ในวันที่พ่อกับแม่ผมเป็นมะเร็งระยะ 3 พร้อมๆ กัน

มะเร็ง สมัยก่อนผมคิดว่ามันไกลตัวมากๆ เลยนะ ไม่เคยคิดว่าจะมีคนในครอบครัวที่ผมรักที่สุดเป็นโรคนี้พร้อมกันถึงสองคน ผมเคยตั้งกระทู้เรื่อง Annal Fissure ไปเพื่อตั้งใจให้เป็นประโยชน์กับคนที่ป่วยโรคนี้อยู่ แต่กระทู้นี้ผมเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยให้กับผู้อ่านเช่นกันครับ มาลองอ่านกันดูนะ

บ้านผมค่อนข้างสนิทกันมาก ระหว่างผมและน้องๆ สามคนกับพ่อกับแม่ ถึงแม้ว่าผมจะมีครอบครัวแล้ว แต่ก็อยู่ไกล้ๆ กับพ่อกับแม่ เจอกันเกือบทุกวัน ทุกๆ เย็น เราก็จะนั่งพร้อมหน้าพร้อมตากันกินข้าวกันตั้งแต่เด็กจนผมอายุ 37 ปี (มีช่วงที่ผมไปเรียนต่างประเทศที่ไม่ได้เจอกัน) อาการป่วยป๊ากับแม่ก็ตามวัยทั่วๆ ไป ไม่มีอะไรรุนแรงจนกระทั่ง แม่บอกว่ามีก้อนที่เต้านมแม่ลองขยี้ดูมันก็ไม่หาย นึกว่าเป็นผังผืดจากการผ่าตัดที่เคยผ่าผังผืดเมื่อห้าปีที่แล้วในเต้านม แต่ผมไม่ไว้ใจเลย เลยบอกน้องสาวให้พาแม่ไปตรวจ ซึ่งไปตรวจที่ รพ เปาโล หมอจับปุ๊บบอกให้ผ่าเลย ใช่มะเร็งแน่ๆ เราก็ตกใจว่าเฮ้ย ขอฟัง second opinion จากหมออีกสักท่านหนึ่งดีกว่า เลยลองไปหาหมอที่พญาไท 1 หมอรีบให้เก็บชิ้นเนื้อไปตรวจ อีกไม่นานเราก็ไปฟังผล และพบว่า คุณแม่ผมเป็นมะเร็งชนิดเดียวกับแม่นุ่น มะเร็งชนิดที่ดุมากคือ Hurr 2 และอยุ่ในระยะสาม ลามไปที่ต่อมน้ำเหลืองแล้ว วันนั้นผมช๊อค น้องสาวและน้องชายผมก็ช๊อค ป๊าผมก็ช๊อค ทุกคนมึนไปหมด เพราะเราอ่านในเน็ตเราพบว่ามะเร็งชนิดนี้ลามเร็วมาก และถ้าไปต่อมน้ำเหลืองแล้วโอกาสลามไปตับปอดกระดูกสมองสูงมาก

วันนั้นเราตัดสินใจผ่าทันทีที่ รพ พญาไท 1 ซึ่งเป็นที่เดียวกับที่รักษาแม่นุ่น และดูแลผู้ป่วยได้ดีที่สุด รพ หนึ่งของประเทศเลย วันผ่าผมลางาน น้องสาวผมน้องชายลางาน ทุกคน และไปรอส่งคุณแม่เข้าห้องผ่าตัด ก่อนคุณแม่ออกจากห้องผ่าตัดคุณหมอเชิญพวกเราไปห้องฟังผล คุณหมอบอกว่าตัดออกไปเกือบหมดแล้ว รวมถึงเลาะต่อมน้ำเหลืองออกไปด้วยเกือบหมด เพราะว่ามันลามไปเร็วมาก หลังจากผ่าตัดคุณแม่ต้องพักฟื้นจากคีโมย์ เราเลยพาคุณพ่อไปจรวจค่า PSA เพราะว่าค่า PSA ป๊าอยู่ในระดับที่สูงมาก เสี่ยงเป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก แต่เราก็มองโลกในแง่ดีว่า คงไม่โชคร้ายขนาดนั้น แต่ความจริงมันโหดร้ายมากๆ เพราะผลออกมาว่า ป๊าเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากระยะสามต้องผ่าตัดด่วน

