ต้องเกริ่นอะไรมั้ย เอาเป็นว่าไม่เกริ่น เล่าเลยแล้วกัน แต่การันตีได้ว่าทุกเรื่องที่เจอนี่ประสบการณ์ตรง เจอเองกับตัว ไม่มีเอาเรื่องคนอื่นมามโนแน่นอน
เรื่องที่ 1
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยเราอยู่ ป.1 ตอนนั้นเรานั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน แล้วหันไปมองตรงประตูบ้าน เห็นผู้ชายผอมๆ สูงๆ ใส่เสื้อเชิ้ตลายทาง กางเกงสแล็ค แต่ร่างจะโปร่งแสง เดินผ่านประตูบ้านเราไปทางหลังบ้าน ทีแรกเรานึกว่าอาเราเดินไป เพราะแกชอบแต่งตัวแบบนี้และหุ่นก็เหมือนอาเรามาก แต่มาคิดอีกทีอยากออกไปดู ก็เลยลุกเดินออกประตูไป เจออาเราใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น เล่นเปตองอยู่หน้าบ้าน เราก็เลย อ้าว.....แล้วนั่นใคร เลยเดินตามไปดูหลังบ้าน สรุปไม่มีใครเลย แล้วหลังบ้านเป็นทางตัน ไม่สามารถเดินอ้อมตัวบ้านได้ด้วย ก็เลยยืนงงอยู่พักนึง สรุปก็เลย เออกุน่าจะเจอผีว่ะ คิดเองเออเอง แล้วกลับมานั่งดูทีวีต่อ ไม่รู้สึกกลัวอะไร เพราะมันยังไม่น่ากลัว
หลังจากนั้นก็มักจะโดนผีอำอยู่บ่อยๆ แต่มันมักจะครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนฝัน ก็เลยไม่คิดว่ามันเป็นผี เพราะเราไม่ได้เจอตอนสติสัมปชัญญะดีอยู่ครบถ้วน จึงไม่อยากสรุปว่า เฮ้ย!!! กุเจอผีอำนะเว้ย
เรื่องที่ 2
พอเข้า ม.ปลาย เราก็ไปเรืยนที่ต่างจังหวัด เพราะน้าเราอยู่ที่นั่น แต่เราอยู่หอพักในโรงเรียน เราเป็นรุ่นแรกที่โรงเรียนเปิดหอพัก ก็เลยยังมีเด็กหอไม่มากนัก เลยได้นอนเป็นเตียงเดี่ยวแบบธรรมดา ยังไม่มีเตียง 2 ชั้น ก็มีเตียงนอนเรียงกันอยู่ประมาณ 6 เตียง มีคืนหนึ่งเรานอนแล้วเผลอตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน มองไปที่ปลายเตียงก็เห็น คนร่างอ้วนเตี้ย กับคนร่างผอมสูงยืนอยู่ที่ปลายเตียง ยืนเหมือนชะเง้อดูอะไร ทีแรกก็คิดว่าเป็นคุณครู เราก็เลยลุกขึ้มมาแล้วจ้องกลับไป เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นใคร แต่พอเพ่งกลับไปดีๆ ก็เห็นร่างนั้นเป็นร่างดำๆ แต่เรามองไม่เห็นหน้า เพราะมันมืด ประกอบกับเค้า 2 คน ยืนย้อนแสงไฟที่ส่องมาจากข้างนอก แต่เห็นว่าใส่โจงกระเบนสีแดง แล้วก็มีเครื่องประดับอยู่บนหัว เท่านั้นแหละคร่า คลุมโปงเลย ไม่กล้าปลุกเพื่อน ไม่กล้าโวยวาย ไม่กล้าวิ่งหนี จนเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตืนเช้ามาถึงมาเล่าให้เพื่อนฟัง
เรื่องที่ 3
