จะรักษาอาการทางจิตใต้สำนึกที่เหมือนพังไปแล้วของตัวเองได้ยังไง

สวัสดีค่ะ

เรามีปัญหาเรื่องการนอนมากค่ะ เป็นมาประมาณปีกว่าแล้ว
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า ก่อนหน้านี้เราไม่เคยมีปัญหาการนอนไม่หลับหรือหลับไม่สนิทเลย
จนเมื่อปีที่แล้วเราเลิกกับแฟนค่ะ ตอนเลิกกันแรกๆ คือ กินไม่ได้ นอนไม่ได้เลย ซึ่งก็คิดว่ามันคืออาการของคนอกหักปกติ แต่มันเหมือนเป็นหนักขึ้นเรื่อยๆ คือ ใช้ชีวิตประจำวันไม่ได้ มีอาการใจสั่นเป็นพักๆ ส่วนใหญ่มาแบบตรงเวลา หายใจเข้าได้ไม่สุด นี่คืออาการทางกายนะคะ
ส่วนอาการทางจิต (ไม่รู้เรียกอาการทางจิตถูกมั้ย) คือ เราจะหลับฝันร้ายทุกคืน เป็นฝันร้ายที่มีแต่เรื่องน่ากลัว ฝันผวา ฝันถึงแฟนเก่า สะดุ้งตื่นกลางดึกมาร้องไห้ จึงทำให้แต่ละคืนเราเหมือนจะแทบไม่ได้นอน เหมือนร่างกายไม่มีการพักผ่อน ทั้งๆที่เรานอนเป็นเวลาและตื่นเช้าไปทำงาน หนักๆเข้าคือแยกความจริงกับความฝันไม่ออก มีเสียงในหัวคุยตอบโต้กับเรา คิดถึงเรื่องการฆ่าตัวตายบ่อยมากแต่ไม่ได้เป็นความรู้สึกอยากตาย แต่อยากหายไปเฉยๆ อยากข้ามช่วงแย่ๆนี้ไป มีครั้งนึงเห็นหางตาว่าแฟนเก่าเราเดินตามมาแต่จริงๆคือไม่มี นั่งทำงานไปน้ำคลอไป บ่อยครั้งที่ต้องลุกไปร้องไห้ในห้องน้ำแล้วกลับมานั่ฃทำงานต่อ

เราไปหาหมอค่ะ แต่เป็นหมอทั่วไป เพราะอาการทางกายที่ใจสั่น + หายใจเข้าไม่สุด ตอนแรกคิดว่าเพราะพักผ่อนไม่เพียงพอ
แต่พอตรวจทุกอย่างแล้วคือ ผลปกติ หมอพูดว่า "สิ่งที่จะทำให้ใจสั่นได้ มี 4 โรค  คือ 1.โรคหัวใจ 2.โรคปอด 3.โรคกรดไหลย้อน 4.โรควิตกกังวล แต่คุณคงไม่ได้เป็นอย่างที่ 4 หรอก" เราสงสัยเลยถามว่าโรควิตกกังวลคืออะไร หมอตอบมาด้วยน้ำเสียงติดตลก "โรคจิตไงล่ะ"
เท่านั้นแหล่ะ เราเดินร้องไห้ออกจาก รพ. เลย

