Green Season ใครว่าฤดูฝนไม่น่าเที่ยว แต่เราว่า ฤดูฝนนี่แหละน่าเที่ยวสุดๆ เพราะอะไรรู้ไหม?
ก็ต้นไม้ใบหญ้ามันผลิใบเขียวขจี มองไปทางไหนก็รู้สึกสดชื้นไปหมด ยิ่งฝนเพิ่งหยุดตกใหม่ๆ ก็จะได้กลิ่นดิน และอากาศเย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าวอีกด้วย
กาญจนบุรี จังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลายหลาย เหมาะแก่การมาทำกิจกรรมท่องเที่ยว และผักผ่อนเป็นอย่างมาก การรเดินทางของเราในครั้งนี้ขอเลือกอำเภอไทรโยคและสังขละบุรีเป็นจุดหมายปลายทาง...
สถานที่แรกของเราในวันนี้คือ เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ เป็นเมืองจำลองย้อนยุควิถีชีวิตและบ้านเรือน ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ต้องบอกเลยว่าเขาทำออกมาได้ดีเยี่ยมเลยจริงๆ เก็บทุกลายระเอียดของความเป็นไทยเลยก็ว่าได้ แค่ประตูทางเขาก็ใหญ่โตอลังการมากแล้วจริงๆ
เมื่องมัลลิกามีค่าเข้า 200 บาท และค่าเช่าชุดไทยอยู่ที่ 200 บาท สำหรับชุดผู้หญิงเป็นแบบสไบนะคะ ถ้าเป็นชุดแบบรัชกาลที่ 5 ก็จะราคา 300 บาท ส่วนผู้ชายชุดละ 100 บาท
ผ่านหน้าประตูเข้ามาเราก็จะเจอกับสะพานหัน ด้านในจะมีร้านค้าจำลอง ขายของแบบไทยๆ
สะพานหัน
ด้านในของสะพานหัน มีร้านค้าต่างๆ
ร้านขายผ้าไหม และของที่ระลึกเล็กๆ น่ารักๆ บนสะพานหัน
สวัสดีค่ะคุณยาย ขายอะไรคะ?
เดินผ่านสะพานหันเข้ามาจะเจอกับย่านการค้าแบบนี้เลย ย่านนี้เป็นย่านการค้าถ้าจะซื้อของแต่งแรกเงินเป็นเงินเหรียญสตางค์นะเจ้าคะ
ย่านต่างๆ ก็จะมีชื่อเรียกดังนี้ค่ะ ย่านถนนแพร่ง ถนนแพร่งภูธร ถนนแพร่งสรรพศาสตร์ ย่านบางรัก และ ย่านเยาวราช ซึ่งสาวๆ อย่างเราก็เดินได้ไม่ครบค่ะ เพราะอากาศร้อนค่ะ เพื่อนเราเหนื่อย เสียดายมากๆ เลย ถ้ามีโอกาศไปอีกจะเดินให้ครบเลยค่ะ
ธนาคารสำหรับแลกเงิน 5 บาท = 1 สตางค์ เป็นเงินเหรียญแบบโบราณ มีรูตรงกลาง เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู
ร้านค้าก็จะขายพวกอาหารไทย ขนมไทยต่างๆ เราว่ามีเสน่ห์มากเลยนะ และหาทานในปัจจุบันค่อนข้างยากด้วย
ขนมช่อม่วง หน้าตาสวยงามเชียว
ขนมลูกชุบ ท่ำกันให้ดูจะๆ กันไปเลย
แม่บัวตูม ซื้อลูกชุบมาทานเจ้าค่ะ
สนใจก็มาเลือกซื้อได้นะขอรับ
ผ้าโจงหลุด ใส่โจงกันกลางตลาดๆ เลยทีเดียว 55555
สิ่งที่เราชอบมากที่สุดคืออันนี้เลย เก็บลายละเอียดความเป็นไทยได้ดีมาก เขาไม่ลืมว่าบ้านเรือนสมัยก่อนชอบผู้คนมีน้ำใจ ชอบตั้งที่ใส่น้ำฝนไว้ให้คนได้ทาน แสดงถึงความมีน้ำใจของคนไทยได้ดีจริงๆ
แม่จำปาจะพาเดินเที่ยว ในเมืองนะเจ้าคะ (ยิ้มอ่อน)
แม่จำปีมาถึงหน้าเรื่อนคหบดีแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะพาขึ้นเรื่อนไปชมด้านบนนะเจ้าคะ ^_^
หน้าเรือนคหบดี
บัวตูม บัวบาน จำปี ขอขึ้นเรือนคุณหลวงหน่อยนะเจ้าคะ
ห้องรับรองแขกของเรือน
เจอนักท่องเที่ยวถ่ายรูปอยู่ ชอบมากเลย ตรงที่คนอื่นๆ ก็ใส่ชุดด้วย ให้บรรยากาศย้อนยุคมากเลยจริงๆ
กระจกวิเศษ จงบอกข้าเถิด ว่าบัวบานงามเลิศที่สุดในปฐพีใช่ไหม?