ไม่มีวันใหนเลย ตั้งแต่ที่เราทราบผลเรื่องป๊ากับแม่เป็นมะเร็งที่ผมไม่ร้องไห้ตอนกลางคืน แต่เราเชื่อในความดีที่ป๊าแม่ทำมา เราศึกษาทุกวิถีทางที่เป็นไปได้ที่จะรักษาป๊ากับแม่ให้ได้ แม่โชคดีที่มีประกันชีวิตหลายฉบับมาก แต่ประกันบางยี่ห้อบอกเลยว่าอย่าไปทำเด็ดขาดไร้ประโยชน์มากๆ บางฉบับก็ดีมากๆ เช่น AIA ตัวแทนก็ดีมากๆ บริษัทก็ดีมากๆ (ไม่ได้ค่าโฆษณานะ) แต่ป๊าไม่ได้ทำประกันไว้เลย แต่ทั้งสองท่านมีเงินเก็บเยอะพอสมควรเราจึงไม่ได้ห่วงเรื่องค่ารักษาเท่าใหร่ แต่พอมาทราบขั้นตอนการรักษาก็สะอึกเหมือนกันเพราะพบว่ามะเร็งที่ป๊าเป็นถ้าผ่าโดยใช้หุ่นยนต์ ค่าใช้จ่ายถึงสี่แสนบาท และค่าย่ารักษามะเร็งเฉพาะทางที่ชื่อว่า Herceptin มีราคาหลายแสนบาท รวมค่ารักษาแล้วอาจต้องใช้เงินถึงสี่ล้านบาททีเดียว

เอาล่ะ หลังจากแม่ออกจาก โรงพยาบาล เราก็ตั้งสติ แล้วเริ่มวางแผนการรักษา โดยเราได้รับคำแนะนำให้ไปพบกับอาจารย์หมอท่านหนึ่งที่เก่งมากๆ ที่ รพ. รามา และได้รับคำแนะนำว่า ของแม่ ต้อง หลังผ่า ต้องให้คีโมย์ก่อนหลังจากนั้นถึงจะเริ่มให้ยา Herceptin เฉพาะทาง หลังจากนั้นก็ฉายแสง ส่วนป๊า หลังผ่าถ้าค่า PSA ลดลงไม่เป็นที่น่าพอใจต้องฉายแสงและถ้ามะเร็งลามไปกระดูกหรือที่อื่นต้องคีโมย์

ตอนนั้นภาวนาว่าขอให้มะเร็งไม่ลาม ทั้งป๊าทั้งแม่เลย ถ้าลามงานช้างทันที อ้อลืมบอกกำลังใจครอบครัวผมดีมากๆ เลยนะครับ ไม่เคยมีใครร้องให้ให้ใครเห็นเลยตั้งแต่วันที่ทราบเรื่องโรค เอาล่ะทีนี้ต้องเตรียมตัวให้พร้อมก่อนการคีโมย์ของแม่ซึ่งจะเริ่มก่อนวันผ่าของป๊า น้องสาวซึ่งเป็นแกนหลังในการดูแลป๊าแม่ ตัดสินใจเก็บของจากคอนโดมานอนที่บ้านเฝ้าแม่กับป๊า เตรียมอาหารที่จำเป็นพวกไข่ กระทะคอเรียคิงก็ซื้อมาเหมือนกัน งดกินของค้าง งดกินของไหม้ ได้ยินว่าหญ้านั่นหญ้านี่ดีก็เตรียมไว้ เพราะคีโมย์มีผลกับร่างกายเยอะแน่ๆ แม่กำลังใจดีมากๆ แต่เราก็ต้องไม่ประมาท ป๊าเองเป็นคนขี้กังวล แต่ข้อดีข้อเดียวของการที่ทั้งสองคนเป็นมะเร็งพร้อมกันคือ "ต้องยิ้มให้กำลังใจกันตลอดเวลาเพื่อไม่ให้อีกคนเป็นห่วงกัน" เราตัดสินใจย้ายมารักษาที่ รพ รามา เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายบางส่วน อ้อ เรื่องผมด้วย เราต้องเตรียมตัวให้พร้อมเพราะถ้าแม่ผมร่วง แกอาจจิตตกได้ โชคดีที่เพื่อนของน้องสาวเสียสละผมเพื่อทำวิกให้กับแม่ เพื่อนน้องสาวผมไม่เคยทำสี ไม่เคยยืดมาก่อน พอได้วิกมาเราก็เอามาใส่เล่นกัน

