ดร.วิกเตอร์ อี. แฟรงเกิล (Viktor E. Frankl) จิตแพทย์ผู้รอดชีวิตจากค่ายมรณะนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาถูกจับเข้าค่ายกักกันอันสุดจะเหี้ยมโหด สูญเสีย พ่อ แม่ ภรรยา และสมาชิกทุกคนในครอบครัวไป เช่นเดียวกับนักโทษคนอื่นๆ ที่อยู่ในค่ายแห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่หากไม่ถูกรมแก๊สตายก็จะตายเพราะป่วย หรือท้อแท้จนป่วย หมดกำลังใจและนำไปสู่การฆ่าตัวตายในที่สุด!
คำถามที่น่าสนใจคือ..
“ทำไมเขาไม่ตายเหมือนคนอื่นๆ ? ทำไมถึงรอดชีวิตมาได้ ?”
ดร.แฟรงเกิลบอกว่า.. คนที่รอดมาได้ส่วนใหญ่ คือคนที่สร้างความหมายให้กับชีวิตของตัวเอง เหมือนอย่างในกรณีของเขา เขารอดมาได้เพราะตั้งใจเอาไว้ว่า.. ถ้าได้เป็นอิสระจากค่ายกักกันนี้เมื่อไหร่ จะออกมาเขียนหนังสือชื่อ Man's Search for Meaning (ชื่อไทย : ชีวิตไม่ไร้ความหมาย) เพื่อบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดในค่ายกักกันแห่งนี้ ให้ชาวโลกได้รับรู้!
และนี่เองที่เป็นที่มาของแนวคิดทฤษฎี ‘โลโกเทอราปี’ (Logotherapy) เทคนิคจิตบำบัดที่เกี่ยวกับการรับรู้เป้าหมาย และความหมายของชีวิต สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะซึมเศร้า (Depression)
---------------------------------
“ชีวิตต้องมีเป้าหมาย เพื่อจะหายจากอาการซึมเศร้า!”
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ ที่ผู้ชายคนหนึ่งได้พิสูจน์มาแล้วกับตัวเอง!
ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายที่ผมสนิทมากที่สุดในชีวิต เขาบอกกับผมว่า.. ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาศึกษาและปฏิบัติธรรม จนมีเป้าหมายในใจที่จะเป็น ‘โสดาบัน’ ให้ได้ในชาตินี้! เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการซึมเศร้ามาเป็นเวลายาวนานเหลือเกิน..
ในทุกคืนที่เขาเข้านอน เขาจะบอกกับตัวเองว่า..
“ขอให้การหลับครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายตลอดนิรันดร์กาล และขอให้ไม่กลับมาตื่นอีกเลย!”
เพราะไม่รู้ว่าจะตื่นมาทำไม ? จะอยู่ไปเพื่ออะไร ?
และในทุกเช้าที่ตื่นลืมตาขึ้นมา กลายเป็นทุกเช้าแห่งความเสียใจ ที่ไม่ได้ตายไปในการนอนหลับครั้งนี้!
---------------------------------
เขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนี้อยู่นาน จนรู้ว่าไม่มีอะไรช่วยได้แล้ว ทั้งยาต้านซึมเศร้าและนักจิตบำบัด จนมีโอกาสได้เข้าไปปฏิบัติธรรม และได้ศึกษาธรรมจนเข้าใจในเรื่องพระอริยะบุคคล 4 ประเภท
“เอ้ยยย!! โลกนี้มันมีอะไรมากกว่า.. คนจน-คนรวย,คนประสบความสำเร็จ (ในหน้าที่การงาน) กับคนล้มเหลว ด้วยว้อย!!”
นี่ถือเป็นสิ่งใหม่ที่เขาเพิ่งรู้ การเรียนวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียนไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย เพราะเขาจำไม่ได้ และแทบจะไม่เคยเข้าเรียน สิ่งนี้ได้กลายเป็นการค้นพบครั้งใหม่ของชีวิต!
“เราต้องเป็นโสดาบันให้ได้.. เพื่อที่จะได้ไปสู่การตายจริงๆ เสียที ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้อีกต่อไป!”
เขาเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทมาตลอดทั้งชีวิต (การประสบความสำเร็จในธุรกิจและหน้าที่การงาน) เป็นเพียงแค่เรื่องของ ‘โลกธรรมแปด’ ซึ่งเป็นธรรมะขั้นพื้นๆ ที่พระอริยะเจ้าท่านไม่สนใจใยดีแล้ว เหมือนผู้ใหญ่นั่งมองเด็กเอากิ่งไม้ ใบไม้ มาเล่นขายของ! ไม่เห็นจะมีคุณค่า ไม่เห็นจะสนุกที่ตรงไหน ?
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เข้าได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตใหม่อีกครั้ง คือในทางโลก เขาจะอยู่ทำมาหากินเพื่อส่งลูกสาวให้เรียนจบ และเมื่อหมดห่วงแล้ว หากมีโอกาสได้บวชก็จะเดินหน้าเข้าวัด เพื่อมุ่งสู่การเป็นโสดาบันให้ได้ในชาตินี้!
---------------------------------
“เมื่อมีเป้าหมาย ทุกๆ วันก็มีความหมาย!”
ทุกๆ เช้าที่เขาตื่นขึ้นมา ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเตรียมอาหารเช้าและไปส่งลูกเมียแล้ว เมื่อกลับถึงบ้านเขาจะรีบเข้าห้องพระ ทำวัตร สวดมนต์ ภาวนา จากนั้นก็จะศึกษาธรรมะไปจนถึงช่วงเวลาที่ต้องทำมาหากิน
เขาทำงานบ้านทุกอย่างที่ภรรยาไม่อยากทำ เพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ ที่ต้องดูแลลูกและเมียให้ดีที่สุด ก่อนจะทิ้งทางโลกไปในอนาคต
ทรัพย์สินสมบัติใดๆ เขาไม่สนใจและไม่ต้องการมันอีกต่อไป หากทิ้งทางกายไม่ได้ก็ทิ้งทางใจ ยกให้เมียและลูกสาวไปให้หมดสิ้น! ในบั้นปลายชีวิตขอให้เหลือแต่ตัวเปล่าๆ เพื่อที่จะได้ไปไหนมาไหนสะดวกสบาย เหมือนดั่งนกบนท้องฟ้าที่มีภาระเพียงแค่ปีกสองข้างของตัวเอง ไม่ต้องมีภาระดูแลอะไรอีกต่อไป..
---------------------------------
ในวันนี้.. แม้นอาการซึมเศร้าจะมาเยือนเขาบ้างเป็นครั้งคราว แต่มันก็ไม่มีอานุภาพมากพอที่จะทำอะไรเขาได้อีก เพราะเขาถือว่ามันเป็นตัวมาทำให้เขาได้สะสมความเข้มแข็งของจิตใจ เพื่อเป้าหมายสูงสุดในทางธรรมคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะได้พ้นไปจากเรื่องโลกๆ เสียที
---------------------------------
เอาละ.. ผมไม่รู้ว่าในบั้นปลายชีวิตของ ดร.แฟรงเกิล เป็นอย่างไร ? (เพราะไม่ได้ศึกษาต่อ) รู้แต่ว่าทฤษฎีโลโกเทอราปี ได้รับการยอมรับและถูกใช้ในวงการจิตวิทยามาจนถึงทุกวันนี้
แต่ที่แน่ๆ ผมรู้ว่า.. เรื่องราวของผู้ชายคนที่ผมเล่าให้ฟังข้างต้น (ที่ว่าสนิทกับผมมากที่สุดในชีวิตนะ) เขาได้เดินมุ่งหน้าออกจากเรื่องโลกๆ มากขึ้นไปทุกขณะแล้ว.. และผมมั่นใจว่า เขาจะไม่หันหลังกลับมาเป็นเด็กเล่นขายของเหมือนเดิมอีกต่อไป อย่างแน่นอน!
---------------------------------
ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยอ่านจนจบนะครับ
จะมีชีวิตอยู่ไปทำไม ?
