ลุยเดี่ยวเที่ยวทั่วโลก ฉบับ “บุกแอฟริกา 4 ประเทศ 17 วัน” ตอนที่ 8 Lesotho อาณาจักรที่ถูกลืม (The Forgotten Kingdom)


ตอน สารบัญการเดินทาง
https://ppantip.com/topic/36521948
ตอนที่ 1 เยื้องย่างผ่านสิงคโปร์
https://ppantip.com/topic/36523872
ตอนที่ 2 คืนเบาๆ ใน South Africa
https://ppantip.com/topic/36528187
ตอนที่ 3 Soweto โลโก้สะท้อนการเหยียดสีผิว
https://ppantip.com/topic/36533506
ตอนที่ 4 อลังการม่านน้ำตกในหน้าแล้งที่ Victoria Falls
https://ppantip.com/topic/36539251
ตอนที่ 5 เหนื่อยแค่ไหนไม่หวั่น ชีวิตต้องมันส์ให้สุด (Zimbabwe)
https://ppantip.com/topic/36551394
ตอนที่ 6 อกหักจาก Table Mountain วิ่งไปซบอกน้องเพนกวินปลอบใจ
https://ppantip.com/topic/36570455
ตอนที่ 7 Sani Passครั้งหนึ่งในชีวิตพิชิตเส้นในฝันที่แอบอันตราย
https://ppantip.com/topic/36580682

เส้นทางตามแพลนแรกเริ่มที่เราตั้งใจจะไป Lesotho คือไปเขื่อน + น้ำตก แล้วค่อยเข้าเมืองหลวงเพื่อต่อเครื่องกลับ Johannesburg ตามแผนที่


แต่ปัญหาคือเราไม่สามารถเข้า Sani Pass ด้วยรถที่เราเช่ามา ทำให้เราต้องขับวนไปเข้าอีกด่าน รวมกับที่เราเป็นคนไม่ซื้อตั๋วล่วงหน้านานๆ คราวนี้เลยมีปัญหานิดหน่อย คือถ้ากลับวันที่ 5 พย. เพื่อที่จะเก็บให้ครบที่ที่อยากไป ราคาตั๋วจะแพงอีกมหาศาล (เท่าไหร่จำไม่ได้ แต่รู้ว่าไม่มีปัญญาจ่าย) เลยต้องจำใจจองตั๋ววันที่ 4 พย. นั่นหมายถึงจะมีเวลาอยู่ใน Lesotho แค่ 2 วันเต็มๆ (ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องขับรถ) สรุปเราเลยต้องตัด Dam ทิ้งไป (เศร้านิดๆ)


ว่าแล้วเราก็มาเริ่มทริปที่จะเข้า Lesotho กันเลยดีกว่า คราวนี้นอกจาก Passport แล้ว สิ่งที่ต้องมีอีกอย่างคือ Car Boarder Pass ซึ่งเรายังไม่มี เลยต้องวิ่งหาที่ปริ้นให้วุ่นวาย กว่าจะได้เอกสารครบพร้อมเดินทางก็ปาไปเกือบสิบโมง ตรงนี้เราจะต้องเติมน้ำมันก่อน เพราะที่ Lesotho หาปั้มน้ำมันยากมากๆ ไหนๆ ก็เติมน้ำมันแล้วเลยถามเด็กปั๊มไปในตัวว่าต้องไปยังไง เค้าเลยบอกให้ตรงไปถนนข้างๆ ปั๊ม เลี้ยงซ้ายตรง KFC แล้วขับตรงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องเลี้ยวอีก

มันช่างดูง่ายดายดีจัง เราก็ไปตามที่เค้าบอกเป๊ะๆ ขับตามรถคันอื่นๆ มา แต่พอถึงทางเลี้ยวคันอื่นเลี้ยวขวาหมด เราก็ยังคงตรงไปต่อ แบบว่าเชื่อเด็กปั๊ม แต่พอไปแล้วทางมันเริ่มแย่-แย่มาก ขับได้ 2 กิโลเมตรก็ไม่แน่ใจวนกลับมาตรงที่รถคันอื่นเลี้ยวขวา มาเห็นสถานที่ราชการอะไรซะอย่างเลยถามดู เค้าก็บอกให้ไปตามที่เด็กปั๊มบอก ตรงไปเรื่อยประมาณ 25 กิโลเมตรก็ถึง แล้วมันก็เป็นตามนั้น แต่กว่าจะถึงคือลำไส้กระเทือนแทบจะขย้อนออกมากองอยู่ข้างนอก

