ลายแทงแบกเป้ลุยเดี่ยว เว๋ ดานัง ฮอยอัน ประเทศเวียดนาม

สวัสดีครับ วันนี้แอดมีการเดินทางของแอดเองในการแบกเป้ลุยเดี่ยวในเวียดนามกลาง ซึ่งเป็นการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศคนเดียวทริปแรกของผม
อาจจะนานมาแล้ว แต่ก็อยากมาเล่ามาแชร์นะครับ เพื่อนๆสามารถติดตามเพจของผมได้ที่
https://www.facebook.com/Backpacker.Pu/
https://backpackerismeblog.wordpress.com/
https://ppantip.com/profile/1578297

ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนเลยว่าภาพในรีวิววนี้ไม่ค่อยดูดีสักเท่าไหร่ เพราะเป็นกล้องมือถือธรรมดาๆ ก่อนหน้าที่ผมจะหันมาจับกล้อง DSLR งั้นผมไม่ขอรอช้านะครับ เรามาฟังเรื่องราวการเดินทางและความประทับใจ รวมทั้งการบอกเล่าประสบการณ์ต่างๆของผมเอง

เว๋ ดานัง ฮอยอัน เป็นเมืองที่อยู่ในเวียดนามกลางครับ สำหรับการเดินทางของผมในครั้งนี้เกิดขึ้นแบบเร่งด่วน ตัดสินใจตอนเช้า ตอนบ่ายโทรไปจองตั๋วรถทัวร์ และออกเดินทางตอนเย็นในทันที

การเดินทาง ผมเดินทางโดยรถทัวร์จากกรุงเทพฯที่สถานีขนส่งหมอชิตใหม่ เพื่อเดินทางไปจังหวัดมุกดาหารครับ แล้วต่อรถทัวร์ข้ามประเทศที่สถานีขนส่งมุกดาหารเวลาประมาณ 7โมงเช้า เพราะรถทัวร์ข้ามประเทศจากลาวไปยังเมืองเว๋ของประเทศเวียดนามจอดรอเราอยู่ที่นั่น และมีเพียง 1 เที่ยวต่อวัน ซึ่งออกในเวลา 9.00น. โดยประมาณ


ต่อแถวซื้อตั๋วที่สถานีขนส่งมุกดาหารครับ


เมื่อรถทัวร์มาถึงด่านขาออกที่ฝั่งไทย เราก็ต้องลงจากรถแล้วไปต่อแถวทำเรื่องออกนอกประเทศ อย่าลืมพาสปอร์ตเลยทีเดียวนะครับ ต่อแถวตามคิวตามๆคนข้างหน้าไปเรื่อยๆ พอถึงคิวเราก็ทำตามขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่จะบอกเรา ส่วนใบขาออก-เข้า ประเทศพนักงานรถทัวร์จะแจกให้บนรถก่อนถึงด่านครับ เมื่อผ่านด่านฝั่งไทยไปแล้วก็กลับขึ้นรถเพื่อข้ามสะพานไปที่ฝั่งประเทศลาว ที่นั่นก็ลงจากรถเพื่อไปทำเรื่องขาเข้าประเทศครับ ปฏิบัติตามคนข้างหน้าและคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ก็จะผ่านเข้าประเทศได้แล้วล่ะครับ หลังจากผ่านขั้นตอนขาเข้าประเทศก็เอ้าาาาา เฮกันได้เลย ได้เที่ยวเมืองนอกแล้วโว้ยยยย 555

รถทัวร์จะพาเราเดินทางต่อเพื่อไปสถานีขนส่งสะหวันนะเขตครับ ที่นี่แหละครับคือที่ที่เราจะซื้อตั๋วรถทัวร์ข้ามประเทศไปยังเวียดนาม หลังจากลงจากรถแล้วก็เดินเข้าไปในสถานีเลยครับ ถามเจ้าหน้าที่ก็ได้ครับเพื่อซื้อตั๋ว ทุกๆครั้งที่ซื้อตั๋วจำเป็นต้องแสดงหนังสือเดินทางทุกครั้งนะครับ