จำปาออกมารอผู้ ที่หน้าห้องเจ้าค่ะ
พี่มากขาาาาา จำปารออยู่ทางนี้เจ้าค่ะ
จำปากับนางทาศทั้งสอง
เวลาลมพัดสวยจริงๆ เขาเรียกว่าอะไรนะ อันนี้?
จำปา จะพาไปชมที่หมู่บ้านท้ายนา ตามจำปามาเลยเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้อากาศร้อนมากเลย อย่าลืมพกร่มมาด้วยนะเจ้าคะ
มีการแสดงวิถีชีวิตชาวบ้านง่ายๆ ที่นี่
คุณลุงกำลังฟัดข้าวอยู่พอดี
มีการสอนโม่ข้าว ให้พวกเราได้ลองทำด้วยค่ะ สนุกไปอีกแบบหนึ่ง
บัวตูมขอลองทำบ้างนะเจ้าคะ
จำปา และบัวบานลองตำข้าวดูค่ะ เหมาะกับพวกเรามากเลยค่ะ สงสัยต้องลาออกจากงานมาตำข้าวกันแล้ว
คุณป้าฉลวยกำลังเลือกเปลือกข้าวออก
จะไปไหนกันเหรอคะ?
จำปี จะไปเรือนใหญ่ค่ะ แต่เสียดายไปไม่ถึงเพราะเพื่อนเหนื่อยกันแล้ว ถ่ายรูปเหนื่อยอะค่ะ ได้ไปพันกว่ารูปแล้ว
ขอชักภาพสักรูปสองรูปเจ้าคะ
บรรยากาศรอบๆ เมืองมัลลิกา เดินไปไม่ถึงตรงนั้น ไว้ถ้ามีโอกาสคราวหน้าจะกลับมาถ่ายรูปรีวิวให้ใหม่นะคะ
เราเดินทางต่อจากเมืองมัลลิกา มาอีกไม่ไกลมาก เพื่อเข้าที่พักค่ะ เราจองที่พักไว้กับ เดอะ ริเวอร์แคว พาราไดซ์ โดยจองแบบแพ็คเกจ 950 บาท/คน รวมที่พัก อาหารเช้า ทริปล่องแพ และอาหารเย็น เป็นห้องแบบ 4 ท่านนะคะ ราคาถูกไม่แพงมาก แถมได้นอนบนแพริมน้ำ บรรยากาศดี บอกเลยว่าเกินคุ้มค่ะ
ภาพภายในห้องค่ะ ห้องพักสะอาด ขอโทษทีถ่ายไม่ทัน เพื่อนเข้าไปก่อน เลยได้รูปมาไม่กี่รูปค่ะ เป็นห้องแอร์นะคะ เสียอย่างเดียว ไม่มีตู้เย็นกับโทรทัศน์
ภายในห้องน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่น
บรรยากาศหน้าห้องของเราได้ห้องมุมพอดี
นั่งห้อยขาจุ่มน้ำ ชมวิว ฟินสุดๆ น้ำอาจจะสีขุ่นหน่อย เพราะฝนเพิ่งตก พนักงานบอกว่า ถ้าฝนไม่ตกน้ำที่นี่จะใส่มากเห็นพื้นด้านล่างเลย
มีเก้าอี้ให้นั่งชมบรรยากาศ
แพหน้าห้องพัก ขอนอนพักแพรบบบบ เดี๋ยวตอนเย็นออกไปล่องแพกันค่ะ
เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เตรียมไปเล่นน้ำกัน อ่อ ด้านบนรีสอร์ทมีสระว่ายน้ำด้วยนะ แต่มาทั้งทีกระโดดน้ำในแม่น้ำดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
16.00 น ได้เวลาออกไปล่องแพกันแล้วค่ะ ก็จะเป็นแพแบบนี้เลย วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ ไม่ค่อยมีนั่งท่องเที่ยว มีพวกเรา 4 คนนี่แหละ บนแพ Private tour จริงๆ แบบนี้แหละที่เราชอบ ไม่ต้องแออัด ไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูป
เรือจะลากแพเลยจากที่พักมาหน่อยหนึ่งแล้ว แล้วปล่อยให้พวกเรากระโดดลงไปในน้ำ จากนั้นเรือก็จะแล่นนำไปรอข้างหน้าตรงจุดสิ้นสุด ปล่อยให้พวกเราลอยคอไปตามแม่น้ำ
ระหว่างลอยคอก็จะผ่านรีสอร์ทต่างๆ น้ำเย็นมาก เย็นจนสั่นเลยค่ะ
อันนี้เป็นแพอีกแพที่แล่นผ่านเราไป ระหว่างที่เราลอยคออยู่ในน้ำ
เมื่อถึงจุดเล่นน้ำที่เป็นหาดหิน ก็เป็นจุดสิ้นสุดทริปล่องแพของเราค่ะ เรือจะรออยู่ตรงนั้นให้เราเล่นน้ำกันสักพักก่อนจะพาเราล่องกลับที่พัก
อาหารเย็นที่รวมอยู่ในแพ็คเกจที่เราจองมา อาหารอร่อย มีผลไม้และของหวาน ที่ชอบที่สุดคือน้ำพริกกะปิกับผักทอดอร่อยมาก คุ้มอ่ะ
พอตกเย็นเราก็ออกมานั่งเล่นกันข้างนอก ที่นี่มีไวไฟฟรีให้ด้วยนะ แรงเร็วทะลุนรกมาก
บรรยากาศตอนเย็นก็สวยไปอีกแบบ
ไม่มียุง นั่งได้
สโลไลฟ์สุดๆ ที่นี่มีบริการนวดด้วยนะ ราคาถูกสุดๆ อีกตามเคย ราคาชั่วโมงละ 200 บาท หมอนวดก้ฝีมือดีด้วย
ตื่นเช้ามามีหมอก เป็นอะไรที่ฟินเวอร์ เหมือนอยู่ในฝันเลย
เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ ขอไปกินข้าวแปรบบบบ
[CR] กาญ Green Green 3 วัน 2 คืน จากไทรโยคถึงสังขละบุรี
ก็ต้นไม้ใบหญ้ามันผลิใบเขียวขจี มองไปทางไหนก็รู้สึกสดชื้นไปหมด ยิ่งฝนเพิ่งหยุดตกใหม่ๆ ก็จะได้กลิ่นดิน และอากาศเย็นสบายไม่ร้อนอบอ้าวอีกด้วย
กาญจนบุรี จังหวัดที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวมากมายหลายหลาย เหมาะแก่การมาทำกิจกรรมท่องเที่ยว และผักผ่อนเป็นอย่างมาก การรเดินทางของเราในครั้งนี้ขอเลือกอำเภอไทรโยคและสังขละบุรีเป็นจุดหมายปลายทาง...
สถานที่แรกของเราในวันนี้คือ เมืองมัลลิกา ร.ศ.๑๒๔ เป็นเมืองจำลองย้อนยุควิถีชีวิตและบ้านเรือน ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ต้องบอกเลยว่าเขาทำออกมาได้ดีเยี่ยมเลยจริงๆ เก็บทุกลายระเอียดของความเป็นไทยเลยก็ว่าได้ แค่ประตูทางเขาก็ใหญ่โตอลังการมากแล้วจริงๆ
เมื่องมัลลิกามีค่าเข้า 200 บาท และค่าเช่าชุดไทยอยู่ที่ 200 บาท สำหรับชุดผู้หญิงเป็นแบบสไบนะคะ ถ้าเป็นชุดแบบรัชกาลที่ 5 ก็จะราคา 300 บาท ส่วนผู้ชายชุดละ 100 บาท
ผ่านหน้าประตูเข้ามาเราก็จะเจอกับสะพานหัน ด้านในจะมีร้านค้าจำลอง ขายของแบบไทยๆ
สะพานหัน
ด้านในของสะพานหัน มีร้านค้าต่างๆ
ร้านขายผ้าไหม และของที่ระลึกเล็กๆ น่ารักๆ บนสะพานหัน
สวัสดีค่ะคุณยาย ขายอะไรคะ?
