สิงคโปร์ (Singapore) เป็นประเทศที่ไม่มีฤดูกาล

มีเพื่อนคนนึงเคยแนะนำเกี่ยวกับ Singapore ว่า ให้จำแบบนี้ ช่วงที่บ้านเราฝนตก บ้านเค้าฝนไม่ตก ส่วนช่วงที่บ้านเราฝนไม่ตก บ้านเค้าฝนตก อย่างที่ผมไปสิงคโปร์ครั้งแรก ช่วงเดือนมีนาคมที่บ้านเราร้อนตับแลบ บ้านเค้าฝนตกหนักทุกวัน

ผมเองมีโอกาสไปสิงคโปร์มา 3 ครั้ง ทั้ง 3 ครั้ง บ้านเราฝนตกลงมาอย่างหนักทุกวัน บ้านเค้ามีฝนก็ยังคงตกเหมือนเดิม แถมจะหนักว่าเดิม ผมก็เลยสรุปเองใหม่ว่า สิงคโปร์ เป็นประเทศที่ฝนตกตลอดเกือบทุกวัน


สิงคโปร์เป็นประเทศที่ฝนตกตลอดทั้งปี และแดดร้อนตลอดเกือบทุกวัน อย่างที่บอกไปแล้วว่า สิงคโปร์ฝนตกเกือบทุกวัน ตกมากตกน้อย แตกต่างกันไป แต่ถ้าวันไหนฝนไม่ตก อากาศจะร้อนมาก ส่วนวันไหนฝนตก อากาศก็จะร้อนน้อยหน่อย

นี่น่าจะเป็นข้อเสียเพียงข้อเดียวของสิงคโปร์ที่อากาศร้อน แต่ก็โชคดีที่สิงคโปร์ไม่มีภัยธรรมชาติ ไม่มีภูเขาไฟ ไม่ได้อยู่ในเขตรอยเลื่อนของแผ่นดิน ที่อาจจะทำให้เกิดแผ่นดินไหว แต่ด้วยความที่อากาศร้อนตลอดเกือบทั้งปี ก็เลยทำให้เป็นประเทศที่ไม่ค่อยจะน่าอยู่ แต่ประเทศสิงคโปร์ก็พยายามปลูกต้นไม้เยอะ ๆ แต่ก็ความโชคดีอีกอย่างก็คือฝนตกตลอดปี ต้นไม้ก็เลยแลดูเขียวชอุ่ม


สิงคโปร์เป็นประเทศที่มีต้นไม้เยอะมาก…ก

สัดส่วนต้นไม้ยืนต้นต่อประชากร (ประมาณ 5 ล้าน 4 แสนคน ตัวเลข ณ ปี 2017) คือ 3 ต่อ 1 นั่นก็คือ ต้นไม้ 3 ต้น ต่อคน 1 คน ก็เลยทำให้ต้นไม้เขียว สิ่งแวดล้อมดี เพราะฝนตกตลอดปี นั่นก็แปลว่า สิงคโปร์มีต้นไม้ยืนต้นอยู่มากกว่า 15 หรือ 16 ล้านต้นกันเลยทีเดียว

สิงคโปร์เป็นประเทศค่อนข้างเล็ก แต่พัฒนาไปเร็วมาก สิงคโปร์จัดเป็น World Class Country หรือเป็นประเทศระดับโลก เศรษฐกิจสิงคโปร์ ติดอันดับ Top 20 ของโลก เศรษฐกิจดี ถนนหนทาง บ้านเมืองเจริญ มีกฎระเบียบเยอะ เช่น ห้ามทิ้งขยะ ห้ามสูบบุหรี่ในที่สาธารณะ


สิงคโปร์ห้ามเคี้ยวหมากฝรั่ง?

หมากฝรั่งในสิงคโปร์สมัยก่อนถือเป็นสิ่งต้องห้าม คือ ห้ามเคี้ยว ห้ามซื้อ ห้ามขาย แถมยังจัดว่าเป็นสิ่งผิดกฎหมาย แต่กฎหมายปัจจุบันอนุโลมให้ซื้อได้ เคี้ยวได้ เมื่อก่อนจะมีค่าปรับแพงมาก เค้าถึงเตือนกันไง ว่าห้ามเอาหมากฝรั่งเข้าสิงคโปร์

แต่ปัจจุบัน สามารถเอาหมากฝรั่งเอาเข้าสิงคโปร์ได้แล้ว เคี้ยวได้ แต่ห้ามคายไม่เป็นที่เป็นทาง หรือจะไปคายทิ้งกันตามท้องถนนไม่ได้


สิงคโปร์พยายามรณรงค์เรื่องการไม่สูบบุหรี่ ราคาบุหรี่ซองนึงจะแพงมาก ประมาณ 15 เหรียญสิงคโปร์ (ประมาณ 3-4 ร้อยบาท) ก็เลยมีการรณรงค์ให้คนไปเคี้ยวหมากฝรั่ง แทนการสูบบุหรี่ ก็เลยขายหมากฝรั่งได้ แต่ถ้าไปเจอเศษหมากฝรั่งคายทิ้งกันตามท้องถนนแล้วถูกจับขึ้นมา จะปฏิเสธว่า ป่าว ไม่ใช่ของผม

เค้าก็จะทำการส่งหมากฝรั่งตรวจไป DNA เพราะในหมากฝรั่งที่เคี้ยวแล้ว จะมี DNA ของคนเคี้ยวติดอยู่ ถ้าตรวจออกมาเจอว่าเป็นของเรานี่หลายกระทงเลยนะครับ ได้ลอยกระทงวันสงกรานต์กันเพลินเลย ทั้งปฏิเสธข้อกล่าวหา ทั้งคายหมากฝรั่งทิ้งในที่สาธารณะ แล้วยังต้องจ่ายค่าตรวจ DNA เองด้วยอีกต่างหากเลยนะครับ


และเป็นที่แน่นอนว่า ทุกการเดินทาง จะต้องเริ่มต้นที่ King Power Lounge เสมอ

เพราะนอกจาก wifi ใช้เล่นเน็ตฟรี ยังมีอาหาร เครื่องดื่ม ของว่าง ให้บริการฟรี และยังสามารถนั่งเล่นชิล ๆ ภายในเล้านจ์ ก่อนเดินไปขึ้นเครื่องอย่างสบาย ๆ ด้วย นอกจากนั้น ก็ยังช็อปสินค้าปลอดภาษี ในราคาที่จะต้องทึ่ง สะดวกสบาย ฝากไว้ที่สนามบิน ได้อีกต่างหาก

แน่นอนว่า ทุกการเดินทาง เริ่มต้นอย่างมีความสุข ที่ King Power เสมอ