โชคดีมากๆ หลังจากแม่คีโมย์วันแรก ไม่มีอาการแพ้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่เราไม่ประมาทเพราะว่าการคีโมย์ คือการสู้กับเม็ดเลือดขาว เกล็ดเลือดที่ห้ามตก เราจึงบู๊ธโปรตีนกับไข่ขาวให้แม่แบบเต็มๆ เข็มแรกไม่มีปัญหาอะไร แต่มาเข็มสองนี่สิ แม่แพ้มาก อ๊วกไม่หยุด คลื่นไส้ไม่มีแรง นอนตลอดเวลา ดมยาดม ไข่ขาวกินไม่ค่อยลง อ้อ ตอนนั้นน้องสาวซื้อ Nsure ให้แม่กิน โชคดีมากแม่กินได้ แต่ผลเม็ดเลือดขาวหลังเข็มสองตกรุนแรงมาก หมอต้องฉีดยาเพิ่มเม็ดเลือดขาวให้พร้อมยาแก้แพ้ เลยผ่านมาได้ แม่ผมกำลังใจดีมากๆ เลยนะ ถึงร่างกายจะเพลียแต่แม่ก็สู้เสมอๆ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ แม่เริ่มสู้กับยาคีโมย์ได้ดีขึ้นแต่อาการแพ้ก็ยังมี ยังต้องฉีดยาเพิ่มเม็ดเลือดขาวขึ้นเรื่อยๆ น้องสาวผมเสียสละมากๆ ในการดูแลป๊ากับแม่ในช่วงเวลาแบบนี้ เวลาผ่านไปเรื่อยๆ เข็มสองผ่านไป เข็มสามผ่านไป เข็มสี่ผ่านไป เข็มห้าผ่านไป อ้อ ระหว่างคีโมย์ห้ามคุมอาหารคนไข้เด็ดขาดเลยนะ เพราะแกกินไรได้ให้กินไปเลยไม่งั้นขาดสารอาหารแน่นอน เดี๋ยวคีโมย์เสร็จแล้วค่อยมาคุมอาหารกันอีกที เวลาผ่านไปจนถึงวันที่ป๊าถึงเวลาต้องผ่าตัดแล้ว