สถานีขนส่งสะหวันนะเขต


เวลา 9.00น. ได้ฤกษ์ที่รถขบวนล่าประสบการณ์ของผมต้องออกเดินทางแล้วล่ะครับ ในรถมีกลุ่มของคนไทย 5-6คน ซึ่งบางคนก็พึ่งรู้จักกันที่นี่แหละครับ ผมได้ยินพวกน้าๆลุงๆเขาคุยเรื่องแผนเที่ยวกันว่าเมื่อถึงเว๋แล้วจะไปไหนกัน พักกันที่ไหน พรุ่งนี้ไปเที่ยวไหนกัน เอาจริงๆผมก็ไม่รู้เรื่องหรอกครับเพราะผมไม่ได้หาข้อมูลอะไรก่อนออกเดินทางเลย รถล่าประสบการณ์คันนี้ของผมใช้เวลาเดินทางประมาณ 5ชั่วโมงเห็นจะได้ ก็มาถึงด่านครับ  ฝั่งเวียดนามคือด่านลาวบาว  เราต้องลงจากรถเพื่อไปทำเรื่องออกจากดินแดนลาว จากนั้นก็เดินเท้าเพื่อไปทำเรื่องผ่านด่านเข้าประเทศที่ด่านลาวบาว บริเวณนี้จะมีแม่ค้ามาถามให้แลกเงิน มาขายซิมมือถือครับ ถ้าอยากจะซื้ออยากจะแลกก็ตามสบายนะครับ แต่สำหรับผมผมแลกแค่เงินมา1,000บาทเท่านั้น ส่วนซิมมือถือผมไม่ใช้ตามสไตล์ของผมเองครับที่ไม่ต้องการติดต่ออะไร พยายามไม่โซเชียล เพียงเพราะต้องการให้เวลากับตัวเองให้มากที่สุด


รถทัวร์เที่ยวล่าประสบการณ์ของผม


หลังจากผ่านด่านที่ด่านลาวบาวมาเรียบร้อยแล้วก็ได้เวลากลับขึ้นรถแล้วล่ะครับ  แต่การกลับขึ้นรถครั้งนี้ผมรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาในทันใด เพราะจากนี้ไปภาษาที่ใช้จะไม่ใช่ภาษาไทยอย่างที่เราใช้คุยได้ในประเทศลาว หากแต่การสื่อสารต่อจากนี้ไปผมต้องงัดภาษาอังกฤษมาใช้เป็นภาษาหลักและภาษาเดียวในประเทศเวียดนามแห่งนี้ครับ


ประตูด่านฝั่งลาว



ประตูด่านฝั่งเวียดนาม



ทิวทัศน์ระหว่างเดินทาง



เว๋(Hue)                                                                                                                                                                             
รถแวะส่งผู้โดยสารตามสถานีขนส่งเมืองต่างๆทั้งเมืองเล็กเมืองน้อย ความตื่นเต้นของผมก็ลดลงไปพอสมควร แต่เปลี่ยนเป็นความเบื่อการนั่งรถนานๆแทนแล้วล่ะสิ ในใจก็จดจ่อกับจุดหมายปลายทางของวันนี้ตลอดเวลา บรรยากาศก็มืดลงเรื่อยๆขณะที่ผมยังนั่งอยู่บนรถ ความกังวลก็เกิดขึ้นหลายๆเรื่อง แต่ผมก็พยายามจะไม่เครียดเพราะมันคงช่วยอะไรไม่ได้อยู่แล้ว ในที่สุดการเดินทางทั้งวันของผมก็มาถึงจุดหมายปลายทางแล้วล่ะครับ รถจอดส่งผู้โดยสารที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งหน้าสถานีขนส่งของเมืองเว๋ครับ

