ครั้งแรกประสบการณ์เรียกเก็บภาษีจาก DHL ...แบบนี้ก็ได้หรอ

ผมมีประสบการณ์ส่งของจาก DHL ที่รู้สึกแปลกๆ มาแชร์ให้เพื่อนๆฟัง และอยากขอคำแนะนำกับผู้รู้ด้วยครับ ว่าครั้งต่อๆไปควรทำยังไง สืบเนื่องจากผมได้รับมอบมหายจากหัวหน้างานในบริษัทให้สั่งของจากเมืองจีนเข้ามา เป็นเครื่องมือที่เรียกว่า waiter calling system พูดง่ายๆ ก็คือ ตัวปุ่มกด wifi ที่ตามร้านอาหารจะวางไว้บนโต๊ะเพื่อให้ลูกค้ากดเรียกบริกรนั่นแหละครับ แล้วก็มีนาฬิกาดิจิตอลที่ใช้คู่กันเพื่อให้บริกรได้รับรู้  ตัวผมเองไม่ค่อยถนัดนักในเรื่องการนำเข้าส่งออก ออเดอร์ครั้งนี้รวมมูลค่าการสั่งซื้อคือ 170 USD มาเป็นเซ็ต ปุ่มกดหลายตัว+ นาฬิกาหลายเรือน (ขออภัยไม่กล้าชี้แจงข้อมูลการสั่งซื้อว่ากี่ตัว) เรียกว่าซื้อเพื่อมาใช้งานในร้านอาหารเท่านั้น ไม่ได้ซื้อมาเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด (ซึ่งผมก็เห็นว่าเทคโนโลยีสมัยนี้ราคาไม่สูงมาก ต่างจาก4-5 ปีก่อนที่บ้านเรายังไม่ค่อยมีใครใช้ ตอนนั้นต้องอาศัยเช่าจากผู้ให้บริการซึ่งราคาก็แพงเหมือนซื้อได้) ราคาที่ได้มาเกิดจากการต่อรองกับ supplier จีน ซึ่งเขาก็มีแถมๆให้ และคาดหวังว่าเราจะซื้อของเขาอีกแน่นอน ออเดอร์แรกก็เหมือนซื้อมาทดลองใช้ครับ หลังจากนั้นทางจีนก็ส่งของมาโดย DHL โดยระบุแล้วว่าผู้ขายเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย หรือก็คือสินค้ารวมค่าขนส่งแล้ว ตามที่ผมเข้าใจจากกระทู้หลายๆท่าน การขนส่งแบบ DHL เป็น door to door หรือเปล่าครับ

ทีนี้เมื่อสินค้ามาถึงไทย ทาง จนท. DHL โทรเข้ามือถือผมว่า ศุลกากรได้สุ่มตรวจและ ขอหลักฐานการซื้อ โดยเขาขออีเมลล์ผมและส่งเอกสารที่ต้องการให้ผมสำแดงมา ขออนุญาตเขียนเป็น timeline เข้าใจง่ายๆครับ

8 มิถุนายน 2560
จนท. DHL ขอให้สำแดงหลักฐาน
:

10 มิถุนายน 2560
-ผมจึงได้ส่งอีเมลล์ตอบกลับครั้งที่ 1 โดยส่งแค่ invoice จากต้นทางที่ Supplier ส่งให้ครับ เนื่องจากมีอยู่กับตัว (ส่วนเอกสารอื่นๆยังไม่ได้ส่งเพราะต้องทำเรื่องติดต่อแผนกอื่นๆที่เกี่ยวข้องเพื่อนำเอกสารออกมาจากบัญชี ขออนุญาตเบลอข้อมูลบางส่วนครับ)

12 มิถุนายน 2560
-ทาง จนท. ตอบว่า

15 มิถุนายน 2560
- ผมได้ขอเบิกใบ PO ออกมา ซึ่งมีลายเซ็นต์และตราปั๊มบริษัทถูกต้อง และแสกนส่งกลับไปให้ ขออนุญาตไม่ลงรูปใบ PO ของบริษัทครับ

20 มิถุนายน 2560
เจ้าหน้าที่ DHL ท่านเดิมตอบผมมาว่า

(จากจุดนี้ผมเริ่มสับสนไม่เข้าใจว่าเหตุใดการส่งของจึงกลายเป็น FOB ได้ วานผู้รู้ช่วยตอบทีครับ และประเมินจากอะไรถึงคิดราคาค่าสินค้าเป็นแสนครับ กล่องขนส่งมีเพียง 1 กล่อง ขนาดโดยประมาณ ก x ย x ส = 30 x 40 x30 หนักประมาณ 4-5 โล)

- ในวันเดียวกันนี้ผมจึงได้ตอบกลับว่า
(ผมชี้แจงไปตามสรุปจากที่ประชุมของบริษัท เพราะคิดเหมือนกันว่า เหตุใดถึงคิดราคามหาโหดขนาดนี้ ตลอดการคุยกันระหว่างผมและ จนท. ไม่มีเอกสารใดๆจากศุลกากร หรือ หลักอิงประเมินจากการคิดภาษีเหล่านี้ ผมไม่ทราบว่าระเบียบการทำแบบนี้ต้องเป็นทางการกว่านี้ไหม เช่น ชื่อ จนท. กรมศุลกากรใครเป็นผู้ดูแลเคส การนำเข้าส่งออกแต่ละประเภท เป็นต้น)