กว่าจะถึง ตม. แอฟริกาใต้ใช้เวลาเป็นชั่วโมง คำถามแรกที่อยากรู้คือ ถนนฝั่ง Lesotho จะเป็นแบบที่ผ่านมาหรือเปล่า ถ้าใช่นี่คงต้องใช้เวลาขับ 3 วันแบบไม่แวะพัก ถึงจะไปขึ้นเครื่องทัน แต่คำตอบของเจ้าหน้าที่ก็ทำให้เราชุ่มฉ่ำใจ เค้าบอกว่าถนนที่ Lesotho ดีกว่าฝั่งนี้มาก 555 เริ่มมีกำลังใจที่จะขับต่อไป

ตม. ฝั่งแอฟริกาใต้

พอมาถึงด่านตม. Lesotho คราวนี้ใจก็เริ่มไม่ดี ถ้าเค้าไม่ให้ใช้วีซ่าที่ทำมาเพราะด้านข้างมีปั๊มเข้าแล้วรอบนึงจะทำไงดี เรายื่นพาสปอร์ตไป เจ้าหน้าที่พลิกพลิกไปมาคุยอะไรกันยาวเหยียด เหมือนหาข้อสรุปไม่ได้ ส่วนเราก็ใจไปอยู่ที่ตาตุ่ม จะได้เข้ามั๊ยอ่ะเนี่ย รออยู่นานจนทนไม่ไหวบอกเค้าว่าขอเข้าไปอธิบายหน่อยละกัน เราก็ร่ายยาวเลยจ้าว่าเราไป Sani Pass มันไม่ต้องใช้วีซ่า แต่วีซ่าที่เราขอมาจาก Malaysia นี่เราจะใช้เข้าครั้งนี้ ทุกคนก็อ๋อ........ สรุปนะ ปัญหาของเราไม่ได้อยู่ที่ว่ามันเคยปั๊มเข้ามาแล้ว มันอยู่ที่เจ้าหน้าที่ตรงนั้นไม่รู้ว่ากระดาษเทาๆ คือวีซ่าเลโซโท

ตม. ฝั่งเลโซโท

ตอนผ่านด่านเราต้องเสียอีก 30 แลนเป็นค่าเอารถเข้า จากนั้นก็ขับมาจนมีทางแยกว่าจะไป A4 หรือ A5 โดย GPS บอกให้ไป A4 แต่ป้ายบอกว่าจะไป Semonkong ต้องไป A5 เราก็เชื่อป้าย เพราะคิดว่า GPS ยังไม่ Update ถนนเส้นใหม่ที่เพิ่งสร้าง

ถ้าถามว่าที่นี่ระหว่างทางมีอะไรให้ดูเยอะมั๊ย เราว่ามันต้องถามตัวเองก่อนว่าหวังว่าจะมาเจออะไรที่นี่ สำหรับเราไม่ได้คาดหวังอะไรเลย แล้วสองข้างทางนอกจากบ้านคนเป็นกระหย่อมๆ แล้วมันก็ไม่มีอะไรเลย แต่เราชอบ ชอบมากๆๆๆๆๆ เวลาขับรถที่นี่เหมือนทะยานขึ้นฟ้า สองข้างมีหินและหญ้า ด้านหน้าเป็นท้องฟ้า ไม่มีสิ่งก่อสร้างอะไรมารกหูรกตา เราว่าถนนแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้วในโลกนี้  เค้าถึงว่าที่นี่คือ Land of the Sky ท้องฟ้าก็ฟ๊าฟ้า


