"บันทึกการเดินทาง.. ของปลาแซลมอน" 2.ในวันที่ผมเกลียดธรรม!



2.ในวันที่ผมเกลียดธรรมะ

ก่อนหน้าที่ผมจะตัดสินใจเอาธรรมะนำทางชีวิต ที่ผ่านมา.. ผมวิ่งหนีธรรมะมาโดยตลอด ไม่ฟัง ไม่สนใจ ไม่ใยดี

สำหรับผมในตอนนั้น.. ธรรมะคือความยากจน การเป็นอยู่อย่างสันโดษอัตคัดขัดสน ละทิ้งทางโลก ไม่เห็นจะมีดีที่ตรงไหนเลย ?

คนเราต้องรวยสิมันถึงจะมีความสุข!

ของมันเห็นๆ กันอยู่ มีเงินก็เอาไปนั่งร้านอาหารดีๆ สั่งเบียร์วุ้น พร้อมกับแกล้มอร่อยๆ มากิน ดูวงดนตรีเล่นเพลงที่ชอบ เย้ เย้ เย้ มีความสุขสุดๆ

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนต้องใช้เงิน แม้นกระทั่งความรัก ไม่มีเงินจะมีใครมาเห็นหัว!

เงินคือพระเจ้าอย่างแน่นอน! โดยไม่ต้องสงสัย เพราะเงินบันดาลทุกอย่างได้ดั่งใจนึก!

-----------------

ผมทำงานหนักเพราะอยากรวย การมีรายได้เยอะๆ มีตำแหน่งหน้าที่การงานดี ใครๆ ก็ชอบ ผู้หญิงที่ไหนจะมารักคนกระจอกงอกง่อย.. ไม่มี๊ไม่มี! (เสียงสูง)

"งานคือเงิน เงินคืองาน บันดาลสุข!
ปลดเปลื้องทุกข์ เราได้ ทุกแห่งหน
ไม่มีงาน ไม่มีเงิน พาอับจน
เกิดเป็นคน ควรหมั่น ขยันหาเงิน!”

นี่ละ คืออุดมการณ์ในชีวิตที่ถูกต้องที่สุดแล้ว!

แม้นจะมีผู้ใหญ่ที่เคารพแนะนำว่า.. ถ้าผมหันไปศึกษาทางธรรม จะก้าวหน้ามากทีเดียว!

เหมือนได้ยินคำสาบ!! Facepalm

ผมไม่ชอบธรรมะ และจะไม่มีวันเข้าหาธรรมะแน่นอน เพราะธรรมะทำให้ชีวิตไม่เจริญก้าวหน้า! สำหรับผมแล้วพวกบ้าธรรมเป็นพวกงมงาย โง่งี่เง่าสิ้นดี เป็นพวกหลงเชื่ออะไรง่ายๆ ยิ่งใส่เสื้อขาวแต่งตัวปอนๆ ยิ่งดูเหมือนคนเพี้ยน คงจะผิดหวังอะไรในชีวิตมาละสิท่า ? ถึงได้เป็นขนาดนี้ ช่างกระจอกเสียนี่กระไร พวกจิตใจอ่อนแอ!

แม้นจะพร่ำพรรณนามาเสียยืดยาว.. แต่ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ก็ยังไม่ถึงเพียงเสี้ยวเดียวของความเกลียดธรรมะที่ผมมี!

-----------------

ในช่วงนั้น.. ผมซื้อหนังสือฮาวทูดังๆ เกือบทุกเล่มที่มีบนแผงมาอ่าน เพื่อผลักดันตัวเองให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ (ในหน้าที่การงาน) ผมเก็บความทะเยอทะยานไว้ในใจไม่ให้ใครรู้ เหมือนเสือที่ซ่อนกงเล็บอันแหลมคมไว้ในอุ้มมือ

“ระวังให้ดี.. ไอ้เด็กคนนี้มันร้ายกาจ!”

ผู้ใหญ่ในวงการวิทยุท่านหนึ่งบอกกับทีมบริหาร ในบริษัทผลิตสื่อที่ผมทำงานอยู่ในขณะนั้น

ผมไม่รู้ว่าท่านมองยังไง ? เพราะนึกไม่ออกว่าตัวเองร้ายกาจที่ตรงไหน ? จะมีก็แต่.. ไฟแห่งความทะเยอทะยานที่ลุกโชน จนดูเหมือนว่าไม่มีวันมอดดับลง

-------------------------------------

ผมทำงานตั้งแต่เป็นเด็กล้างจาน คนคอยซื้อบุหรี่ให้ดีเจ จนได้เป็นผู้ประกาศข่าวในคลื่นวิทยุดังระดับประเทศ เป็นโปรแกรมสตาฟ เป็นครีเอทีฟ เป็นดีเจ และสูงสุดได้เป็นโปรดิวเซอร์สมใจอยาก!

