มีเวลาว่างวันอาทิตย์และอยากได้ประสบการณ์ + กับชอบเรียนรู้อยู่ตลอดเวลาเป็นทุนเดิม
ทำให้ไปลงสมัครเรียนภาคสมทบเรียนเฉพาะวันอาทิตย์
บทเรียนที่ 1 อาจารย์สอนขาด... ขาดอะไรดี คืออาจารย์บางท่านไม่มีความเคารพในสิทธิส่วนบุคคล เอาเพศของนักเรียนมาใช้เป็นคำพูดสนุกสนานในห้องเรียน(หญิงประเภทสอง,เกย์) อาจารย์หลายท่านมีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของนักเรียน พอนักเรียนไม่ตอบก็ถึงขั้นไปค้นประวัตินักเรียนและมาพูดถามนักเรียนอีกรอบ พอนักเรียนขอไม่ตอบเหมือนเช่นเคย อาจารย์พูดว่า "ครูรู้แล้วนะ ไปดูประวัติมาแล้ว"
อาจารย์หนึ่งท่านมีความกลัวอย่างมากที่นักเรียนจะเก่งกว่าหรือโดนนักเรียนจับผิดได้ คือเคยแย้งอาจารย์ว่าสอนผิด (ไปถามอาจารย์ส่วนตัวเลยว่าที่อาจารย์สอนมันไม่ถูกนะ) อาจารย์แย้งมาด้วยคำพูดที่ฟังไม่รู้เรื่อง และบอกว่านักเรียนไม่ฟังอาจารย์เอง เลยเอาหนังสือให้ดูว่าเราจดละเอียดมาก และแบบฝึกหัดที่อาจารย์ให้ทำกับคำตอบที่อาจารย์เฉลยมันผิดนะ มันไม่ตรงกับทั้งในหนังสือและสื่อการเรียนจากที่อื่น อาจารย์กับด่าและไล่เราออกไปอย่างเร็วเหมือนจะกลัวว่า อาจารย์ที่นั่งข้างๆจะได้ยินเรื่องที่คุยกัน
อาจารย์ท่านเดิมที่กลัวศิษย์เก่งกว่า เวลาพรีเซ้นงานแล้วท่านไม่เข้าใจ ในขณะที่อาจารย์อีกสองท่านเข้าใจดี อาจารย์ท่านที่ไม่เข้าใจกลับโวยวายว่า โครงงานของเราไม่ได้เรื่อง ทำอะไรก็ไม่รู้ (คืออาจารย์ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ แต่น่าจะใจเย็น และเปิดใจให้กว้างหน่อย) เพราะเรื่องที่เรานำเสนอค่อนข้างยากสำหรับคนไม่เคยเรียนรู้มาก่อน (เรานำเสนอเกี่ยวกับการสร้างแอพพลิเคชั่น อาจารย์ไม่รู้ขั้นตอนการสร้าง และไม่รู้พื้นฐาน ไม่รู้จัก GRAB, UBER, แถมยังบอกว่าแอพพวกนี้มีคนทำเป็น start up มาแล้วและประสบความสำเร็จด้วย คือพูดเหมือนว่ามันง่าย ประมาณว่าเรื่องแค่นี้เอง)
หลังจากพบเจออาจารย์แย่ๆมาหลายท่าน ใจก็อยากจะให้กระทรวงมีการคัดกรองคนที่จะมาเป็นอาจารย์หน่อย
อาจารย์หลายท่านที่นี่ขาดความเป็นครูเอามากๆ ส่งผลให้คนที่จบการศึกษาไปก็ไม่กล้าแสดงออก
เพราะย้อนแย้ง แสดงความคิดเห็นไม่ได้เลย
บทเรียนที่ 2 ไม่รู้ว่ามหาลัยภาคสมทบที่เรียนเฉพาะวันอาทิตย์เป็นเหมือนที่นี่หรือไม่ นักเรียนที่นี่สามารถเรียนจบกันได้ง่ายๆ ถ้าสอบตกก็จ่ายเงินสอบซ่อมก็จะผ่าน ผ่านมาหนึ่งปี เพื่อนนักเรียนคนอื่นบอกว่าคนเค้ามาเรียนที่นี่เพื่อเอาวุฒิกันเท่านั้น นักเรียนหลายคนคิดเลขบัญญัติไตรยางค์ง่ายๆยังไม่เป็น สอบผ่านได้ด้วย
กระทรวงศึกษาตรวจสอบหน่อยดีกว่ามั้ย มิน่าคนที่มาสมัครงานที่บริษัทบางคนจบปริญญาตรีใช้ microsoft office ไม่เป็น คิดเลขไม่เป็น
