21 Days Norway x Denmark Part 3 : Svalbard ดินแดนของหมีขั้วโลก

The Planeteer
https://www.facebook.com/theplaneteer/
IG: @planeteeer


3 วัน 3 คืน กลับความหนาว - 20 องศา ณ Svalbard ดินแดนที่เหนือที่สุด

Svalbard หมู่เกาะที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือที่สุด ที่ๆทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกัน และมีหมีขั้วโลกอาศัยอยู่มากกว่าจำนวนคน!


หมู่เกาะสวาลบาร์
Svalbard เป็นหมู่เกาะที่ตั้งอยู่เหนือได้อีก อยู่เหนือเส้นอาร์คติก มี Spitsbergen เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดและเป็นเกาะเดียวที่มีคนอาศัยอยู่ถาวร  เกาะอื่นๆจะมีก็แค่คนไปทำวิจัย เป็น Reseach Center ชั่วครั้งชั่วคราว  

ที่ Spitsbergen นี้จะมีที่ๆคนอาศัยอยู่คือ   
1.Longyearbyen เป็นศูนย์กลาง มีคนอาศัยอยู่มากที่สุด (ประมาณ 1,800คน)
2.Barentsberg เมืองของชาวรัสเซียเท่านั้น (ประมาณ 400 คน)
3.Ny-Ålesund เมืองที่เหนือที่สุดในโลกที่มีคนอาศัยอยู่ (ประมาณ 100 คน)
4.Sveagruva เมืองที่ทำเหมืองของบริษัทๆนึง (ประมาณ 200 คน) ไปยากมาก ไม่ได้มีไว้รองรับนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวนับคนได้ที่ไปถึง  (คือจะไปเพื่อ?)  

การจะไปเกาะอื่นๆ นอกเหนือจาก Spitsbergen เช่น Barentsøya, Edgeøya, Nordaustlandet and Prins Karls Forland,  Bjørnøya, Hopen, Kong Karls Land and Kvitøya จำเป็นต้องได้รับการอณุญาตพิเศษก่อน เพราะเป็นเขตพื้นที่ที่สงวนรักษาพันธุ์์ธรรมชาติและสัตว์

รวมๆแล้วที่ Svalbard นี้มีประชากรอยู่ทั้งหมดไม่ถึง 3,000 คน เป็นชาวนอร์เวย์และรัสเซียเป็นส่วนใหญ่ รองลงมาคือ คนไทยเรานี่แหละ มีคนไทยอยู่ทุกที่ ทั้งในโรงแรมและตามร้านอาหาร!  อาชีพหลักของคนในSvalbard คือการทำเหมืองแร่ดีบุกและการท่องเที่ยว
ใครเป็นเจ้าของ Svalbard?

ใน Paris Peace Confernece ปี 1920 มีการออก Svalbard Treaty ที่เปิดให้ทุกประเทศเข้ามาเซ็นสัญญาได้ อณุญาตให้นอร์เวย์มีอธิปไตยเหนือเกาะSvalbard แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องให้สิทธิประเทศที่เข้ามาลงนามในสัญญาอย่างเท่าเทียมกันในการใช้เกาะสวาลบาร์ทำการต่างๆ และทุกประเทศไม่ว่าใครก็ห้ามใช้เกาะนี้เป็นที่ทำการทางทหารหรือสงครามใดๆ ก็คือเป็น demilitarized zone ซึ่งตอนนี้ก็มีประเทศที่มาลงนามแล้ว 45 ประเทศ  กฎหมายของนอร์เวย์บางกฎก็ไม่สามารถใช้ในสวาลบาร์ได้  ที่เกาะสวาลบาร์นี้จริงๆมีรัฐบาลของตัวเองคอยดูแลคนที่อาศัยอยู่และดูว่ากฎหมายของนอร์เวย์อันไหนควรใช้ไม่ควรใช้ที่นี่
นอกจากนี้ที่นี่ยังเปนเขต Visa-Free Zone คือ ที่นี่คนชาติอะไรมาจากไหนจะมาอยู่และทำงานก็ได้ ขอให้มาถึงและเลี้ยงตัวเองได้ก็พอ ทุกคนทุกชาติพันธุ์มีสิทธิเท่าเทียมกัน


             "Svalbard เป็นที่ๆไม่มีต้นไม้ มีแค่ดอกไม้บางชนิดที่บานในหน้าร้อนเท่านั้น พื้นที่ส่วนมากเป็น Glaceir ภูเขาชันๆมีแต่หิมะ แถมพื้นยัง permafrost คือชั้นดินแข็งตัวตลอดทั้งปี เป็นที่ๆดูมนุษย์ไม่น่ามาอยู่ได้ แต่สุดท้าย ด้วยความเป็นมนุษย์ เราก็หาทางมาจนได้"

ฤดูกาลและสภาพอากาศ
ที่สวาลบาร์นี้อากาศ extreme มาก ตอนหน้าหนาวก็คือหนาวแบบติดลบ 20 30 แถมยังมืดพระอาทิตย์ไม่ขึ้น (ก็เลยเห็นแสงเหนือได้ทั้งวัน!) หนาวอยู่ 5 เดือนแล้วหิมะก็จะเริ่มค่อยๆละลาย ช่วงฤดูใบไม้ผลิอากาศจะแปรปรวนมากจนเดาทางไม่ค่อยได้ เดาได้อย่างเดียวว่าหนาว เข้าหน้าร้อนก็สว่างมันทั้งวันทั้งคืนทะเลสาบที่แข็งก็ละลายกลายเป็นน้ำ แต่ที่ร้อนก็คือประมาณ 7 องศานะ!  ช่วงนี้จะเป็นช่วงที่มีสัตว์มาให้เห็นเยอะ เช่น แมวน้ำ Walrus ปลาวาฬ หมีขาว นกต่างๆ และ ดอกไม้บางชนิด แต่ยังไงน้ำแข็งบนพื้นดินยังละลายไม่ทันหมดก็เริ่มหนาวอีกแล้ว
ทั้งนี้ท้งนั้น Svalbard ไม่ใช่ที่ที่ดีที่สุดในการดูแสงเหนือเพราะ #WEAREFARTOONORTH เนื่องจากว่าถ้าแสง activity แรงๆมันจะขยายแผ่ลงไปที่ๆต่ำกว่า ตอนที่activityไม่แรงมาก ที่Svalbardถึงจะเห็นชัด แต่โอกาสให้การเห็นมีมากแน่นอนเพราะมันมืดตลอดในหน้าหนาว


