Candy Crush Saga เกมเชื่อมใจ

กระทู้สนทนา


    และแล้วในที่สุดผมก็แซงทุกคนได้แล้วบนถนนสายนี้ ถนนที่ว่านี้ไม่ใช่ถนนหลวงหรอก ผมไม่ได้ขับขี่รถราแข่งอะไรกับใคร ถนนสายที่ผมพูดถึงนี้มันคือแผนที่ในเกมแคนดี้ ครัชที่เล่นผ่านเฟซบุ๊คต่างหากล่ะ เกมที่มีผู้เล่นทั่วโลกน่าจะหลักพันล้านคนเข้าไปแล้ว แต่เราเองไม่ได้ไปเล่นแข่งกับคนพันล้านกว่าคนนั้นหรอก เราแข่งกับเฉพาะเพื่อน ๆ ของเราที่เล่นเกมนี้ต่างหากล่ะ

             เมื่อเริ่มแรกผมเห็นเพื่อน ๆ ผมหลายคนในเฟซบุ๊คเล่นเกมนี้ บางคนก็ค่อย ๆ ผ่านด่านไปข้างหน้าเรื่อย ๆ ผ่านในแต่ละเอพพิโสดไป แต่พอผ่านไปนานวันเข้าเพื่อน ๆ หลายคนเริ่มหยุดเล่นกัน ไม่มีการเคลื่อนไหวผ่านด่านอีกต่อไป หรืออาจจะเป็นว่าด่านหลัง ๆ ที่ออกมาใหม่จะยากเกินไปจนคนท้อไปเอง พวกเขาบางคนอาจจะไปหาเกมใหม่ ๆ มาเล่นก็ได้ จนกระทั่ง ณ ปัจจุบันนี้ไม่หลงเหลือเพื่อน ๆ คนไหนขยับเข้ามาใกล้รัศมีสิบเอพพิโสดของผมเลย ยกเว้นแต่เธอคนเดียวเท่านั้น

             เมื่อหลายเดือนก่อนเธอคนนี้เคยผ่านด่านนำหน้าผมไปสามเอพพิโสด เมื่อผมเห็นดังนั้นก็ทำให้ผมมีแรงฮึดที่จะพยายามเอาชนะและไล่แซงเธอให้ได้

             

             มีความลับหนึ่งที่ผมอยากจะบอก คือที่ผมสามารถตะลุยผ่านด่านมาได้สองพันห้าร้อยกว่าด่านนี้โดยนำคนอื่นแบบไม่เห็นฝุ่น นั่นเป็นเพราะผมใช้วิธีโกงเวลา เพราะในเกมแคนดี้ ครัชนี้จะมีหัวใจให้เราใช้เล่นห้าดวง หากเล่นแพ้ในแต่ละเกมก็จะเสียไปหนึ่งหัวใจ หากแพ้ห้าเกมหัวใจก็จะหมด เราต้องรอเวลากว่ายี่สิบนาทีเพื่อจะได้หัวใจมาหนึ่งดวง ผมจึงไปแก้เวลาของสมาร์ทโฟนให้เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งวัน เท่านั้นเองหัวใจเราก็จะเต็ม เราก็สามารถไปแก้เวลากลับมาให้เป็นปัจจุบันได้ ผมทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนทำให้สามารถเล่นเกมนี้ได้ทั้งวันทั้งคืน ทั้งตอนนั่งรถเมล์ ตอนกำลังกินข้าว ก่อนเข้านอน หรือจะเป็นตอนแอบเจ้านายเล่นในที่ทำงานก็ตาม

             และจากการตรากตรำตะลุยเล่นมาราธอนของผมนั้น ทำให้มีครั้งหนึ่งผมสามารถเล่นแซงเธอได้สำเร็จ เมื่อนั้นเราสองคนก็ผลัดกันแซงผลัดกันตามอย่างไม่มีใครยอมใครเลย บางครั้งผมเห็นเธอหยุดเล่นนานหลายวันไม่ขยับไปไหน แต่พอผมเล่นผ่านด่านจี้เข้าไปใกล้เธอ ปรากฏว่าเธอเล่นผ่านไปอีกสิบด่านรวดอย่างไม่ยอมให้ผมตามเธอทัน ผมคิดว่านี่เป็นความสุขอย่างหนึ่งของชายโสดอย่างผมเลยครับ ที่ได้มีปฏิสัมพันธ์กับใคร ๆ เขาบ้าง ได้หัวเราะได้ลุ้นตามอยู่หน้าจอโทรศัพท์อยู่คนเดียว ได้แอบเฝ้าคิดว่าผมและเธอนั้นได้รู้จักสนิทสนมกันอย่างแท้จริง

