900901/photos/a.1412754818756472.1073741828.1317977204900901/1605747256123893/?type=3&theater
วิธีฝึกให้มีสติ
วิธีฝึกให้มีสติ
…………………..
“ฝึกนะ ค่อยๆ มีสติขึ้นมา
ต้องรู้ก่อน สติเกิดจากอะไร
สติเป็นอนัตตา สั่งให้เกิดไม่ได้
ธรรมทั้งหลายทั้งปวงเป็นอนัตตา
สั่งให้เกิดไม่ได้
แต่ถ้ามีเหตุ สติก็จะเกิด เหตุของสติ
คือการที่จิตจำสภาวะได้แม่น
การที่จิตจำสภาวะได้แม่น
เป็นเหตุใกล้ให้เกิดสติ
การจำสภาวะได้แม่น
เรียกว่า ถิรสัญญา
มีการหมายรู้ได้แม่นยำ
เช่น จำได้แม่นยำว่าความโกรธเป็นอย่างไร
พอความโกรธเกิดขึ้น สติจะเกิดเอง
หรือจำได้ว่าความโลภเป็นยังไง
พอความโลภเกิดขึ้น สติจะเกิดเอง
ฉะนั้นอยู่ที่การจำสภาวะได้
ในปริยัติจะใช้คำว่า ถิรสัญญา
การจำสภาวะได้แม่นยำ
เป็นเหตุใกล้ให้เกิดสติ
แล้วทำไมถิรสัญญาจึงเกิด?
ทำไมจำแม่น?
เพราะเห็นบ่อย
ถ้านาน ๆ เห็นทีก็จำไม่แม่น
อย่าว่าแต่คนอื่นเลยนะ
พี่น้องกันไม่เจอกัน ๓๐ ปี ๔๐ ปี
จำไม่ได้ เดินสวนกัน จำไม่ได้
ถ้าเจอทุกวัน ก็จำแม่น
เจอบ่อย ๆ ก็จำแม่น
ถ้าไม่เจอนาน ๆ ก็จำไม่ได้
มันก็หลักเดียวกัน
สภาวธรรมมี ๒ ชนิด คือ
รูปธรรมกับนามธรรม
แยกออกไปก็เป็นขันธ์ ๕
อายตนะ ๖ ธาตุ ๑๘ อินทรีย์ ๒๒
แยกละเอียด ๆ ออกไป
เป็นปฏิจจสมุปบาท
ปฏิจจสมุปบาทก็คือรูปกับนามอีกแหละ
เพราะฉะนั้น แยกสภาวธรรมก็จะเป็น
รูปธรรม นามธรรม
ทำอย่างไรจะจำสภาวะ
ของรูปธรรมนามธรรมแต่ละอย่างได้แม่น?
ก็ต้องเห็นบ่อย ๆ เห็นเนือง ๆ”
…………………..
พระธรรมเทศนา
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชฺโช
วัดสวนสันติธรรม ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๖๐
ถอดคำ : พีเค
เรียบเรียง : สุรวัฒน์ เสรีวิวัฒนา
https://www.facebook.com/1317977204900901/photos/a.1412754818756472.1073741828.1317977204900901/1605747256123893/?type=3&theater