เดินผ่านสะพานหันเข้ามาจะเจอกับย่านการค้าแบบนี้เลย ย่านนี้เป็นย่านการค้าถ้าจะซื้อของแต่งแรกเงินเป็นเงินเหรียญสตางค์นะเจ้าคะ
ย่านต่างๆ ก็จะมีชื่อเรียกดังนี้ค่ะ ย่านถนนแพร่ง ถนนแพร่งภูธร ถนนแพร่งสรรพศาสตร์ ย่านบางรัก และ ย่านเยาวราช ซึ่งสาวๆ อย่างเราก็เดินได้ไม่ครบค่ะ เพราะอากาศร้อนค่ะ เพื่อนเราเหนื่อย เสียดายมากๆ เลย ถ้ามีโอกาศไปอีกจะเดินให้ครบเลยค่ะ
ธนาคารสำหรับแลกเงิน 5 บาท = 1 สตางค์ เป็นเงินเหรียญแบบโบราณ มีรูตรงกลาง เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดู
ร้านค้าก็จะขายพวกอาหารไทย ขนมไทยต่างๆ เราว่ามีเสน่ห์มากเลยนะ และหาทานในปัจจุบันค่อนข้างยากด้วย
ขนมช่อม่วง หน้าตาสวยงามเชียว
ขนมลูกชุบ ท่ำกันให้ดูจะๆ กันไปเลย
แม่บัวตูม ซื้อลูกชุบมาทานเจ้าค่ะ
สนใจก็มาเลือกซื้อได้นะขอรับ
ผ้าโจงหลุด ใส่โจงกันกลางตลาดๆ เลยทีเดียว 55555
สิ่งที่เราชอบมากที่สุดคืออันนี้เลย เก็บลายละเอียดความเป็นไทยได้ดีมาก เขาไม่ลืมว่าบ้านเรือนสมัยก่อนชอบผู้คนมีน้ำใจ ชอบตั้งที่ใส่น้ำฝนไว้ให้คนได้ทาน แสดงถึงความมีน้ำใจของคนไทยได้ดีจริงๆ
แม่จำปาจะพาเดินเที่ยว ในเมืองนะเจ้าคะ (ยิ้มอ่อน)
แม่จำปีมาถึงหน้าเรื่อนคหบดีแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวจะพาขึ้นเรื่อนไปชมด้านบนนะเจ้าคะ ^_^
หน้าเรือนคหบดี
บัวตูม บัวบาน จำปี ขอขึ้นเรือนคุณหลวงหน่อยนะเจ้าคะ
ห้องรับรองแขกของเรือน
เจอนักท่องเที่ยวถ่ายรูปอยู่ ชอบมากเลย ตรงที่คนอื่นๆ ก็ใส่ชุดด้วย ให้บรรยากาศย้อนยุคมากเลยจริงๆ
กระจกวิเศษ จงบอกข้าเถิด ว่าบัวบานงามเลิศที่สุดในปฐพีใช่ไหม?
จำปาออกมารอผู้ ที่หน้าห้องเจ้าค่ะ
พี่มากขาาาาา จำปารออยู่ทางนี้เจ้าค่ะ
จำปากับนางทาศทั้งสอง
เวลาลมพัดสวยจริงๆ เขาเรียกว่าอะไรนะ อันนี้?
จำปา จะพาไปชมที่หมู่บ้านท้ายนา ตามจำปามาเลยเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้อากาศร้อนมากเลย อย่าลืมพกร่มมาด้วยนะเจ้าคะ
มีการแสดงวิถีชีวิตชาวบ้านง่ายๆ ที่นี่
คุณลุงกำลังฟัดข้าวอยู่พอดี
มีการสอนโม่ข้าว ให้พวกเราได้ลองทำด้วยค่ะ สนุกไปอีกแบบหนึ่ง
บัวตูมขอลองทำบ้างนะเจ้าคะ
จำปา และบัวบานลองตำข้าวดูค่ะ เหมาะกับพวกเรามากเลยค่ะ สงสัยต้องลาออกจากงานมาตำข้าวกันแล้ว
คุณป้าฉลวยกำลังเลือกเปลือกข้าวออก
จะไปไหนกันเหรอคะ?