หลังจากแบกเป้ขึ้นหลังได้ผมก็หาวิธีเพื่อไปยังโรงแรมที่ผมจองไว้ล่วงหน้า ยังดีที่ผมแค๊ปที่อยู่ของโรมแรมไว้ เลยยื่นให้พี่วิน ไม่ใช่สิ ยื่นให้ลุงวินดู ลุงวินก็พยักหน้าหงึกๆ ผมก็ใจชุ่มขึ้นมาทันทีเลยแหละครับ ลุงวินเรียกผมขึ้น เบ๋น แซ๋(มอเตอร์ไซด์ ในภาษาเวียดนาม) ลุงพาผมขับตัดไปทางโน้นทางนี้ เลี้ยวซ้ายทีขวาทีก็ยังไม่ถึงซักที จนในที่สุดลุงก็พาผมมาหยุดที่หน้าบ้านหลังนึง พร้อมกับพยักหน้าและชี้บอกผม ผมเข้าใจได้ว่าลุงบอกว่าถึงแล้วๆ แต่ที่ที่ลุงมาส่งมันไม่เหมือนโรงแรมเลยอ่ะลุง พอเอาที่อยู่โรงแรมให้เจ้าของร้านเขาดูก็ปรากฎว่า"ลุงมาส่งผมผิดที่ครับ" 555

เจ้าของร้านและคนแถวนั้นเข้ามาช่วยผมเต็มที่ครับ เขาคุยกับลุงและบอกทางลุง จากนั้นลุงจึงพาผมมาส่งที่หน้าโรงแรมแห่งหนึ่ง ผมยังไม่จ่ายตังค์ลุงหรอกเพราะกลัวลุงหนี ผมถือมือถือเข้าไปถามพนักงานต้อนรับ พอได้ข้อมูลว่ามาถูกแล้วผมจึงเคลียร์ค่าเสียหายกับลุง

หลังจากนั้นพนักงานต้อนรับก็โทรเรียกพนักงานอีกคนมาพาผมเดินเข้าไปในซอยเล็กน้อย ก็ถึงโรงแรมและทำการ Check-in พนักงานต้อนรับอีกคนเข้ามาคุยด้วย ภาษาอังกฤษปร๋อมากจนผมเริ่มเหงื่อซึมสวนทางกับอุณหภูมิกันเลยทีเดียว เธอหยิบแผนที่มาและอธิบายที่เที่ยวให้ผม ทั้งสถานที่สำคัญๆและที่ดื่มกินที่ขึ้นชื่อ ผมเองก็พยายามพูดคุยกับเธอเพื่อลดความตื่นเต้น ลดความประหม่าและกดดัน จากนั้นผมก็ขึ้นไปบนห้องพักของผม เอนกายลงนอนบนเตียงนุ่มๆ และพูดคุยกับตัวเองหลังจากเหน็ดเหนื่อยและตื่นเต้นมาทั้งวัน

ผมอาบน้ำแต่งตัวโดยหยิบแผนที่ที่เธอให้ผมไว้ติดมือลงไปด้วย พยายามเดินออกไปและไม่ลัดตรอกซอกซอยมากนักเพราะกลัวหลง ผมเดินไปเรื่อยๆแบบไม่มีจุดหมายครับสำหรับคืนนี้ จริงๆก็ไม่มีแผนอะไรอยู่แล้วนอกจากพักผ่อนเพื่อจะเดินทางไปยังเมืองดานังและฮอยอันในวันรุ่งขึ้น สำหรับการเดินไปเรื่อยๆในคืนนี้ก็ถือเป็นกำไรที่ได้เห็นอะไรๆที่แตกต่าง มันเป็นความคุ้มค่าแหละครับ แต่ก็หวังว่าจะมีอะไรที่คุ้มค่ากว่านี้รอผมอยู่ในวันรุ่งขึ้น


ขาดไม่ได้เชียวการเดินทางของผม ชอบอะไรที่เป็นท้องถิ่นๆ



ข้าวผัด ไม่รู้จะกินอะไรจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่