พออยู่ ม. 5 เราก็ออกจากหอพักโรงเรียนไปอยู่บ้านน้าเรา บ้านน้าเราจะมีอยู่ 2 หลัง คือบ้านที่อยู่ในตัวเมือง กับบ้านสวน ที่ต้องออกมาจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโล น้าก็ให้เราไปอยู่ที่บ้านสวน ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยที่ปลูกอยู่เดี่ยวๆ กลางทุ่งนา จะมีแค่บ้านฝั่งตรงกันข้ามแค่หลังเดียว คือใครมาจะบอกว่าน่ากลัวทุกคน มีแต่เรานี่แหละไม่รู้สึกอะไร และตอนกลางคืนที่บ้านหลังนี้ทุกคืน จะมีเสียงดังก๊อกแก๊กอยู่ใต้ถุนบ้านทุกวัน เสียงดังเหมือนมีคนทำอะไรอยู่ข้างล่าง แต่ด้วยความที่เราขี้เกียจก็ว่าได้ ก็เลยไม่ลงไปดู ก็คิดเอาเองว่าเป็นเสียงหนูมั๊ง แต่จริงๆ ไม่เหมือนเสียงหนูซักนิด จนผ่านไปหลายเดือน เรานอนอยู่ข้างบนไง ก็เริ่มรำคาญ ว่าเสียงมันจะดังอะไรทุกคืนนักหนา ก็เลยออกมาชะโงกดูใต้ถุนบ้าน สรุปว่าเสียงที่ดังอยู่หยุดจ้า แล้วก็ไม่มีอะไร หรือใครอยู่ใต้ถุนบ้านทั้งนั้น พอเดินกลับเข้าไปนอนก็ดังใหม่ พอเดินออกมาดุก็เงียบ พอกลับเข้าไปก็ดังใหม่ เป็นยังงี้อยู่ 3 รอบ เราก็เลยช่างแมร่ง ก็แค่เสียงว่ะ ทำอะไรเราไม่ได้
แต่เพื่อนๆ นี่ ใครมานอนค้างบ้านเรา ทุกคนจะหลอนมาก ด้วยตัวบ้าน บรรยากาศ แล้วก็เสียงนี่อีก
แต่เราก็นอนฟังเสียงใต้ถุนบ้านทุกคืนเป็นเวลา 2 ปี จนจบ ม.ปลาย แต่อยู่ที่นี่ไม่เคยเจอผีเป็นตัวๆ สักครั้งเลยนะ ได้ยินแค่เสียงอย่างเดียว
เดี๋ยวมาเล่าต่อ............
เล่าเรื่องผีแบบสายฮาบ้าง ไม่ฮาบ้าง
เรื่องที่ 1
เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นสมัยเราอยู่ ป.1 ตอนนั้นเรานั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน แล้วหันไปมองตรงประตูบ้าน เห็นผู้ชายผอมๆ สูงๆ ใส่เสื้อเชิ้ตลายทาง กางเกงสแล็ค แต่ร่างจะโปร่งแสง เดินผ่านประตูบ้านเราไปทางหลังบ้าน ทีแรกเรานึกว่าอาเราเดินไป เพราะแกชอบแต่งตัวแบบนี้และหุ่นก็เหมือนอาเรามาก แต่มาคิดอีกทีอยากออกไปดู ก็เลยลุกเดินออกประตูไป เจออาเราใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้น เล่นเปตองอยู่หน้าบ้าน เราก็เลย อ้าว.....แล้วนั่นใคร เลยเดินตามไปดูหลังบ้าน สรุปไม่มีใครเลย แล้วหลังบ้านเป็นทางตัน ไม่สามารถเดินอ้อมตัวบ้านได้ด้วย ก็เลยยืนงงอยู่พักนึง สรุปก็เลย เออกุน่าจะเจอผีว่ะ คิดเองเออเอง แล้วกลับมานั่งดูทีวีต่อ ไม่รู้สึกกลัวอะไร เพราะมันยังไม่น่ากลัว
หลังจากนั้นก็มักจะโดนผีอำอยู่บ่อยๆ แต่มันมักจะครึ่งหลับครึ่งตื่นเหมือนฝัน ก็เลยไม่คิดว่ามันเป็นผี เพราะเราไม่ได้เจอตอนสติสัมปชัญญะดีอยู่ครบถ้วน จึงไม่อยากสรุปว่า เฮ้ย!!! กุเจอผีอำนะเว้ย