จำปี จะไปเรือนใหญ่ค่ะ แต่เสียดายไปไม่ถึงเพราะเพื่อนเหนื่อยกันแล้ว ถ่ายรูปเหนื่อยอะค่ะ ได้ไปพันกว่ารูปแล้ว
ขอชักภาพสักรูปสองรูปเจ้าคะ
บรรยากาศรอบๆ เมืองมัลลิกา เดินไปไม่ถึงตรงนั้น ไว้ถ้ามีโอกาสคราวหน้าจะกลับมาถ่ายรูปรีวิวให้ใหม่นะคะ
เราเดินทางต่อจากเมืองมัลลิกา มาอีกไม่ไกลมาก เพื่อเข้าที่พักค่ะ เราจองที่พักไว้กับ เดอะ ริเวอร์แคว พาราไดซ์ โดยจองแบบแพ็คเกจ 950 บาท/คน รวมที่พัก อาหารเช้า ทริปล่องแพ และอาหารเย็น เป็นห้องแบบ 4 ท่านนะคะ ราคาถูกไม่แพงมาก แถมได้นอนบนแพริมน้ำ บรรยากาศดี บอกเลยว่าเกินคุ้มค่ะ
ภาพภายในห้องค่ะ ห้องพักสะอาด ขอโทษทีถ่ายไม่ทัน เพื่อนเข้าไปก่อน เลยได้รูปมาไม่กี่รูปค่ะ เป็นห้องแอร์นะคะ เสียอย่างเดียว ไม่มีตู้เย็นกับโทรทัศน์
ภายในห้องน้ำ มีเครื่องทำน้ำอุ่น
บรรยากาศหน้าห้องของเราได้ห้องมุมพอดี
นั่งห้อยขาจุ่มน้ำ ชมวิว ฟินสุดๆ น้ำอาจจะสีขุ่นหน่อย เพราะฝนเพิ่งตก พนักงานบอกว่า ถ้าฝนไม่ตกน้ำที่นี่จะใส่มากเห็นพื้นด้านล่างเลย
มีเก้าอี้ให้นั่งชมบรรยากาศ
แพหน้าห้องพัก ขอนอนพักแพรบบบบ เดี๋ยวตอนเย็นออกไปล่องแพกันค่ะ
เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เตรียมไปเล่นน้ำกัน อ่อ ด้านบนรีสอร์ทมีสระว่ายน้ำด้วยนะ แต่มาทั้งทีกระโดดน้ำในแม่น้ำดีกว่า เดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง
16.00 น ได้เวลาออกไปล่องแพกันแล้วค่ะ ก็จะเป็นแพแบบนี้เลย วันที่เราไปเป็นวันอาทิตย์ ไม่ค่อยมีนั่งท่องเที่ยว มีพวกเรา 4 คนนี่แหละ บนแพ Private tour จริงๆ แบบนี้แหละที่เราชอบ ไม่ต้องแออัด ไม่ต้องแย่งกันถ่ายรูป
เรือจะลากแพเลยจากที่พักมาหน่อยหนึ่งแล้ว แล้วปล่อยให้พวกเรากระโดดลงไปในน้ำ จากนั้นเรือก็จะแล่นนำไปรอข้างหน้าตรงจุดสิ้นสุด ปล่อยให้พวกเราลอยคอไปตามแม่น้ำ
ระหว่างลอยคอก็จะผ่านรีสอร์ทต่างๆ น้ำเย็นมาก เย็นจนสั่นเลยค่ะ
อันนี้เป็นแพอีกแพที่แล่นผ่านเราไป ระหว่างที่เราลอยคออยู่ในน้ำ
เมื่อถึงจุดเล่นน้ำที่เป็นหาดหิน ก็เป็นจุดสิ้นสุดทริปล่องแพของเราค่ะ เรือจะรออยู่ตรงนั้นให้เราเล่นน้ำกันสักพักก่อนจะพาเราล่องกลับที่พัก
อาหารเย็นที่รวมอยู่ในแพ็คเกจที่เราจองมา อาหารอร่อย มีผลไม้และของหวาน ที่ชอบที่สุดคือน้ำพริกกะปิกับผักทอดอร่อยมาก คุ้มอ่ะ
พอตกเย็นเราก็ออกมานั่งเล่นกันข้างนอก ที่นี่มีไวไฟฟรีให้ด้วยนะ แรงเร็วทะลุนรกมาก
บรรยากาศตอนเย็นก็สวยไปอีกแบบ
ไม่มียุง นั่งได้
สโลไลฟ์สุดๆ ที่นี่มีบริการนวดด้วยนะ ราคาถูกสุดๆ อีกตามเคย ราคาชั่วโมงละ 200 บาท หมอนวดก้ฝีมือดีด้วย
ตื่นเช้ามามีหมอก เป็นอะไรที่ฟินเวอร์ เหมือนอยู่ในฝันเลย
เดี๋ยวมาต่อให้นะคะ ขอไปกินข้าวแปรบบบบ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น