เราจึงตัดสินใจไปหาจิตแพทย์ที่ รพ เอกชนแห่งนึง
ที่จริงเราตั้งใจจะไป รพ รัฐ แต่ด้วยความที่เราทำงานวันธรรมดา ถ้าไป รพ รัฐก็ต้องเป็นช่วงคลีนิกนอกเวลา ซึ่งคิวก็ปาไป 2 เดือน ตอนนั้นเราไม่อยากรออะไรแล้ว คือถ้ารอ 2 เดือน เราตายแน่ๆ
ครั้งแรกที่พบจิตแพทย์ เราบอกเขาว่าเราอกหัก เขาก็ทำท่าทีเล่นทีจริงว่าเราหาข้อมูลโรคซึมเศร้ามาแล้วใช่มั้ย เอาจริงๆเราก็ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เหมือนคิดว่าเราคงอยากเป็นมั้ง ครั้งแรกคือเขาให้ยามากิน ครั้งต่อไปที่ไปหา ก็บอกเขาไปว่าไม่ดีขึ้น หมอจึงให้ยาที่แรงขึ้นมาอีกและเหมือนจะเริ่มเชื่อว่าเราป่วยจริงๆ ช่วงที่รักษา เราเริ่มมีสมาธิทำงานมากขึ้น แต่ยังฝันร้ายทุกคืนเหมือนเดิมแม้จะกินยานอนหลับก็ตาม และเราจะเป็นหนักสุดตอนช่วงประจำเดือนจะมา ความรู้สึกเหมือนใจสลายแตกเป็นเสี่ยงๆ ตัวเองไม่มีค่า อยากหายไปแล้ว เป็นความรู้สึกที่ชัดมากในช่วงที่ประจำเดือนใกล้จะมา
หมอสรุปว่าเราเป็น PMS ขั้นรุนแรงบวกกับภาวะซึมเศร้า
เราหาหมอคนนี้มาประมาณ 6 เดือน ก็ตัดสินใจเปลี่ยนหมอ เพราะเราไม่ค่อยโอเคกับการรักษา หมอจะพูดเยอะ อธิบายทฤษฏีการทำงานของสารต่างๆในสมอง ฮอร์โมนต่างๆในร่างกาย และฟังปัญหาเราน้อย เข้าไปเราพูดแค่ไม่กี่ประโยคนอกนั้นคือหมอพูดหมดเลย ไม่รู้เรางี่เง่ารึเปล่า แต่เราไม่ได้อยากฟังชื่อคำศัพท์ของเคมีอะไรพวกนั้นเลย

เราจึงไปหาจิตแพทย์ที่คลีนิกแห่งนึง
หมอคนนี้ให้เราพูดถึงเรื่องราวในชีวิตวัยเด็ก เราจึงเล่าให้หมอฟังเรื่องตอนเด็กที่เราคิดมาเสมอว่าแม่รักพี่มากกว่า เราบอกเราไม่เคยไม่รักพี่หรือไม่รักแม่ เรารัก แต่ภาพในหัวคือมันยังอยู่ เราไม่ได้ตั้งใจจะจำ แต่เรายังจำความรู้สึกตอนนั้นได้
บ้านเราย้ายบ้านกัน ตอนที่เราอายุ 10 ขวบ ตอนนั้นเราไม่อยากย้าย เพราะบ้านเก่าเราสนิทกับเพื่อนแถวบ้าน
พอย้ายมาบ้สนใหม่ เรามักจะรู้เหงาตอนช่วงเวลาเย็น 5-6 โมงเป็นประจำ แต่ก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร ครอบครัวอบอุ่นดี
แต่เวลาเรามีแฟน เราเหมือนจะทุ่มเทให้กับแฟนมาก เวลามีแฟนเหมือนความรู้สึกมันเติมเต็มสิ่งที่ขาด ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ามันขาดอะไร

จนเมื่อเลิกกับแฟนล่าสุดเมื่อปีที่แล้วนี่แหล่ะ เราเหมือนเสียศูนย์เลย ทั้งที่อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ

ปัจจุบันนี้เรายังรักษากับจิตแพทย์ที่คลีนิกนี้อยู่
อาการของเรา ถือว่าดีขึ้นมากกก เราใช้ชีวิตประจำวันได้ ไม่มีเสียงในหัวอีกแล้ว ไม่อยากตาย อาการใจสั่นหรือหายใจได้ไม่สุด ไม่มีแล้ว
แต่สิ่งที่ยังสร้างปัญหาให้เราอยู่ คือเราจะหลับแล้วฝันร้ายทุกคืน จะสะดุ้งตื่นมากลางดึก ถึงแม้จะกินยาช่วยให้หลับหรือออกกำลังกายวันละ 1 ชม. เราก็ยังเป็นแบบนี้อยู่ นั่นทำให้เราตื่นมาแบบอ่อนแรง ไม่สดชื่นเลย เหมือนมันนอนไม่พอ
ไม่รู้แบบนี้เขาเรียกอาการอะไร แต่คิดว่ามันไม่น่าจะเป็นเรื่องปกติ
เลยอยากถามดูค่ะ ว่ามีใครเป็นเหมือนกันบ้างมั้ย หรือช่วยแนะนำอะไรก็ได้ให้ดีขึ้นหน่อยค่ะ

ยาวไปหน่อย แต่อยากเล่าตั้งแต่แรกให้ฟัง
ขอบคุณนะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่