แชร์ประสบการณ์ เยี่ยมผู้ต้องขังที่เรือนจำคลองเปรม

ขอเกริ่นก่อนเลยว่า กระทู้นี้เป็นเพียงการเล่าถึงประสบการณ์การเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังหรือนักโทษ ณ เรือนจำคลองเปรม ก่อนหน้านี้หลายๆสื่ออาจมีการพูดถึงคดีของคุณแพทและเบนซ์เรซซิ่ง หรือคดีฆาตกรรมฆ่าหั่นศพที่เขาสวนกวาง หลายๆท่านอาจจะได้อ่านหรือรับรู้ประสบการณ์การใช้ชีวิตอยู่ภายในนั้น ว่าแต่ล่ะวันผ่านไปยากลำบากเพียงใดทางเจ้าของกระทู้จึงอยากจะเขียนกระทู้นี้ขึ้น เพื่อเป็นเล่าถึงความรู้สึกของบุคคลภายนอก ที่ต้องเข้าไปเยี่ยมคนที่รักว่ามีความรู้สึกเช่นไร

          ขออนุญาติเรียกแทนตัวเองว่าเรานะคะ เราได้มีโอกาสไปเยี่ยมพี่ชายของเรา ที่เรือนจำคลองเปรมค่ะ พอพูดถึงเรือนจำ หลายๆคนก็อาจสงสัยว่า มีความผิดอะไรหรอถึงต้องเข้าไปใช้ส่วนหนึ่งของชีวิตในเรือนจำ

          สำหรับพี่ชายของเรานั้น เป็นเพียงวัยรุ่นที่เลือกทางเดินผิด ไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ขออนุญาตไม่พูดถึงเรื่องคดีความนะคะ

          สำหรับการเข้าเยี่ยมนะคะ เริ่มแรกเมื่อเข้าไปถึงภายในเรือนจำ เขาจะแยกเป็นแดนชายและหญิง การที่จะเข้าเยี่ยมได้ต้องยื่นบัตรประชาชน และถ่ายรูปทุกครั้ง จากนั้นเราจะได้กระดาษที่เป็นเหมือนสลิป มีข้อมูลทั้งหมดที่ปรากฏบนบัตรประชาชนเรา และข้อมูลของผู้ต้องขัง โดยจะระบุรอบที่จะได้เข้าเยี่ยม เช่นรอบที่7เวลา12.00 ช่องที่60

หากจะขยายความคือ เมื่อถึงเวลา 12.00 เราจะได้เดินเข้าไปตามทาง ซึ่งไม่อนุญาตให้นำอะไรเข้าไปเลยยกเว้นสลิปที่แจ้งข้อมูลการเข้าเยี่ยมของเราและปากกา

สำหรับผู้ที่มีของส่วนตัวเช่น โทรศัพท์มือถือ กระเป๋าเงิน จะต้องเก็บไว้ในล็อคเกอร์ และจะต้อง "เตรียมแม่กุญแจ" เพื่อล็อคไปด้วยตนเอง แต่ถ้าหากไม่ได้เตรียมไป ภายในก็จะมีขาย

เมื่อเก็บของที่ล็อคเกอร์เสร็จ ก็จะมีเจ้าหน้าที่ตรวจร่างกาย เพื่อนที่จะผ่านเข้าไปถึงห้องเยี่ยม  โดยจุดนี้ ผู้ที่แต่งตัวไม่เรียบร้อยเท่าที่เราเห็นคือผู้ชายที่ใส่กางเกงขาสั้นไม่อนุญาตให้เข้าเยี่ยม แต่สำหรับผู้หญิง เราไม่แน่ใจว่าเข้มงวดความสั้นยาว ความสุภาพของชุดที่สวมใส่เท่าของผู้ชายหรือไม่นะคะ

จากนั้นพอผ่านจุดตรวจร่างกายไปได้ ต้องวิ่งค่ะ วิ่งลูกเดียว อยากคุยกับผู้ต้องขังนานเท่าไหร่ต้องวิ่งให้เร็วมากเท่านั้นค่ะ เพราะอะไรนะหรอคะ "เวลา" ค่ะ นับตั้งแต่วินาทีที่เก็บของที่ล็อคเกอร์ จนถึงวินาทีสุดท้ายที่ได้คุย คือ 20 นาทีค่ะ

นึกภาพตามนะคะทางเดินจะเป็น ทางกว้างประมาณ1เมตร มี ลวดดัดไว้ไปแนวตลอดทางเดิน คือเราจะเดินนอกเส้นทางไปไหนไปได้เลยค่ะ เดินไปสัก30เมตร ก็จะมีห้องค่ะ เป็นห้องยาวที่มีกระจกหนามากๆกั้นไว้มีเหล็กกั้นและมีลวดซี่ถี่ๆ กั้นไว้อีกชั้นนึง ทั้งหมด3ชั้นเลย