             ใช่ครับ ผมไม่รู้จักกับเธอ ไม่เคยคุยไม่เคยได้ยินเสียงพูด ไม่เคยทักแชทกับเธอเลยสักครั้งเดียว สิ่งเดียวที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวเธอนั้นคือรู้ว่าเธอหน้าตาเป็นอย่างไร เพราะดูจากรูปโปรไฟล์ ผมจำไม่ได้ว่าผมรับแอดเธอเป็นเพื่อนจากที่ไหน อาจจะเป็นกลุ่มอะไรสักอย่างที่ผมชอบเข้าไปอ่านนู่นอ่านนี่ตามประสา และในตอนนั้นเธอก็กดรับผมเป็นเพื่อนโดยที่เราทั้งสองก็ไม่ได้คุยแนะนำตัวอะไรกัน

             มันคงจะเป็นเรื่องที่น่าอายที่ผมเข้าไปดูหน้าไทม์ไลน์ของเธอแทบจะทุกวัน ผมอยากรู้ความเป็นไปของเธอว่าในแต่ละวันเธอจะทำอะไรบ้างนะ อยากรู้ว่าเจ้าของไทม์ไลน์จะไปเช็คอินที่ไหน ไปถ่ายรูปตามสถานที่ต่าง ๆ กับใครบ้าง อยากรู้ว่าเธอคนนั้นมีไลฟ์สไตล์แบบไหนกัน แต่น่าเสียดายที่เธอคนนี้เป็นคนที่ไม่โพสท์เรื่องส่วนตัวลงในเฟซบุ๊คเลย ล่าสุดที่เธอโพสท์เรื่องส่วนตัวก็เป็นงานเลี้ยงที่โรงงานแห่งหนึ่ง แต่นั่นมันก็นานหลายปีมาแล้ว

             

             ผมแปลกใจที่ทำไมผมต้องคิดถึงเธอด้วยนะ ผมมัวแต่เฝ้าคิดว่าตอนนี้เธอจะทำอะไรอยู่ อาจจะงานยุ่งอยู่ก็ได้ หรืออาจจะเลิกเล่มเกมนี้ไปแล้วเพราะรู้สึกท้อกับความยากของเกม แล้วถ้าหากเกิดเรื่องร้าย ๆ กับเธอล่ะ จนทำให้เธอไม่มีแก่จิตแก่ใจมาเล่นเกม ไม่รู้สินะ มันอาจจะเป็นเหมือนว่าเธอเป็นสิ่งเดียวเท่านั้นที่ผมให้กำลังสนใจ เพราะในชีวิตประจำวันของผมนั้นมันช่างซ้ำซากจำเจน่าเบื่อหน่ายจนชวนจะอาเจียนเสียด้วยซ้ำ

             อาชีพของผมคือเป็นยามเฝ้าหน้าหมู่บ้าน คอยเปิดเหล็กกั้นให้รถที่ผ่านไปมาและยังต้องทำท่าตะเบ๊ะให้ผู้ขับขี่ทุกคนอีกด้วย พอเลิกงานก็นั่งรถเมล์กลับห้องพักเล็ก ๆ ที่ผมเช่าไว้ไม่ไกลจากที่ทำงาน ชีวิตหลังเลิกงานของหนุ่มโสดที่ไม่ค่อยจะมีเงินนั้นควรจะทำอะไรดีล่ะ บางวันหลังจากง่วนอยู่กับการทำอาหารเย็นและกินมันก็เป็นเวลาว่างที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายของผมไป จนกระทั่งวันหนึ่งหลังจากที่ผมไปซื้อสมาร์ทโฟนราคาไม่แพงมาใช้และได้ดาวน์โหลดเกมนี้มาเล่น นั่นทำให้ช่วงเวลาที่แสนน่าเบื่อของผมนั้นถูกฆ่าตายไปอย่างมากมาย จนผมไม่เหลือช่วงเวลาเหล่านั้นให้ต้องนั่งทรมานกับมันอีกแล้ว