บทเรียนที่ 3 สังคมนักเรียนที่นี่ งานกลุ่มมักจะมีคนทำอยู่คนเดียวและต้องใส่ชื่อเพื่อนอีก 5 คนเข้าไปด้วย ไม่งั้นจะโดนโกรธ
พอเรียกมาให้ทำงานเป็นกลุ่มก็ไม่ทำกัน คือไม่ลงแรง ลงแต่ปาก ใช้แต่ปากพูดเอาดีเข้าตัวปัดชั่วให้คนอื่น
โยงมาสู่สังคมทำงาน กลายเป็นว่าเป็นวัฏจักรที่คนไทยถูกคนต่างชาติมองว่า มีจุดอ่อนที่ไม่สามารถทำงานเป็นกลุ่มได้
คนไม่ทำงานแต่รู้จักประจบประแจงกลับได้เลื่อนตำแหน่ง แทนคนที่ทำงานหนักแต่ไม่เลียแข้งเลียขา
ทั้งนี้นั้น ถ้าใครรู้ตัวว่ากำลังเป็นหนึ่งในนักเรียน หรืออาจารย์ที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น ก็อย่าได้โทษคนอื่นๆเลยเวลาเห็นว่าไทยก็ยังคงย่ำอยู่กับที่เรื่อยไป
หันมาปรับปรุงพฤติกรรมของตัวเองซะใหม่
ประเทศไม่เจริญเป็นเพราะใคร ก้มมองดูตัวเองซะ
ถ้าในอนาคตเรายังล้าหลังและสู้ประเทศเพื่อนเพื่อนไม่ได้ ก้มมองดูตัวเองซะ
การศึกษาควรจะช่วยพัฒนาศักยภาพของประชาชน แต่ตอนนี้(เอาแค่สถาบันนี้แล้วกัน)สถาบันการศึกษากำลังสอนให้
1. ใช้เงินซื้อปริญญา
2. ห้ามแสดงออก ห้ามแย้ง ห้ามโต้เถียง
3. ไม่ต้องรับผิดชอบต่อส่วนรวม (งานกลุ่ม)
4. การใช้คำพูด-ดันเกี่ยวกับบุคลิกภายนอกของผู้อื่นเป็นเรื่องปกติ
5. ไม่เคารพพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การศึกษาไทยจะพัฒนาไปได้ดีกว่านี้
การศึกษาไทย จากประสบการณ์วิทยาลัยแห่งหนึ่งในนิคมแห่งหนึ่ง ในชลบุรี
ทำให้ไปลงสมัครเรียนภาคสมทบเรียนเฉพาะวันอาทิตย์
บทเรียนที่ 1 อาจารย์สอนขาด... ขาดอะไรดี คืออาจารย์บางท่านไม่มีความเคารพในสิทธิส่วนบุคคล เอาเพศของนักเรียนมาใช้เป็นคำพูดสนุกสนานในห้องเรียน(หญิงประเภทสอง,เกย์) อาจารย์หลายท่านมีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องส่วนตัวของนักเรียน พอนักเรียนไม่ตอบก็ถึงขั้นไปค้นประวัตินักเรียนและมาพูดถามนักเรียนอีกรอบ พอนักเรียนขอไม่ตอบเหมือนเช่นเคย อาจารย์พูดว่า "ครูรู้แล้วนะ ไปดูประวัติมาแล้ว"
อาจารย์หนึ่งท่านมีความกลัวอย่างมากที่นักเรียนจะเก่งกว่าหรือโดนนักเรียนจับผิดได้ คือเคยแย้งอาจารย์ว่าสอนผิด (ไปถามอาจารย์ส่วนตัวเลยว่าที่อาจารย์สอนมันไม่ถูกนะ) อาจารย์แย้งมาด้วยคำพูดที่ฟังไม่รู้เรื่อง และบอกว่านักเรียนไม่ฟังอาจารย์เอง เลยเอาหนังสือให้ดูว่าเราจดละเอียดมาก และแบบฝึกหัดที่อาจารย์ให้ทำกับคำตอบที่อาจารย์เฉลยมันผิดนะ มันไม่ตรงกับทั้งในหนังสือและสื่อการเรียนจากที่อื่น อาจารย์กับด่าและไล่เราออกไปอย่างเร็วเหมือนจะกลัวว่า อาจารย์ที่นั่งข้างๆจะได้ยินเรื่องที่คุยกัน