ขับไปขับมานึกว่ากำลังเล่น Roller Coaster ถนนมันโค้งไปโค้งมา แล้วก็ชันมาก มันวูปวาป แต่ขับแล้วมันสุดๆ ตลอดทางที่ขับมามีรถสวนกับเราไม่ถึง 5 คันเลยมั๊ง เหมือนถนนสร้างมาให้เราขับลองรถโดยเฉพาะ ขับมาสักพักก็จะถึงจุด View Point เป็นจุดถ่ายรูปที่มีแค่เราคนเดียว ไม่ต้องแย่งถ่ายกับใคร ชีวิตดี๊ดี จริงๆ แล้วต่อให้ไม่ใช่ View Point เราว่าวิวที่นี่มันก็มีความสวยในแบบของมัน (อันนี้เรารู้สึกของเราคนเดียว)


ต่อไปเราก็มุ่งหน้าสู่ Semonkong ตรงนี้จะมีที่พักบริการให้นักท่องเที่ยว และมีแค่ที่เดียว คือที่ Lesotho นี่ถ้าไม่ใช่เมืองหลวงกับแหล่งที่เค้าเขียนว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวแล้ว มันไม่มีที่บริการที่พักอีกเลย ที่ขับมาตลอดหลายชั่วโมงมันก็เป็นบ้านคนธรรมดา ไม่เห็นป้าย Hostel, Guesthouse หรือะไรทำนองนั้น


เราขับมาจนถึงปากทางเข้าที่พัก แต่คือยังหาไม่เจอเลยต้องถามคนแถวนั้น เค้าบอกให้ลงไปด้านล่างได้เลย ตรงปากทางเข้ามี "ลา" จอดอยู่มากมาย แรกๆ เราก็เข้าใจว่าเป็นลาบริการนักท่องเที่ยว มารู้ที่หลังว่าเป็นลาที่คนจากหมู่บ้านอื่นจูงมาซื้อของจากที่นี่เพื่อเอากลับไปอุปโภคบริโภค สรุปคนที่นี่ใช้ลาไม่ใช้รถ แล้วจะสร้างถนนอลังการมาเพื่อ???

มาถึงที่พักได้ห้องที่เป็น Dorm ที่อยู่สูงมากๆ ต้องปีนเขาขึ้นไป เก็บข้าวของเสร็จแล้วก็มาหาอะไรกิน ที่นี่ไม่มี Wifi ไม่มีสัญญาณมือถือ เป็นการใช้ชีวิตที่ตัดขาดโลกภายนอกอย่างแท้จริงๆ แรกๆ ว่าจะอยู่สักสองคืน (ตอนที่ยังไม่รู้ราคาตั๋วเครื่องบิน) แต่ถ้าไม่มีอินเตอร์เนทแล้วจะจองตั๋วยังไง เอาเป็นว่าอยู่คืนเดียวก่อนแล้วค่อยคิดว่าเอาไงต่อดี (ชีวิตช่างเรื่อยเปื่อยจริงๆ)


เก็บข้าวของเสร็จแล้วเราก็ไปเดินชมบริเวณรอบๆ จริงๆ มี Activities ให้เลือกมากมาย แต่เรามาสายไปมันไม่ทันที่จะทำอะไรซะอย่าง เราเลยตัดสินใจไปเดินดูน้ำตกใกล้ๆ ดีกว่า ไปแบบไม่มีไกด์ ไม่มีแผนที่ แล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น.....แน่นอน!!! เรา “หลงทาง” อีกตามเคย


หลังจากเดินถ่ายรูปบริเวณรอบๆ เสร็จแล้วเราก็กลับเข้าห้องเตรียมตัวนอน เพราะพรุ่งนี้เราจะไป Semonkong Falls แต่เช้าเลย

ปล. หลังจากตอนนี้ข้อมูลอาจไม่เยอะมาก เพราะเขียน Diary ถึงแค่วันนี้ นอกนั้นต้องขุดมาจากความทรงจำล้วนๆ ต้องขออภัยคนอ่านล่วงหน้าด้วยนะคะ
ปล2. ตอนต่อไปเดี๋ยวขอต่อในคอมเม้นท์นะคะ เพราะมันไม่มีเนื้อหาอะไรมาก รอติดตามกันนะคะ

ฝากติดตามเฟจเราด้วยนะคะ
https://www.facebook.com/ladylonelyplanet/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่