ห้องนี้จะยาวมากๆ แบ่งเป็นล็อกๆ ทั้งหมดประมาณ80ล็อกล็อกที่ติดประตูทางเข้าคือล็อกที่80ค่ะ แล้วคิดดูนะคะล็อกที่1คือล็อกที่อยู่ในสุด ญาติผู้ต้องขังที่ได้เยี่ยมในล็อกที่1ต้องเดินไกลขนาดไหน แล้ว20นาที แค่เดินไปก็จะหมดเวลาแล้วค่ะ เหลือเวลาที่เราได้พูดคุยแค่ไม่กี่นาทีเอง อย่างที่บอกไงคะ อยากคุยกันนานเท่าไหร่ค้องวิ่งให้ไวเท่านั้น

บรรยากาศตอนเข้าไปเยี่ยม เราก็จะได้อยู่คนล่ะฝากนึงกับผู้ต้องหาพูดคุยกันผ่านทางโทรศัพท์ที่มีไว้ให้

มีทั้งความหดหู่ เศร้าใจ และดีใจปะปนกันไป ผู้ต้องขังบางคนก็ดีใจที่มีญาติมาเยี่ยม แต่ก็ต้องเศร้าใจที่ทำได้เพียงแค่พูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ กว่าครึ่งจะเปนภรรยามาเยี่ยมสามีพร้อมลูกตัวน้อย เด็กบางคนก็จำพ่อของตัวเองไม่ได้ก็ร้องไห้งอแงกับสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน

คิดดูนะคะ มีผู้ต้องหาประมาณ80คน คนนึงมีญาติมาเยี่ยมประมาณ 4-5คน จะแออัดขนาดไหน แต่ก็นั้นแหละค่ะ ตอนนั้นไม่มีใครสนใจหรอกว่าคนจะเยอะ ใครจะร้องไห้ ใครจะเสียใจ สนใจเพียงที่จะได้พูดคุยกับผู้ต้องหาที่เรามาเยี่ยมเพียงอย่างเดียว

สำหรับพี่ชายของเรา เขามีโทษประมาณ 4ปีค่ะ ตอนนี้ผ่านมาได้ประมาณ 6เดือนแล้ว แม่เราไม่ค่อยได้ไปหรอกค่ะ ไปมาล่าสุดเมื่อประมาณ 2เดือนที่แล้ว ส่วนเราครั้งนี้เป็นครั้งแรกค่ะ. พี่เราดีใจนะคะที่ครั้งนี้แม่มาเยี่ยม เพราะตอนที่พี่เขาอยู่ข้างนอก ก็ไม่ได้ทำตัวเป็นเด็กที่ดีสักเท่าไหร่ แต่พอเข้าไปอยู่ข้างในเขาก็คงรู้สึกผิดที่ทำให้แม่และคนอื่นๆเดือดร้อน บางครั้งสงสัยพี่เขากลัวแม่จะลืม ก็ส่งจดหมายจากข้างในออกมาบ้าง ช่วงแรกๆก็บอกว่าเขาอยู่ในนี้ไม่ได้นะ แม่ไม่คิดจะมาเขาหน่อยหรอ

พอวันนี้แม่ไปก็ทวงใหญ่เลยไม่ได้รับจดหมายเขาเลยหรอถึงไม่ตอบกลับมา แหม่ จดหมายเปิดผนึกส่งมาตั้งแต่วันที่ 5. ถึงบ้านเราวันที่ 20 กว่าๆ

สำหรับผู้ต้องขังในนั้นการไปเยี่ยมครั้งนึงถือว่าเป็นกำลังใจให้ไปอีกหลายสัปดาห์เลยนะคะ เพราะพี่ชายเรา เข้าไปอยู่ข้างในแรกๆ ก็นั่งรอแม่มาเยี่ยมทุกวัน ผ่านไปสักสัปดาห์นึง เขาก็เขียนจดหมายมาบอกว่าเขาเริ่มอยู่ได้แล้ว ทำใจได้แล้ว จะทำตัวให้เป็นนักโทษชั้นดี เพื่อที่จะได้ออกจากที่นี่ได้เร็วๆ

พี่เรายังเล่าอีกว่า บางทีผู้ต้องขังด้วยกันเอง ก็เอาปมด้อยของคนอื่นๆมาพูดให้เป็นเรื่องสนุกสนาน เช่นเรื่องของพี่ชายเรา คนในนั้นก็จะพูดล้อว่า ไม่มีคนมาเยี่ยมเลย ไหนบอกว่าแม่จะมาเยี่ยม ครอบครัวไม่สนใจหรอ พี่เราก็น้อยใจสิคะ แต่เค้านึกถึงคำที่แม่เราบอกไว้เสมอว่า อยู่ข้างในนั้น อย่าไปมีเรื่องกับใคร พี่เราเลยอดทนอดกลั้นเอาไว้

