-15 ก.ค.60- ธนาคารโนมูระ เปิดเผยรายงานเตือนว่า จีนและฮ่องกง อาจจะเกิดวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ภายใน 3 ปีนี้ หลังจากพบว่าดัชนีเศรษฐกิจถึง 40 รายการจากทั้งหมด 60 รายการกำลังอยู่ในสัญญาณอันตรายโดยเฉพาะราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อตัวเป็นฟองสบู่ รวมไปถึงไประดับหนี้ของภาคเอกชนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง, สัดส่วนหนี้เอกชนต่อจีดีพี, สัดส่วนหนี้เอกชนต่อภาคบริการของประเทศ, อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ตลอดไปจนถึงราคาหุ้นและราคาอสังหาริมทรัพย์
ในรายงานของธนาคารโนมูระ ซึ่งทำการสำรวจตัวอย่างใน 30 ประเทศ และมีความแม่นยำมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วยการแทรคข้อมูลย้อนกลับไปตั้งแต่ทศวรรษ 1990 นั้น ได้ระบุว่า นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี 2540 เอเชียกำลังเสี่ยงกับการเกิดวิกฤตการเงินอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้นนั้นจะจำกัดอยู่ภายในประเทศนั้นๆมากกว่า
โดยเฉพาะในฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่นั้น กำลังมีปัญหาของหนี้ภาคเอกชน และช่องว่างของราคาสินทรัพย์ที่มากเกินไป โดยฮ่องกงนั้นได้ตรึงค่าเงินไว้กับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกำลังกลายเป็นความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯกำลังกลับเข้าสู่นโยบายขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อหนี้ภาคเอกชนของฮ่องกงอย่างมาก
โดยในปัจจุบัน ราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงกำลังแพงขึ้นทำสถิติแพงที่สุดในโลก ขณะที่การปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ร้อนแรงอย่างมาก ยิ่งทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงเกินไปสำหรับคนรุ่นใหม่ และผู้สูงอายุ ซึ่งปัญหานี้ก็เกิดขึ้นเช่นกันกับในจีนแผ่นดินใหญ่
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า วิกฤตการเงินนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลก และจะเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นที่จีนหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าไม่น่าเกิดขึ้น เพราะกรณีของจีนนั้นมีการพูดถึงมานานแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่
ด้านมูดดี้ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับเครดิตชื่อดังได้ปรับลดเครดิตของจีนไปแล้ว เพราะหนี้ภาคเอกชนของจีนสูงมาก เเละราคาบ้านของจีนราคาพุงไม่หยุด แม้ว่า หลายฝ่ายมองว่ามีโอกาสเกิดภาวะฟองสบู่ แต่ประเด็นเหล่านี้เกิดขึ้นมานาน ซึ่งรัฐบาลจีนก็ควบคุมได้ และมีมาตรการดูแลอย่างต่อเนื่องจึงไม่น่าเป็นห่วงว่าจะเกิดขึ้น
Link :
http://m.thansettakij.com/content/180235
เตือนจีน-ฮ่องกงอีก 3 ปี จะเจอวิกฤตเศรษฐกิจ
-15 ก.ค.60- ธนาคารโนมูระ เปิดเผยรายงานเตือนว่า จีนและฮ่องกง อาจจะเกิดวิกฤตการเงินครั้งใหญ่ภายใน 3 ปีนี้ หลังจากพบว่าดัชนีเศรษฐกิจถึง 40 รายการจากทั้งหมด 60 รายการกำลังอยู่ในสัญญาณอันตรายโดยเฉพาะราคาอสังหาริมทรัพย์ที่ก่อตัวเป็นฟองสบู่ รวมไปถึงไประดับหนี้ของภาคเอกชนที่พุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง, สัดส่วนหนี้เอกชนต่อจีดีพี, สัดส่วนหนี้เอกชนต่อภาคบริการของประเทศ, อัตราแลกเปลี่ยนค่าเงิน ตลอดไปจนถึงราคาหุ้นและราคาอสังหาริมทรัพย์
ในรายงานของธนาคารโนมูระ ซึ่งทำการสำรวจตัวอย่างใน 30 ประเทศ และมีความแม่นยำมากที่สุดแห่งหนึ่งด้วยการแทรคข้อมูลย้อนกลับไปตั้งแต่ทศวรรษ 1990 นั้น ได้ระบุว่า นับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจเอเชียปี 2540 เอเชียกำลังเสี่ยงกับการเกิดวิกฤตการเงินอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าความตึงเครียดที่เกิดขึ้นนั้นจะจำกัดอยู่ภายในประเทศนั้นๆมากกว่า
โดยเฉพาะในฮ่องกง และจีนแผ่นดินใหญ่นั้น กำลังมีปัญหาของหนี้ภาคเอกชน และช่องว่างของราคาสินทรัพย์ที่มากเกินไป โดยฮ่องกงนั้นได้ตรึงค่าเงินไว้กับดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งกำลังกลายเป็นความเสี่ยงมากขึ้นเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯกำลังกลับเข้าสู่นโยบายขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อหนี้ภาคเอกชนของฮ่องกงอย่างมาก
โดยในปัจจุบัน ราคาอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงกำลังแพงขึ้นทำสถิติแพงที่สุดในโลก ขณะที่การปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ร้อนแรงอย่างมาก ยิ่งทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงเกินไปสำหรับคนรุ่นใหม่ และผู้สูงอายุ ซึ่งปัญหานี้ก็เกิดขึ้นเช่นกันกับในจีนแผ่นดินใหญ่
นายอมรเทพ จาวะลา ผู้อำนวยการอาวุโส สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย ให้ความเห็นต่อเรื่องนี้ว่า วิกฤตการเงินนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั่วโลก และจะเกิดปัญหาดังกล่าวขึ้นที่จีนหรือไม่นั้น ส่วนตัวมองว่าไม่น่าเกิดขึ้น เพราะกรณีของจีนนั้นมีการพูดถึงมานานแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหม่
ด้านมูดดี้ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส บริษัทจัดอันดับเครดิตชื่อดังได้ปรับลดเครดิตของจีนไปแล้ว เพราะหนี้ภาคเอกชนของจีนสูงมาก เเละราคาบ้านของจีนราคาพุงไม่หยุด แม้ว่า หลายฝ่ายมองว่ามีโอกาสเกิดภาวะฟองสบู่ แต่ประเด็นเหล่านี้เกิดขึ้นมานาน ซึ่งรัฐบาลจีนก็ควบคุมได้ และมีมาตรการดูแลอย่างต่อเนื่องจึงไม่น่าเป็นห่วงว่าจะเกิดขึ้น
Link : http://m.thansettakij.com/content/180235