             ความจริงแล้วการเล่มเกมที่แข่งขันเรื่องสถิติกับผู้อื่นมันควรจะทำให้เรารู้จักกันมากขึ้นสิ ผมคิดว่าอย่างน้อยเธอต้องคิดถึงผมอยู่บ้างแหละ เพราะเราก็ยังเห็นกันและกันว่าใครเล่นไปถึงด่านไหนแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายแซงก็พยายามแซงคืน ผมว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ ๆ ที่เธอยังคงเล่นเกมแคนดี้ ครัชในก่อนหน้านี้โดยที่เธอจะไม่ทันสังเกตเห็นผมเลย หรือว่าบางทีอาจจะมีเพื่อน ๆ ในเฟซบุ๊คของเธออีกหลายสิบคนที่กำลังเล่นแข่งกับเธออีกก็เป็นได้ ส่วนตัวผมก็เป็นแค่หนึ่งในนั้น ใช่สินะ เพราะเพื่อน ๆ ผมในเฟซบุ๊คมีแค่ประมาณสี่ห้าสิบคน แต่เพื่อนของเธอมีหลักพันขึ้นไปแล้ว

             ถึงแม้ผมจะรู้สึกกระสับกระส่ายหัวใจกับการหายตัวไปของเธอ แต่ผมก็คงจะทำได้แค่เพียงเล่นเกมนี้ต่อไป และเข้าไปดูว่าอันดับของเธอขยับบ้างหรือเปล่า แต่มันไม่ขยับเลย ผมยังเข้าไปดูหน้าไทม์ไลน์ของเธออีก แต่นั่นก็ไม่มีอะไรเคลื่อนไหวเช่นกัน ผมพยายามข่มใจเล่นเกมโดยไม่นึกถึงเธอ

             

             หลายสิบวันมานี้ผมทำกิจวัตรเหมือนทุก ๆ วันโดยไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากเดิมเลย คงมีแต่หัวใจที่ห่อเหี่ยวเป็นกังวลถึงเธอคนนั้น ความคิดแรกที่ผุดขึ้นมาในหัวของผมคือ ทำไมไม่ลองทักเธอไปทางกล่องข้อความดูนะ แต่จะเริ่มบทสนทนาว่าอะไรดีล่ะ หรืออาจจะแค่ส่งสติ๊กเกอร์รูปน่ารัก ๆ ไปก็พอ แต่นั่นจะทำให้เธอตกใจและบล็อกผมไปหรือเปล่าล่ะ ผมเข้าไปดูหน้าไทม์ไลน์ของเธออีกครั้ง และโพสท์ล่าสุดของเธอก็ยังเป็นงานเลี้ยงในโรงงานแห่งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว ผมจะรู้ได้อย่างไรนะว่าเธอจะยังทำงานอยู่ที่นั่นหรือเปล่า

             เมื่อสังเกตป้ายผ้าที่อยู่ในภาพดี ๆ ผมเห็นโลโก้ของโรงงานเป็นรูปฟันเฟืองซ้อนกันสองอัน เห็นชื่อของโรงงานลาง ๆ ไม่ชัดเจน เห็นแค่ตัวอักษรสองสามตัวหน้า และในป้ายผ้านั้นทำให้ผมรู้ว่าโรงงานแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ปลวกแดง จังหวัดระยอง