การรักษาของป๊า
ป๊าตัดสินใจผ่าหุ่นยนต์ที่รามา เพราะว่าเสียเลือดน้อยแผลไม่ใหญ่มาก แต่ว่าแพงมากกกกกกก วันผ่า ป๊าไม่มีห้องพักเดี่ยวที่รามาเพราะว่าจองยากมากๆ แต่ด้วยการผ่าตัดของป๊าราคาค่อนข้างสูงเลยโชคดีได้ห้องในคืนที่สอง แต่คืนแรกนอนรวมซึ่งป๊าเป็นคนนอนหลับยากถ้าต้องนอนแปลกที่ทุกคนเป็นห่วงมาก วันผ่าพยาบาลเข็นป๊าเข้าห้องผ่าตัดพวกเราเป็นห่วงมากๆ เรารออยู่หลาย ชม. แม่มาเฝ้าด้วย อ้อ แม่โกนผมออกแล้วนะครับ แม่บอกไม่รอร่วงโกนมันไปเลยนดีกว่า พยาบาลก็เข็นป๊าออกมาตอนสามทุ่มซึ่งเลยเวลาผ่าตัดปกติไปนานมาก พยาบาลไม่ได้บอกอะไรบอกแต่ว่ามันเละแปลกๆ เราก็จิตตกเลย วันที่เราส่งป๊าขึ้นห้องรวมเนื่องจากเป็นเวลาห้ามเยี่ยมเราได้แต่มองส่งป๊า แม่ก็ร้องไห้เพราะว่าสงสารป๊า แม่เข้มแข็งมากถ้าเป็นเรื่องของตัวเอง แต่แม่จะอ่อนแอเสมอถ้าเป็นเรื่องของป๊า

วันรุ่งขึ้นพวกผมรีบพาแม่มาเฝ้า หน้าห้องรวมที่รามาแต่เช้า พอห้องเปิดเรารีบวิ่งเข้าไป เพื่อไปหาป๊า ป๊ายิ้มให้แล้วบอกว่าหิวน้ำ ป๊าเล่าว่าหลับสบายดี แต่เราต้องเตรียมผ้าอ้อมผู้ใหญ่ให้เพราะป๊าจะอั้นปัสสาวะไม่ได้อีกนานเลย ป๊าดูมีกำลังใจดี และวันนั้นป๊าก็ได้เข้าไปห้องเดี่ยว ผมได้มีโอกาสคุยกับหมอ หมอบอกว่า มะเร็งตัดออกไปเกือบหมดแล้วถ้าจะเหลือก็คงลอยๆ อยู่ ต้องฉายแสง และต้องรีบไปแสกนดูว่าลามหรือเปล่า

ป๊าพักฟื้นได้ไม่นาน ก็ออกจาก รพ ไป แต่ก่อนออกเราได้รับข่าวร้ายว่า ค่า PSA ลดลงน้อยมาก และวันที่รอคอยก็มาถึง เราต้องพาป๊าแม่ไป CT scan เพื่อดูว่ามะเร็งลามไปที่จุดใหนบ้าง และผลออกมาว่า .......................................................................................................................................................... ขอบคุณพระเจ้า มะเร็งไม่ได้ลามไปที่ตับ กระดูก สมอง หรือที่อื่นๆ ที่อันตรายเลย การรักษาจึงเน้นที่เฉพาะจุดไปก่อน แต่ผมบอกได้เลยว่าขึ้นชื่อว่ามะเร็งบทมันจะมามันมาได้ภายในเวลาไม่ถึงเสี้ยววินาที ต้องไม่ประมาทเด็ดขาด สรุปผลการรักษาของป๊า แม่คือต้องฉายแสง ซึ่งต้องมาทำทุกวัน พร้อมๆ กัน แต่จำนวนก็แตกต่างกันออกไป

การฉายแสงนั้นต้องคุยกับหมอฉายแสงก่อน ซึ่งมันหมอจะตีเส้น แต่ว่ามันไม่สามารถคลุมได้หมดหรอกก็จะเลยไปโดนจุดอื่นมาก ของแม่อาจจะคอแห้ง ของป๊าอาจจะกลั้นปัสสาวะไม่ได้ น้องสาวผมก็พาป๊าแม่มาหาหมอมาฉายแสงทุกวัน แม่เล่าให้ฟังว่าหดหู่มากเพราะคนที่มาฉายบางคนอายุแค่ห้าขวบน้องยังไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองเป็นอะไร บางคนอายุน้อยมากๆ ไม่ถึง 18 ก็มี มะเร็งสมัยนี้มันไปไวมากๆ และมีผลกับคนอายุน้อยลงมากๆ จริงๆ ผล PSA ของป๊าก็ยังไม่ดีขึ้น หมอเลยเพิ่มยาให้ทานเพิ่ม ปรากฎดีขึ้นเยอะเลย ผลลงมาเรื่อยๆ จนเกือบปกติ

