การลดน้ำหนักตามหลักพุทธ คือ ให้กินเพื่ออยู่ ไม่ใช่อยู่เพื่อกิน

พิจารณาตามแบบที่พระพุทธเจ้าสอน คือ ให้กินเพื่ออยู่ เพือลด น้ำหนัก กิเลส
อยากรู้ใช่ไม๊ครับว่าทำไมพระบางรูปถึงลดน้ำหนักได้แบบยั่งยืน แบบไม่โยโย่

ก่อนอื่นนะครับ ต้องดูว่าก่อนที่พระพุทธเจ้าจะสำเร็จเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นได้เคยอดอาหารมาก่อน ท่านจึงทราบโดยเหตุผลว่าร่างกายเป็นอย่างไร
การที่ทำอะไรเบาไป หรืออะไรที่หนักไม่ล้วนไม่ดีทั้งสิ้น เคยได้ยินกับคำว่า อดแล้วตะบะแตก กลับไปกินทุกอย่างที่ขวางหน้านั้นเพราะอะไร (เพราะกิเลสกับการควบคุมจิตใจ จริงหรือไม่)
พระพุทธเจ้าทรงตรัสว่า
อานิสงส์ ๕ ประการ ของการกินมื้อเดียว
๑    ร่างกายไม่ค่อยป่วย                 (เวลาที่เราป่วยเราจะไม่กิน หรือไม่หิวใช่หรือไม่)    
๒    ไม่มีอะไรบกพร่อง                   (เพราะไม่ค่อยมีอะไรสะสมในร่างกายใช่หรือไม่)    
๓    กระปรี้กระเปร่า เบากาย เบาใจ (เพราะร่างกายไม่หนักไปด้วยอาหารใหม่ใช่หรือไม่)
๔    มีพละกำลังเหลือใช้                 (เพราะร่างกายได้ใช้อาหารใหม่และอาหารเก่าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพจริงหรือไม่)    
๕    เป็นอยู่สบาย จิตใจผาสุก          (เพราะฮอโมนทั้งหลายทำงานอย่างเป็นปกติใช่หรือไม่)

ที่นี้จะมาดูกิจวัตรประจำวันของพระป่ากัน เพื่อเปรียบเทียบกับวิทยาศาสตร์นะครับ
1. ตื่นเช้าเจริญสติ สวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ (เพื่อควบคุมจิตใจให้คลื่นความถี่ในสมองเรียบนิ่ง ไม่วุ่นวาย ถ้านิ่งจนถึงจุดที่ลึก ฮอโมนจะได้ทำงานเต็มที่ ไม่เครียด โกรทฮอร์โมน(Growth hormones)  ก็จะทำงานทันทีซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเผาผลาญ)

2. เดินออกบิณฑบาตร ไปกลับก็ 1-2 ชั่วโมงแล้วแต่ระยะทาง (ตรงกับที่วิทยาศาสตร์บอกว่า เดินเพื่อลดไขมันเก่าในร่างกาย อาหารเก่า)

3. รวมอาหารลงในบาตรเพื่อไม่ให้ร่างกายติดรสชาติ พิจารณาในการฉัน(กิน) ฉันพอประมาณตามที่ร่างกายต้องการ (ไม่มีการนับแคลเหมือนสมัยนี้ ไม่วุ่นวาย พูดง่ายๆคือฉันตามขนาดร่างกาย แค่อิ่ม) เท่านี้ก็เพียงพอต่อร่างกายต่อวัน แต่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ฉันอีกรอบได้คือก่อนเที่ยง

4. เจริญสติ เดินจงกรม (ปรับคลื่นสมอง การเดินฮอร์โมน น้ำย่อย เอนไซม์ ทำงานปกติ ถ้านิ่งจนถึงจุดที่ลึก โกรทฮอร์โมน(Growth hormones)  ก็จะทำงานทันทีซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเผาผลาญ)

5. กวาดลานวัด ทำความสะอาด (เท่ากับ ออกกำลังกายไปในตัว ไม่สะสมโรค ไขมัน ใช้พลังงานของอาหารใหม่ของตอนเช้าที่ฉันมา)

6. ฉันน้ำปานะได้ (กรณีพระใช้แรงงานเยอะ ร่างกายต้องใช้น้ำตาล น้ำปานะเป็นน้ำตาลใช้ได้ทันที ไฮจีไอคาร์ป ฉันแต่พอดี ตามร่างกายต้องการ ไม่มากจนสะสม) บางคนมักบอกว่าพระบางรูปอ้วนเพราะฉันน้ำปานะเยอะ อันนี้จริง เพราะเกินที่ร่างกายต้องการ มีกิเลส ตามใจรสชาติมากเกินไป

7.ทำวัตรเย็น เจริญสติ ภาวนา (ปรับคลื่นสมอง การเดินฮอร์โมน น้ำย่อย เอนไซม์ ทำงานปกติ ถ้านิ่งจนถึงจุดที่ลึก โกรทฮอร์โมน(Growth hormones)  ก็จะทำงานทันทีซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเผาผลาญ)

8.เข้านอน จากการที่ปรับสมองมา 3 เวลา โกรทฮอร์โมน(Growth hormones)  ก็จะทำงานทันทีซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และเผาผลาญ

ทีนี้เราก็มาพิจารณากันดูว่าทำไมพระถึงน้ำหนักลด แบบยั่งยืน
เพราะถ้าเราไม่ปล่อยให้กิเลส ในการติดรส ความอยาก เกิดขึ้นกับตัวเรา แน่นอนว่าคำว่าโยโย่จะไม่เกิดกับเราแน่นอน

ตอนนี้ผมใช้หลักการนี้ในการลดน้ำหนัก และซึ่งได้ผล... มีความสุขไม่วุ่นวายจนเกินไป
การลดน้ำหนักหรือลดไขมันมีมากมาย แล้วแต่ร่างกายของบุคคลนั้นว่าจะเหมาะกับแบบไหน...
ไม่ต้องเชื่อ แต่ให้พิจารณาตามสติปัญญา ที่พึงมี...
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่