             หัวใจของผมพองโตเป็นสองเท่าจากเดิม แต่สักพักมันก็กลับมาห่อเหี่ยวลงเหมือนเดิม ขนาดแค่จะทักไปทางกล่องข้อความในเฟซบุ๊คยังไม่กล้า แล้วนี่จะไปตามหาถึงโรงงานที่เธอทำงานอยู่  ผมอาจจะถูกแจ้งจับในข้อหาโรคจิตก็เป็นได้ จะทำอย่างไรดีล่ะ จะไปหาเธอก็ไม่แน่ใจว่าจะเจอตัวหรือเปล่า เบาะแสมีแค่โลโก้โรงงานพร้อมตัวอักษรชื่อไม่กี่ตัว สถานที่พอรู้คร่าว ๆ รูปหน้าของเธอเมื่อหลายปีมาแล้ว อ้อ... ยังมีชื่อจริงของเธออีกทีใช้เป็นชื่อในเฟซบุ๊ค หากเธอไม่ใช้ชื่อปลอมมาเล่นนะ ผมพยายามสะกดชื่อจากชื่อภาษาอังกฤษของเธอด้วยความรู้ภาษาอังกฤษอันน้อยนิดของผม ผมแกะชื่อ Chutima Khunpraman แต่ยังไม่มั่นใจนักว่าจะอ่านเป็นภาษาไทยว่าอย่างไรดี

             ผมยังไม่รีบเดินทางไปตามหาเธอทันทีหรอก ด้วยเบาะแสอันน้อยนิดคงคาดหวังอะไรมากไม่ได้ ผมคงทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้หรอก คงได้แค่คิด

             “จะให้ผมแลกเวรกับไอ้เวย์หรือครับหัวหน้า” ผมพูดเมื่อหัวหน้าเรียกเข้าไปคุย

             “ใช่ พอดีมันมีธุระต้องกลับต่างจังหวัด จะขอแลกเวรแกสองเวร ทำไหวมั้ย” หัวหน้าตอบ

             ผมกำลังคิดว่าถ้าแลกตามนี้ ผมจะได้หยุดงานต่อเนื่องสองวัน และถ้าผมขอแลกเวรช่วงวันหยุดเพิ่มนั้นด้วยอาจจะได้หยุดถึงสามวัน ข้อเสนอนี้ก็ดีเหมือนกันผมอาจจะได้หยุดพักผ่อนยาวไปเลย หรือว่าบางทีผมอาจจะไปตามหาเธอดูดีนะ

             

             เมื่อมาถึงวันหยุดยาวของผมที่ผม สรุปว่าผมได้หยุดยาวสามวัน ผมยังไม่ได้ตัดสินใจก่อนหน้านี้เลยว่าจะเอายังไงดี จะหยุดพักผ่อนหรือจะลองนั่งรถไปปลวกแดงดี ใจหนึ่งก็คิดว่าก็ถือว่าไปเที่ยวล่ะกัน หากเปลี่ยนใจหรือหาโรงงานของเธอไม่ได้ก็คงจะหาที่เที่ยวแถวนั้นได้ เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้นผมก็เก็บกระเป๋าไว้รอเตรียมตัวเดินทางในตอนเช้า

             ตื่นเช้าผมรีบนั่งรถเมล์ไปสถานีขนส่ง นั่งรถต่อไปจากตรงนี้ก็ประมาณสี่ชั่วโมงเองก็ถึงตัวจังหวัด และต่อรถไปปลวกแดง

             เมื่อก้าวเท้าลงรถเหยียบอำเภอปลวกแดง นั่นทำให้ผมถึงกับมืดแปดด้าน ไม่รู้จะทำอย่างไรต่อแล้ว ผมมองไปรอบตัวก็เห็นผู้คนมากมายเดินไปมา รถวิ่งไปมา และผมก็เหลือบไปเห็นวินมอเตอร์ไซค์จอดอยู่ ผมค่อย ๆ เดินเข้าไปช้า ๆ

             “ไงไอ่หนุ่ม จะไปไหน” ลุงวินถาม

             ผมยังไม่รู้จะถามอะไรดี จึงลองหยั่งเชิงไปก่อน “ถ้าจะไปแถวที่มีโรงงานเยอะ ๆ ต้องไปแถวไหนครับ”

             ลุงวินฉีกยิ้มกว้าง “จะมาหางานทำเหรอ จะไปโรงงานอะไรล่ะ”

             ผมรีบหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาแล้วเปิดรูปภาพของเธอขึ้นมา พยายามซูมไปให้เห็นเฉพาะโลโก้ของโรงงาน แต่ก็ยังติดภาพใบหน้าของเธอไปด้วย

             “ผมไม่ได้มาหางานทำหรอกครับ” ผมพูดความจริง

             ลุงวินจ้องมองดูภาพในหน้าจอและก็ฉีกยิ้มกว้างอีกครั้ง “มาตามหาแฟนเหรอ”