วันที่เราตกใจที่สุด คือวันที่ถ้าเราย้อนเวลาได้ เราจะระวังให้มากกว่านี้ แม่ต้องทำฟัน และแม่นัดหมอฟันไว้ที่ร้านตรงสถานีบางหว้า วันนั้นทุกคนไม่ว่างเพราะติดงานกัน แม่บอกว่าให้ไปส่งแม่ที่บีทีเอส แม่ไปเองขากลับก็มารับที่บีทีเอสหมอชิต วันนั้นผมไปรับลูกกลับมาป๊าเดินมาบอกว่าแม่ชักอยู่ที่ โรงพยาบาล ผมกับป๊าและลูกรีบขึ้นรถไปที่ รพ เปาโล ทุกคนกังวลมาก เสียงน้องสาวในโทรศัพท์ร้องไห้ตลอดเวลา พอไปถึงแม้ฟื้นแล้วแต่ขาแม่หัก น้องสาวเล่าไห้ฟังว่าจอดรถอยุ่ริมฟุตบาทรอแม่ลงมา อยุ่ดรีๆ มีคนมาเคาะประตูอุ้มแม่มาบอกแม่ตกบันไดที่บีทีเอส พอแม่ขึ้นรถมาแม่ก็บอกเจ็บแล้วก็เป็นลมชักไปเลย ต้องชมน้องสาวว่ามีสติมากเปิดไฟฉุกเฉินขับจากหมอชิตและพยามปลุกแม่ตลอดเวลาจนแม่มาฟื้นที่ รพ เปาโลพอดี คุณหมอจับคุณแม่เข้าอุโมงค์อย่างละเอียดเพราะกลัวมะเร็งลามไปสมอง โชคดีในโชคร้ายที่สมองแม่เคลียมาก ไม่มีมะเร็ง แต่ที่ชักเพราะเจ๊บมาก แต่โชคร้ายที่ขาหัก ทำให้แม่ต้องเข้าเฝือกหนึ่งเดือนเต็มๆ


สรุปผลการรักษาตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา แม่ป๊าต้องไปตรวจทุกๆ เดือน ของแม่มีเจอก้อนเล้กๆ ที่ตับ แต่พอไปซาวอีกทีก็ไม่เห็นแล้วน่าจะเป็นไขมัน ของป๊าก็ดีขึ้นเป็นลำดับ มะเร็งเป็นโรคที่ประมาทไม่ได้ เหมือนคุณแหวนที่อาจจะกลับมาตอนใหนก็ได้ พวกผมเลยตัดสินใจพาป๊าแม่ไปฉลองด้วยกันที่ฮอกไกโดหน้านาวที่ผ่านไป ไปทั้งๆ ที่แม่ยัเข้าเฝือกอ่อนอยุ่นั่นแหละ เพราะทุกวินาทีมีค่ามากๆ ภาพที่เราได้เห็นสองตายายเดินจูงมือกันเล่นหิมะกันเป็นภาพที่ทำให้ผมมีความสุขที่สุดในโลก แม้เราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคตแต่ก็ขอเก็บช่วงเวลานี้ให้ดีที่สุด

สุดท้ายผมยินดีแบ่งปันความรู้ทุกๆ อย่างรวมถึงชื่อหมอทุกๆ คนที่รักษาป๊าแม่รวมไปถึงอาหารที่ทานทั้งหมดให้คนที่หลังไมค์มาสอบถาม แต่ผมยืนยันอย่างหนึ่งยาที่สำคัญที่สุดคือยาแผนปัจจุบันบวกด้วยกำลังใจและอาจมีสมุนไพรบางอย่าง แต่ "ห้ามทิ้งการรักษาแผนปัจจุบันเด็ดขาดนะ!"
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่