ดร.วิกเตอร์ อี. แฟรงเกิล (Viktor E. Frankl) จิตแพทย์ผู้รอดชีวิตจากค่ายมรณะนาซีในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เขาถูกจับเข้าค่ายกักกันอันสุดจะเหี้ยมโหด สูญเสีย พ่อ แม่ ภรรยา และสมาชิกทุกคนในครอบครัวไป เช่นเดียวกับนักโทษคนอื่นๆ ที่อยู่ในค่ายแห่งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่หากไม่ถูกรมแก๊สตายก็จะตายเพราะป่วย หรือท้อแท้จนป่วย หมดกำลังใจและนำไปสู่การฆ่าตัวตายในที่สุด!
คำถามที่น่าสนใจคือ..
“ทำไมเขาไม่ตายเหมือนคนอื่นๆ ? ทำไมถึงรอดชีวิตมาได้ ?”
ดร.แฟรงเกิลบอกว่า.. คนที่รอดมาได้ส่วนใหญ่ คือคนที่สร้างความหมายให้กับชีวิตของตัวเอง เหมือนอย่างในกรณีของเขา เขารอดมาได้เพราะตั้งใจเอาไว้ว่า.. ถ้าได้เป็นอิสระจากค่ายกักกันนี้เมื่อไหร่ จะออกมาเขียนหนังสือชื่อ Man's Search for Meaning (ชื่อไทย : ชีวิตไม่ไร้ความหมาย) เพื่อบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดในค่ายกักกันแห่งนี้ ให้ชาวโลกได้รับรู้!
และนี่เองที่เป็นที่มาของแนวคิดทฤษฎี ‘โลโกเทอราปี’ (Logotherapy) เทคนิคจิตบำบัดที่เกี่ยวกับการรับรู้เป้าหมาย และความหมายของชีวิต สำหรับผู้ป่วยที่อยู่ในภาวะซึมเศร้า (Depression)
---------------------------------
“ชีวิตต้องมีเป้าหมาย เพื่อจะหายจากอาการซึมเศร้า!”
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้ผล 100 เปอร์เซ็นต์ ที่ผู้ชายคนหนึ่งได้พิสูจน์มาแล้วกับตัวเอง!
ผู้ชายคนนี้เป็นผู้ชายที่ผมสนิทมากที่สุดในชีวิต เขาบอกกับผมว่า.. ก่อนหน้าที่เขาจะเข้ามาศึกษาและปฏิบัติธรรม จนมีเป้าหมายในใจที่จะเป็น ‘โสดาบัน’ ให้ได้ในชาตินี้! เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการซึมเศร้ามาเป็นเวลายาวนานเหลือเกิน..
ในทุกคืนที่เขาเข้านอน เขาจะบอกกับตัวเองว่า..
“ขอให้การหลับครั้งนี้ เป็นครั้งสุดท้ายตลอดนิรันดร์กาล และขอให้ไม่กลับมาตื่นอีกเลย!”
เพราะไม่รู้ว่าจะตื่นมาทำไม ? จะอยู่ไปเพื่ออะไร ?
และในทุกเช้าที่ตื่นลืมตาขึ้นมา กลายเป็นทุกเช้าแห่งความเสียใจ ที่ไม่ได้ตายไปในการนอนหลับครั้งนี้!
---------------------------------
เขาต้องทนทุกข์ทรมานอย่างนี้อยู่นาน จนรู้ว่าไม่มีอะไรช่วยได้แล้ว ทั้งยาต้านซึมเศร้าและนักจิตบำบัด จนมีโอกาสได้เข้าไปปฏิบัติธรรม และได้ศึกษาธรรมจนเข้าใจในเรื่องพระอริยะบุคคล 4 ประเภท
“เอ้ยยย!! โลกนี้มันมีอะไรมากกว่า.. คนจน-คนรวย,คนประสบความสำเร็จ (ในหน้าที่การงาน) กับคนล้มเหลว ด้วยว้อย!!”
นี่ถือเป็นสิ่งใหม่ที่เขาเพิ่งรู้ การเรียนวิชาพระพุทธศาสนาในโรงเรียนไม่ได้ช่วยอะไรเขาเลย เพราะเขาจำไม่ได้ และแทบจะไม่เคยเข้าเรียน สิ่งนี้ได้กลายเป็นการค้นพบครั้งใหม่ของชีวิต!
“เราต้องเป็นโสดาบันให้ได้.. เพื่อที่จะได้ไปสู่การตายจริงๆ เสียที ไม่ต้องมาเวียนว่ายตายเกิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าแบบนี้อีกต่อไป!”