มันสะใจจริงๆ กับชีวิตผู้ชายโง่ๆ คนหนึ่ง ที่เริ่มต้นมาจากติดลบ.. ไม่มีเงินจะเรียน ไม่มีที่จะนอน!

ยิ่งผมประสบความสำเร็จในชีวิตมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งไม่สนใจธรรมะมากขึ้นเท่านั้น ผมคิดว่าชีวิตคนเรา เราต้องเป็นผู้ลิขิตเอง อยากเป็นอะไรต้องได้เป็น อยากทำอะไรต้องได้ทำ! ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งเราได้ ตามที่ฝรั่งสอนในหนังสือฮาวทู ก้าวไปให้สุดฝัน..

"เมื่อคุณเอื้อมมือไปคว้าดวงดาว แม้นอาจไม่ได้ดั่งใจหวัง แต่ที่แน่ไซร้.. ย่อมไม่ใช่โคลน!"
‘ลีโอ เบอร์เนทท์’ กล่าวไว้ เท่ห์จริงๆ

--------------------------------------

ผู้ใหญ่หลายคนมักบอกว่าผมโชคดี ที่ได้ทำงานในบริษัทดีๆ มีตำแหน่ง มีเงินเดือนสูง

ผมแสยะยิ้มในใจ แล้วคิดว่า..

“มันไม่ใช่หรอกพี่ เป็นเพราะผมเก่งต่างหาก ผมมีวันนี้ได้ด้วยความสามารถของตัวเองล้วนๆ ไม่ใช่ดวง!”

อืม.. ผมแอบโกรธคนที่พูดอะไรแบบนี้ด้วย ช่างไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรเสียเลย คนเก่งขนาดนี้มาบอกว่าเพราะดวงดีได้ไงเนี้ย ?

ผมได้เป็นมาเกือบทุกอย่างที่อยากจะเป็นในชีวิตการทำงาน ตั้งแต่ลูกจ้างธรรมดา ไปจนถึงผู้บริหาร และมีบริษัทที่ร่วมหุ้นกับผู้ใหญ่ มีลูกน้องทีมงานเกือบสิบคน

แต่สุดท้าย.. ทุกอย่างก็พังไปหมด!!!

ผมรับไม่ได้อย่างแรง! แต่ก็ไม่รู้ตัว! ความผิดหวังมันซ่อนอยู่ภายในซอกหลืบของจิตใจ รอวันที่จะระเบิดออกมา..

ตูมมมม!!!!!!!! เละเป็นโกโก้ครั้นช์! ร้องไห้

ผมล้มป่วยลงจนไม่สามารถทำงานได้อีก กลายเป็นคนอยู่ในภาวะซึมเศร้า ที่มีน้ำตาคลอเบ้าตลอดเวลา ในหัวคิดถึงแต่เรื่องความตาย!

ธุรกิจพัง! ชีวิตพัง! ครอบครัวก็พังไปด้วย ถึงแม้นจะประสบความสำเร็จ แต่ไม่ยั่งยืน!

--------------------------------------

จนถึงวันนี้ เมื่อมองย้อนกลับไป คงเป็นเพราะในใจผมไม่มีธรรมะอยู่เลยแม้นเพียงส่วนเสี้ยวของความคิด

ผมไม่รู้ว่า.. ทุกอย่างบนโลกใบนี้ล้วน.. เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป (อนิจจัง) ผมคิดแต่ว่าชีวิตมันต้องดีขึ้น ดีขึ้น ดีขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนที่ฝรั่งสอนในหนังสือฮาวทู

จนกระทั่ง.. ผมหมดทางไป แล้วต้องหันหน้ามาพึ่งธรรมะ!

“เป็นธรรมดาของคนส่วนใหญ่นะเอ็ด ถ้าไม่เห็นทุกข์ ก็ไม่เห็นธรรม! ตอนชีวิตรุ่งโรจน์ มีความสุข ก็มัวแต่หลงระเริงกันไป ต่อเมื่อผิดหวังถึงเข้าหาธรรมะ แต่เอ็ดก็ยังมีบุญนะ ที่ไม่ออกนอกลู่นอกทาง กินเหล้าเมายาเหมือนคนอื่นๆ”

น้าหญิงบอกกับผม ในช่วงเวลาที่เข้ามาศึกษาธรรมะได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว...

------------------------------

เขาว่ากันว่า.. ที่เทวดาส่วนใหญ่ไม่สนใจธรรม ก็เพราะชีวิตมีแต่ 'ความสุข'

บางทีเราอาจต้องขอบคุณ ‘ความทุกข์!’ ที่ทำให้เราได้เข้าใกล้พระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น!

------------------------------

โปรดติดตามตอนต่อไป..

อ่านย้อนหลังตอนที่ 1 https://ppantip.com/topic/36635615
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่