Visa
Shengen Visa – Multiple Entry
ในความเป็นจริง Svalbard ไม่ได้เป็นประเทศ Schengen ไม่ได้เป็น EU ไม่ได้เป็นอะไรเลย แต่การจะเข้ามาที่ Svalbard นี้ ยังไงก็ต้องเข้ามานอร์เวย์ก่อน เพราะฉะนั้น เราเลยต้องทำ Schengen Visa ซึ่งต้องขอเป็น Multiple Entry เพราะตอนออกจากนอร์เวย์ก็จะถือว่าเป็นการออกจาก Schengen Area แล้ว นอกจากว่าตั้งใจจะมา Svalbard อย่างเดียว ก็สามารถขอวีซ่าแยกอีกตัวนึงผ่านทางสถานฑูตนอร์เวย์ได้ เอกสารที่ต้องยื่นจะน้อยว่า แต่เวลาจองตั๋วเครื่องบินต้องมั่นใจว่าสามารถเปลี่ยนเครื่องไปได้เลย ไม่ต้องตรวจลงตราเข้านอร์เวย์ก่อนนะ
Check List Visa ของคนที่ตั้งใจจะมา Svalbard โดยตรง >> https://www.norway.no/contentassets/f0130372be264373abd19a30d9709485/checklist-svalbard-eng-ap.pdf

การเดินทาง
ถ้าเราไม่ได้มาลงSvalbard ด้วยการนั่งเครื่องบินหรือนั่งเรือส่วนตัวมา การมา Svalbard จำเป็นต้องผ่านนอร์เวย์หรือรัสเซียก่อน
ไฟลท์บินของที่มีบางทีก็เป็นเวลาประหลาด เครื่องขึ้นเครื่องลงประมาณตี2 ตี3  
1.เครื่องบิน:  Norwegian มีบินตรง Oslo – Longyearbyen  
                   SAS มีทั้งบินตรง Oslo – Longyearbyen และ Tromsø - Londyearbyen  
2.เรือ: Hurtigruten จะเปิดทัวร์ล่องไปรอบๆเกาะตอนช่วง  High season  น้ำแข็งละลาย

การเดินทางใน Svalbard  
มีให้เลือกไม่มากถ้าอยู่ในตัวเมืองก็ขับรถยนต์ปกติกันได้ แต่เมื่อออกจากเมือง ถ้าไม่ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ การขับ Snowmobile ดูจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ไม่อย่างั้นเราก็ต้อง ขับสุนัขลากเลื่อน ไปมาระหว่างเมือง ใครเดินทางเองควรมี GPS และแผนที่ติดตัวตลอดเวลา เพราะเมื่อออกนอกเมืองแล้ว มันไม่มีถนน มีแต่หิมะล้วนๆ


กิจกรรม
เมื่อไปถึง Svalbard แล้วก็คงไม่ได้แค่เดินเล่นอยู่ใน Longyearbyen เก๋ๆเสียตังเล่นแน่นอน เราต้องออกไปทำกิจกรรม (ที่จะทำให้เสียเงินเยอะกว่า) แต่พอไปถึงแล้ว ยังไงก็ต้องออกไปไม่ให้เสียเที่ยว!

การออกไปทำกิจกรรมต่างๆนอกเขตตัวเมืองจำเป็นต้องมีไกด์หรือถ้าไม่มีไกด์ก็คือมีปืนพกออกไปด้วย เป็นกฎสำคัญ เพราะต้องเอาไว้ป้องกันตัวจากหมีขาวขั้วโลกที่แสนน่ารัก เพียงแต่มันจะไม่น่ารักถ้ามันมาเจอเราตอนหิวๆ  
กิจกรรมที่มีให้ทำที่ Svalbard หลักๆก็เช่น
1. Snowmobile
2. Dog-Sledging ขับสุนัขลากเลื่อน
             *ซึ่งทั้ง 2 อันนี้มักจะมีให้เลือกทั้งแบบสั้นครึ่งวันไปจนถึงยาวเป็นอาทิตย์ๆ เพื่อไปพื้นที่ต่างๆของเกาะ แล้วก็ยังมี
3.Ice Cave เดินเขาไปถ้ำน้ำแข็ง
4. Ski
             **หน้าร้อนก็ ดู Midnight Sun ตามล่าหาฟอสซิล แอบพายคายัค ขี่ม้า ตกปลา  และนั่งเรือไปสำรวจเกาะ ดูหมีขาว ปลาวาฬ walrus แมวน้ำ และสัตว์อื่นๆ ได้
สามารถจองกิจกรรมต่างๆผ่านเวปไซต์ http://www.visitsvalbard.com ได้ ทุกกิจกรรมที่มีของทุกเจ้าจะมารวมอยู่ด้วยกันในนี้

-------------------------------------------------------------------
Svalbard นี้คือดีงามมากจริงๆ
โปรดติดตามการเดินทางของเราต่อได้ที่ https://www.facebook.com/theplaneteer/ IG: @planeteeer
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่