เขาเพิ่งรู้ว่าสิ่งที่เขาทุ่มเทมาตลอดทั้งชีวิต (การประสบความสำเร็จในธุรกิจและหน้าที่การงาน) เป็นเพียงแค่เรื่องของ ‘โลกธรรมแปด’ ซึ่งเป็นธรรมะขั้นพื้นๆ ที่พระอริยะเจ้าท่านไม่สนใจใยดีแล้ว เหมือนผู้ใหญ่นั่งมองเด็กเอากิ่งไม้ ใบไม้ มาเล่นขายของ! ไม่เห็นจะมีคุณค่า ไม่เห็นจะสนุกที่ตรงไหน ?
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เข้าได้ตั้งเป้าหมายในชีวิตใหม่อีกครั้ง คือในทางโลก เขาจะอยู่ทำมาหากินเพื่อส่งลูกสาวให้เรียนจบ และเมื่อหมดห่วงแล้ว หากมีโอกาสได้บวชก็จะเดินหน้าเข้าวัด เพื่อมุ่งสู่การเป็นโสดาบันให้ได้ในชาตินี้!
---------------------------------
“เมื่อมีเป้าหมาย ทุกๆ วันก็มีความหมาย!”
ทุกๆ เช้าที่เขาตื่นขึ้นมา ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป เพราะหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจเตรียมอาหารเช้าและไปส่งลูกเมียแล้ว เมื่อกลับถึงบ้านเขาจะรีบเข้าห้องพระ ทำวัตร สวดมนต์ ภาวนา จากนั้นก็จะศึกษาธรรมะไปจนถึงช่วงเวลาที่ต้องทำมาหากิน
เขาทำงานบ้านทุกอย่างที่ภรรยาไม่อยากทำ เพราะคิดว่าเป็นหน้าที่ ที่ต้องดูแลลูกและเมียให้ดีที่สุด ก่อนจะทิ้งทางโลกไปในอนาคต
ทรัพย์สินสมบัติใดๆ เขาไม่สนใจและไม่ต้องการมันอีกต่อไป หากทิ้งทางกายไม่ได้ก็ทิ้งทางใจ ยกให้เมียและลูกสาวไปให้หมดสิ้น! ในบั้นปลายชีวิตขอให้เหลือแต่ตัวเปล่าๆ เพื่อที่จะได้ไปไหนมาไหนสะดวกสบาย เหมือนดั่งนกบนท้องฟ้าที่มีภาระเพียงแค่ปีกสองข้างของตัวเอง ไม่ต้องมีภาระดูแลอะไรอีกต่อไป..
---------------------------------
ในวันนี้.. แม้นอาการซึมเศร้าจะมาเยือนเขาบ้างเป็นครั้งคราว แต่มันก็ไม่มีอานุภาพมากพอที่จะทำอะไรเขาได้อีก เพราะเขาถือว่ามันเป็นตัวมาทำให้เขาได้สะสมความเข้มแข็งของจิตใจ เพื่อเป้าหมายสูงสุดในทางธรรมคือพระนิพพาน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่จะได้พ้นไปจากเรื่องโลกๆ เสียที
---------------------------------
เอาละ.. ผมไม่รู้ว่าในบั้นปลายชีวิตของ ดร.แฟรงเกิล เป็นอย่างไร ? (เพราะไม่ได้ศึกษาต่อ) รู้แต่ว่าทฤษฎีโลโกเทอราปี ได้รับการยอมรับและถูกใช้ในวงการจิตวิทยามาจนถึงทุกวันนี้
แต่ที่แน่ๆ ผมรู้ว่า.. เรื่องราวของผู้ชายคนที่ผมเล่าให้ฟังข้างต้น (ที่ว่าสนิทกับผมมากที่สุดในชีวิตนะ) เขาได้เดินมุ่งหน้าออกจากเรื่องโลกๆ มากขึ้นไปทุกขณะแล้ว.. และผมมั่นใจว่า เขาจะไม่หันหลังกลับมาเป็นเด็กเล่นขายของเหมือนเดิมอีกต่อไป อย่างแน่นอน!
---------------------------------
ขอขอบคุณทุกท่านที่ช่วยอ่านจนจบนะครับ