สิ่งที่เราเห็นนั่นเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นนั่นไม่จริง
ยกตัวอย่าง ดอกไม้ดอกหนึ่ง สายตาแต่ล่ะคน สัตว์ แมลง ย่อมเห็นทั้งขนาดและสีต่างกัน
และทุกๆอย่าง ที่สิ่งมีชีวิตต่างชนิดกันเห็นว่ามันมีจริง ตามที่ตาเห็น มันก็จะแตกต่างกันไปทั้งๆที่มันเป็นสิ่งเดียวกัน
ดอกไม้ ดอกหนึ่ง มันจึงเป็นจริงในหลายๆรูปลักษณ์ ขึ้นกับ ประสาทสัมผัสของคนและสัตว์นั้นๆ
ถาม : แล้วรูปลักษณ์ไหนของดอกไม้ที่มันเป็นจริง
ตอบ : ไม่มีครับ
ดอกไม้มันมีได้ เกิดได้ เพราะประสาทการรับรู้ ทำให้มันเกิดมีขึ้นมา หากในโลกของการรับรู้เราไม่มี ตา หรือ หู เรารับรู้ได้เพียงคลื่นความร้อน
รูปลักษณ์ ดอกไม้ก็จะเป็นจริงในอีกรูปลักษณ์หนึ่ง และก็ทำให้เราเชื่อว่ามันเป็นเข่นนั้นจริงๆ
ดังนั้นหากเราคิดให้ดีแล้ว ทุกสิ่งที่เราเห็นเรารับรู้ มันมี มันเกิดขึ้นได้ เนื่องเพราะ ประสาทการรับรู้ของเรานั่นเอง
ผมถึงสรุปว่า : สิ่งที่เห็นนั่นเห็นจริง แต่ว่ามันไม่จริง ดังนั้นทุกสิ่งในโลกล้วนไม่จริง
---ผลึกหิน---
@@@ สิ่งที่เราเห็นนั่นเห็นจริง แต่สิ่งที่เห็นนั่นไม่จริง @@@ ---ผลึกหิน---
ยกตัวอย่าง ดอกไม้ดอกหนึ่ง สายตาแต่ล่ะคน สัตว์ แมลง ย่อมเห็นทั้งขนาดและสีต่างกัน
และทุกๆอย่าง ที่สิ่งมีชีวิตต่างชนิดกันเห็นว่ามันมีจริง ตามที่ตาเห็น มันก็จะแตกต่างกันไปทั้งๆที่มันเป็นสิ่งเดียวกัน
ดอกไม้ ดอกหนึ่ง มันจึงเป็นจริงในหลายๆรูปลักษณ์ ขึ้นกับ ประสาทสัมผัสของคนและสัตว์นั้นๆ
ถาม : แล้วรูปลักษณ์ไหนของดอกไม้ที่มันเป็นจริง
ตอบ : ไม่มีครับ
ดอกไม้มันมีได้ เกิดได้ เพราะประสาทการรับรู้ ทำให้มันเกิดมีขึ้นมา หากในโลกของการรับรู้เราไม่มี ตา หรือ หู เรารับรู้ได้เพียงคลื่นความร้อน
รูปลักษณ์ ดอกไม้ก็จะเป็นจริงในอีกรูปลักษณ์หนึ่ง และก็ทำให้เราเชื่อว่ามันเป็นเข่นนั้นจริงๆ
ดังนั้นหากเราคิดให้ดีแล้ว ทุกสิ่งที่เราเห็นเรารับรู้ มันมี มันเกิดขึ้นได้ เนื่องเพราะ ประสาทการรับรู้ของเรานั่นเอง
ผมถึงสรุปว่า : สิ่งที่เห็นนั่นเห็นจริง แต่ว่ามันไม่จริง ดังนั้นทุกสิ่งในโลกล้วนไม่จริง
---ผลึกหิน---