21 มิถุนายน 2560
- ข้อความสั้นๆเช่นเคยจาก จนท. คนเดิมแจ้งว่า
( ผมไปเสิชความหมายของใบขน แต่อาจไม่กระจ่างนัก รบกวนนิยามใบขนและการออกใบขนหน่อยครับ เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่ต้องการนำเข้าสินค้าจากจีนต่อไป แต่จากเมลล์นี้ผมยังไม่เห็นใบขนดังกล่าวเนื่องจากไม่ได้แนบมาครับ มีเพียงข้อความสั้นๆตามนั้น เนื่องด้วยหลักฐานทางการเงินไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถขอออกมาจากแผนกบัญชีได้ง่ายๆ ต้องรอผู้มีอำนาจในบริษัทเซ็นต์อนุมัติ ทาง บัญชีจึงจะนำออกมาให้ผมเดินเรื่องต่อ)

- วันเดียวกัน เวลา 6.24 PM ผมได้ตอบกลับด้วยมติจากทางฝ่ายบริหารไปว่า



22 มิถุนายน 2560
เช้ารุ่งขึ้น 8.16 AM ทาง จนท. ตอบกลับมาว่า

( มันพีคตรงนี้แหละครับ ผมร้องเฮ้ยออกมาทันทีที่เปิดเมลล์ ภายในช่วงเวลาข้ามคืน หลังเลิกงาน ถึงรุ่งเช้า ราคาประเมินจาก 161,000 บาท หล่นมาอยู่ที่ 300 USD หรือ ราว 11,000 บาทได้เลยหรอครับ ? กลายเป็น ค่าธรรมเนียม ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นอยู่ที่ 1971.30 บาท  และหลักฐานการประเมินใดๆ จากศุลการ ก็ยังไม่มีการส่งมาเช่นเคย จนท.กรมศุลฯ สามรถเปลี่ยนมือเจรจากันได้ง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ? จากเวลาเลิกงานถึงเวลาเข้าออฟฟิศวันรุ่งขึ้น หารือกันยังไงครับ ถ้าราชการทำงานเร็วแบบนี้ประชาชนคงดีใจขึ้นอีกโข หรือจริงๆแล้วทางกรมศุลฯ ได้ทราบเรื่องราวแบบนี้หรือไม่ เพราะใช้เป็นข้ออ้างถึงตลอด หรือว่าทราบและมีการประสานงานกันอยู่แล้ว แต่เอกสารประเมินที่จะเรียกเก็บไม่สามารถสำแดงให้ลูกค้าดูได้ อย่างนั้นหรอครับ? มากมายหลายคำถามอยู่ในหัวผม แม้จะไม่ใช่เงินผมที่ต้องจ่าย แต่การรักษาผลประโยชน์ของบริษัทคือเรื่องสำคัญของพนักงาน นอกจากนี้ผมกังวลกับการทำงานแบบไม่โปร่งใสตรงไปตรงมาเช่นนี้ ทำให้รู้สึกว่า แทนที่ผมจะกลัวทาง supplier จากอีกฝั่งน้ำทะเลโกงผม ผมกลับต้องมากลัวและเกร็งจากการบริการโดยคนไทยด้วยกันเองต่างหาก ผมขอขอบคุณ supplier ชาวจีนที่ดีที่ใส่ใจถามผมอัพเดทตลอด มีน้ำใจจนในที่สุดขอแชร์ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจาก DHL นี้ด้วย)

หลังจากผมรายงานเรื่องนี้ต่อเจ้านายอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าถูกมองเป็นเรื่องไม่เข้าท่า เหมือนใช้อำนาจหาผลประโยชน์ เรื่องนี้จึงได้หลุดจากมือผมไปยัง แผนก บัญชีและการเงินแทน โดยทางแผนกบัญชีโทรติดต่อกับ จนท. DHL ที่คุยกับผมโดยตรง และทางบริษัทให้ผมส่งข้อความสุดท้ายกลับไปเพื่อยืนยัน

22 มิถุนายน 2560

หลังจากนี้ไป ไม่มีการตอบอีเมลล์กลับใดๆอีก

ซึ่งในวันรุ่งขึ้น 23 มิถุนายน 2560 ทางรถส่งของ DHL ได้นำของมาส่งผม พร้อมคิดค่าบริการรวมเบ็ดเสร็จ 2298.30 บาท ทางคนรถฉีกใบ tax invoice นี้ให้ผมและแจ้งว่า "ใบเสร็จจะมีคนมาส่งให้ทีหลังนะครับ"


ปัจจุบัน 30 มิถุนายน 2560  ขณะที่เขียนอยู่นี้ผมยังไม่ได้รับใบเสร็จใดๆ พร้อมกับความผิดหวังที่ได้รับการ service โดยคนบางคนเช่นนี้ ลาที DHL
ผิดตกประการใด ขออภัยมา ณ ทีนี้ด้วยครับ ไม่มีเจตนาจะกล่าวร้ายหรือ ดิสเครดิตใครทั้งสิ้น เพียงอยากแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อนๆฟัง และขอแชร์ความคิดเห็นครับ

ขอบคุณครับ

ปล. หลักฐานการคุยกันทั้งหมด ขอรับรองว่าเป็นความจริง ไม่ได้กล่าวลอยหรือแอบอ้างแต่งรูปแต่งเมลล์ใดๆทั้งสิ้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่