เรื่องที่ 2
พอเข้า ม.ปลาย เราก็ไปเรืยนที่ต่างจังหวัด เพราะน้าเราอยู่ที่นั่น แต่เราอยู่หอพักในโรงเรียน เราเป็นรุ่นแรกที่โรงเรียนเปิดหอพัก ก็เลยยังมีเด็กหอไม่มากนัก เลยได้นอนเป็นเตียงเดี่ยวแบบธรรมดา ยังไม่มีเตียง 2 ชั้น ก็มีเตียงนอนเรียงกันอยู่ประมาณ 6 เตียง มีคืนหนึ่งเรานอนแล้วเผลอตื่นขึ้นมาตอนกลางคืน มองไปที่ปลายเตียงก็เห็น คนร่างอ้วนเตี้ย กับคนร่างผอมสูงยืนอยู่ที่ปลายเตียง ยืนเหมือนชะเง้อดูอะไร ทีแรกก็คิดว่าเป็นคุณครู เราก็เลยลุกขึ้มมาแล้วจ้องกลับไป เพื่อจะได้รู้ว่าเป็นใคร แต่พอเพ่งกลับไปดีๆ ก็เห็นร่างนั้นเป็นร่างดำๆ แต่เรามองไม่เห็นหน้า เพราะมันมืด ประกอบกับเค้า 2 คน ยืนย้อนแสงไฟที่ส่องมาจากข้างนอก แต่เห็นว่าใส่โจงกระเบนสีแดง แล้วก็มีเครื่องประดับอยู่บนหัว เท่านั้นแหละคร่า คลุมโปงเลย ไม่กล้าปลุกเพื่อน ไม่กล้าโวยวาย ไม่กล้าวิ่งหนี จนเผลอหลับไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ตืนเช้ามาถึงมาเล่าให้เพื่อนฟัง
เรื่องที่ 3
พออยู่ ม. 5 เราก็ออกจากหอพักโรงเรียนไปอยู่บ้านน้าเรา บ้านน้าเราจะมีอยู่ 2 หลัง คือบ้านที่อยู่ในตัวเมือง กับบ้านสวน ที่ต้องออกมาจากตัวเมืองประมาณ 20 กิโล น้าก็ให้เราไปอยู่ที่บ้านสวน ซึ่งเป็นบ้านทรงไทยที่ปลูกอยู่เดี่ยวๆ กลางทุ่งนา จะมีแค่บ้านฝั่งตรงกันข้ามแค่หลังเดียว คือใครมาจะบอกว่าน่ากลัวทุกคน มีแต่เรานี่แหละไม่รู้สึกอะไร และตอนกลางคืนที่บ้านหลังนี้ทุกคืน จะมีเสียงดังก๊อกแก๊กอยู่ใต้ถุนบ้านทุกวัน เสียงดังเหมือนมีคนทำอะไรอยู่ข้างล่าง แต่ด้วยความที่เราขี้เกียจก็ว่าได้ ก็เลยไม่ลงไปดู ก็คิดเอาเองว่าเป็นเสียงหนูมั๊ง แต่จริงๆ ไม่เหมือนเสียงหนูซักนิด จนผ่านไปหลายเดือน เรานอนอยู่ข้างบนไง ก็เริ่มรำคาญ ว่าเสียงมันจะดังอะไรทุกคืนนักหนา ก็เลยออกมาชะโงกดูใต้ถุนบ้าน สรุปว่าเสียงที่ดังอยู่หยุดจ้า แล้วก็ไม่มีอะไร หรือใครอยู่ใต้ถุนบ้านทั้งนั้น พอเดินกลับเข้าไปนอนก็ดังใหม่ พอเดินออกมาดุก็เงียบ พอกลับเข้าไปก็ดังใหม่ เป็นยังงี้อยู่ 3 รอบ เราก็เลยช่างแมร่ง ก็แค่เสียงว่ะ ทำอะไรเราไม่ได้
แต่เพื่อนๆ นี่ ใครมานอนค้างบ้านเรา ทุกคนจะหลอนมาก ด้วยตัวบ้าน บรรยากาศ แล้วก็เสียงนี่อีก
แต่เราก็นอนฟังเสียงใต้ถุนบ้านทุกคืนเป็นเวลา 2 ปี จนจบ ม.ปลาย แต่อยู่ที่นี่ไม่เคยเจอผีเป็นตัวๆ สักครั้งเลยนะ ได้ยินแค่เสียงอย่างเดียว
เดี๋ยวมาเล่าต่อ............