             จากนั้นลุงก็หุบยิ้มเหมือนสะเทือนใจ ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็เผลอพยักหน้าไปเล็กน้อย

             “ลุงรู้จักโรงงานแห่งนี้ ไปจากนี่ไม่ไกลหรอก”

             หัวใจของผมสูบฉีดแรงขึ้นเมื่อได้ยินประโยคนั้น แต่ความดีใจก็มาพร้อมกับความประหม่าด้วย เฝ้าคิดกังวลว่าถ้าไปถึงโรงงานแล้วจะทำอย่างไรต่อนะ แต่มาถึงตรงนี้แล้วจะให้ทำอย่างไรดีล่ะ ก็ต้องเดินหน้าต่อไปสิ ผมยังคงทำหน้าหงอย ๆ อยู่

             “ลุงคิด 30 บาทละกัน ลุงเห็นแบบเอ็งมาเยอะแล้ว” ลุงพูดเสร็จก็สตาร์ทรถพาผมออกไปจากสถานที่แห่งนี้

             เวลาผ่านไปไม่นานลุงวินก็มาจอดรถหน้าโรงงาน ผมจ่ายเงินและพูดขอบคุณลุง จากนั้นผมมองไปยังประตูทางเข้าที่มีตู้ยาม ผมไม่รู้จะผ่านเข้าไปในรั้วโรงงานได้อย่างไร

             “มาติดต่ออะไรครับ” ยามชะโงกหน้าออกมาจากป้อมถามผมที่ทำท่าทางลับ ๆ ล่อ ๆ

             “พอดีมาสมัครงานครับ นัดสัมภาษณ์กับฝ่ายบุคคลไว้” ผมตอบพลางชมตัวเองอยู่ในใจว่าไหวพริบดีนะเนี่ย

             “ผมขอแลกบัตรด้วยครับ” ยามในป้อมพูดเสร็จก็ก้มหยิบบัตรจากซองเอกสารขึ้นมา ผมหยิบบัตรประชาชนแลกกับเขาไป เมื่อได้บัตรมาแนบติดหน้าอกผมก็ทำท่าจะเดินจากไป

             “แผนกฝ่ายบุคคลอยู่ชั้นสองตึกเอครับ” ยามประจำป้อมพูด ผมหันมาขอบคุณเขาก่อนที่จะเดินต่อ

             ผมเดินเข้าไปตามทางที่ได้รับคำแนะนำมาโดยไม่ได้คิดอะไร ไม่ได้คิดว่าจะมาสมัครงานหรือสัมภาษณ์อะไรทั้งนั้น เพราะผมไม่ได้เตรียมการมาก่อนล่วงหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ ที่หน้าห้องฝ่ายบุคคลมีบอร์ดขนาดใหญ่พร้อมป้ายรูปพนักงานตามระดับชั้นแปะอยู่ ผมคิดว่านี่คือด่านแรกที่จะตามหาเธอได้ หากว่าเธอจะมีรายชื่ออยู่ในนั้น

             ‘ชุติมา ขุ่นประมาณ’ ผมไล่ดูภาพของพนักงานจากทุกระดับ และก็มาสะดุดกับใบหน้าของบุคคลในชื่อนี้ มันเป็นเหมือนกับความสำเร็จในการค้นหาที่ไม่เคยคาดหวังว่าจะต้องเจอ ผมไม่เคยมีความคิดนี้ในหัวแม้แต่นิดเดียวว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้ คนที่เห็นอยู่ในเกมที่แค่เล่นแข่งกันไปวัน ๆ ไม่เคยคุยไม่เคยทักทายกันเลยสักครั้ง แต่วันนี้เธอคนนั้นกับอยู่แค่เอื้อมนี้แล้ว

             เธอเป็นหัวหน้าแผนกฝ่ายบุคคล ซึ่งถ้าหากผมอยากจะเจอเธอจริง ๆ ผมคงต้องมาสัมภาษณ์งานกับเธอ แต่ว่ามันจะเป็นไปได้เหรอกับคนที่ไม่เคยผ่านงานอะไรมาก่อน ผมจะมาสมัครงานอะไรที่นี่ได้ล่ะนอกจากตำแหน่งยาม
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่