อาจารย์ท่านเดิมที่กลัวศิษย์เก่งกว่า เวลาพรีเซ้นงานแล้วท่านไม่เข้าใจ ในขณะที่อาจารย์อีกสองท่านเข้าใจดี อาจารย์ท่านที่ไม่เข้าใจกลับโวยวายว่า โครงงานของเราไม่ได้เรื่อง ทำอะไรก็ไม่รู้ (คืออาจารย์ต้องใช้เวลาในการทำความเข้าใจ แต่น่าจะใจเย็น และเปิดใจให้กว้างหน่อย) เพราะเรื่องที่เรานำเสนอค่อนข้างยากสำหรับคนไม่เคยเรียนรู้มาก่อน (เรานำเสนอเกี่ยวกับการสร้างแอพพลิเคชั่น อาจารย์ไม่รู้ขั้นตอนการสร้าง และไม่รู้พื้นฐาน ไม่รู้จัก GRAB, UBER, แถมยังบอกว่าแอพพวกนี้มีคนทำเป็น start up มาแล้วและประสบความสำเร็จด้วย คือพูดเหมือนว่ามันง่าย ประมาณว่าเรื่องแค่นี้เอง)
หลังจากพบเจออาจารย์แย่ๆมาหลายท่าน ใจก็อยากจะให้กระทรวงมีการคัดกรองคนที่จะมาเป็นอาจารย์หน่อย
อาจารย์หลายท่านที่นี่ขาดความเป็นครูเอามากๆ ส่งผลให้คนที่จบการศึกษาไปก็ไม่กล้าแสดงออก
เพราะย้อนแย้ง แสดงความคิดเห็นไม่ได้เลย
บทเรียนที่ 2 ไม่รู้ว่ามหาลัยภาคสมทบที่เรียนเฉพาะวันอาทิตย์เป็นเหมือนที่นี่หรือไม่ นักเรียนที่นี่สามารถเรียนจบกันได้ง่ายๆ ถ้าสอบตกก็จ่ายเงินสอบซ่อมก็จะผ่าน ผ่านมาหนึ่งปี เพื่อนนักเรียนคนอื่นบอกว่าคนเค้ามาเรียนที่นี่เพื่อเอาวุฒิกันเท่านั้น นักเรียนหลายคนคิดเลขบัญญัติไตรยางค์ง่ายๆยังไม่เป็น สอบผ่านได้ด้วย
กระทรวงศึกษาตรวจสอบหน่อยดีกว่ามั้ย มิน่าคนที่มาสมัครงานที่บริษัทบางคนจบปริญญาตรีใช้ microsoft office ไม่เป็น คิดเลขไม่เป็น
บทเรียนที่ 3 สังคมนักเรียนที่นี่ งานกลุ่มมักจะมีคนทำอยู่คนเดียวและต้องใส่ชื่อเพื่อนอีก 5 คนเข้าไปด้วย ไม่งั้นจะโดนโกรธ
พอเรียกมาให้ทำงานเป็นกลุ่มก็ไม่ทำกัน คือไม่ลงแรง ลงแต่ปาก ใช้แต่ปากพูดเอาดีเข้าตัวปัดชั่วให้คนอื่น
โยงมาสู่สังคมทำงาน กลายเป็นว่าเป็นวัฏจักรที่คนไทยถูกคนต่างชาติมองว่า มีจุดอ่อนที่ไม่สามารถทำงานเป็นกลุ่มได้
คนไม่ทำงานแต่รู้จักประจบประแจงกลับได้เลื่อนตำแหน่ง แทนคนที่ทำงานหนักแต่ไม่เลียแข้งเลียขา
ทั้งนี้นั้น ถ้าใครรู้ตัวว่ากำลังเป็นหนึ่งในนักเรียน หรืออาจารย์ที่มีพฤติกรรมเช่นนั้น ก็อย่าได้โทษคนอื่นๆเลยเวลาเห็นว่าไทยก็ยังคงย่ำอยู่กับที่เรื่อยไป
หันมาปรับปรุงพฤติกรรมของตัวเองซะใหม่
ประเทศไม่เจริญเป็นเพราะใคร ก้มมองดูตัวเองซะ
ถ้าในอนาคตเรายังล้าหลังและสู้ประเทศเพื่อนเพื่อนไม่ได้ ก้มมองดูตัวเองซะ
การศึกษาควรจะช่วยพัฒนาศักยภาพของประชาชน แต่ตอนนี้(เอาแค่สถาบันนี้แล้วกัน)สถาบันการศึกษากำลังสอนให้
1. ใช้เงินซื้อปริญญา
2. ห้ามแสดงออก ห้ามแย้ง ห้ามโต้เถียง
3. ไม่ต้องรับผิดชอบต่อส่วนรวม (งานกลุ่ม)
4. การใช้คำพูด-ดันเกี่ยวกับบุคลิกภายนอกของผู้อื่นเป็นเรื่องปกติ
5. ไม่เคารพพื้นที่ส่วนตัวของคนอื่น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
หวังเป็นอย่างยิ่งว่า การศึกษาไทยจะพัฒนาไปได้ดีกว่านี้