วันนี้พี่เราก็คงจะไม่โดนล้อไปอีกหลายวัน เพราะแม่ไปเยี่ยมแล้ว ยิ้ม การที่ไปเยี่ยมแต่ละครั้งนั้น ญาติจะฝากเงินให้ผู้ต้องขังหรือฝากเป็นของสด ของแห้ง แก่ผู้ต้องขังได้ ถ้าฝากเป็นเงินสด ผู้ต้องขังก็จะเบิกเงินไว้ใช้ภายในได้ ส่วนถ้าฝากของแห้ง ก็จะมีเป็นรายการ แต่ล่ะรายการจะมีโค้ดไว้ เมื่อญาติพูดคุยกับผู้ต้องขังจนครบกำหนดเวลา เมื่อออกมาต้องการจะฝากของสดหรือของแห้งแก่ผู้ต้องขัง ก็มาที่ๆเหมือนโรงอาหาร ล่ะจะมีป้ายรายการและโค้ดของสิ่งของต่างๆไว เราต้องการจะซื้ออะไรให้ผู้ต้องขังไปเบิกใช้ภายใน ก็จดรายการใส่กระดาษไว้ แล้วนำไปชำระเงิน เช่น เราต้องการซื้อยาสีฟันให้ผู้ต้องขังไปเบิกไว้ใช้ภายในเรือนจำ เราก็จดรายการยาสีฟัน โค้ด 1234 ราคา 20 บาท จำนวน 1 หลอด แล้วก็ชำระเงิน

โดยรายการของสดและของแห้ง มีตั้งแต่มาม่า ยาสีฟัน แปรงสีฟัน สบู่ โฟมล้างหน้า น้ำอัดลม ขาหมู ต้มยำอาหารญีปุ่น สเต๊ก สปาเกตตี้ ปลากระป๋อง คือครบครันนะคะ ส่วนราคา บอกเลยว่าไม่แตกต่างจะภายนอกค่ะ มาม่า6บาท ข้าวผัดกระเพรา 40บาท

ส่วนสังคมภายใน ก็เป็นอย่างที่ทุกๆคนทราบนั้นแหละค่ะ มันไม่ได้งดงามค่ะ มันคือดาร์กเวิร์ดดีๆนี่เอง นั่นแหละ ผลที่ได้รับก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของเรา ทำแบบไหนก็ได้แบบนั้น

พอครบ20นาที โทรศัพท์ที่ใข้พูดคุยกับผู้ต้องขังก็จะตัดไฟไป พร้องเสียงออดดังๆหนึ่งครั้ง เป็นสัญญาณที่ทุกคนเข้าใจกันว่า เวลาได้จบลงเพียงเท่านี้แล้ว ไม่ว่าพวกคุณจะพูดคุยอะไรกันอยู่ เมื่อหมดเวลา ผู้ต้องขังก็ต้องลุกขึ้นกลับกับไปชดใช้ความผิดภายในนั้นต่อไป ส่วนผู้ที่มาเยี่ยมก็จะถูกไล่ต้อนให้กลับออกไปใช้ชีวิตภายนอกตามเดิม

พิมในมือถืออาจมีคำผิดบ้างนะคะ เป็นกระทู้ที่เล่าประสบการณ์ครั้งแรก อาจดูมึนงงใช้คำไม่เหมาะสม ต้องขออภัยด้วยนะคะ

ขอบคุณสำหรับการสละเวลาอ่าน

เราต้องการเพียงจะสื่อให้ทุกๆคนรู้ว่า ไม่ใช่เพียงแค่ผู้ต้อขังเท่านั้นที่แต่ละวันผ่านไปได้อย่างยากเย็น คนที่รอคอยอยู่ด้านนอกนั้น ก็ทุกข์ใจไม่แพ้กันค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
วันที่เราไปเยี่ยม เราก็เห็นญาติคนอื่นๆ ซื้ออาหารดีๆให้กับผู้ต้องขัง อย่างคนที่เราเห็น สั่งข้าวเป็นจาน เหมือนอาหารตามสั่ง อย่างละเป็นสิบๆจาน ทางผู้คุมที่คอยดูแล เขาก็มาพูดให้ฟังนะว่า

การซื้ออาหารดีๆให้มันไม่ผิดหรอก แต่มันจะมีค่ามากกว่าถ้าเป็นอาหารมื้อพิเศษ นานๆได้กินสักครั้ง เรือนจำไม่ใช่สถานที่นั่งกินนอนกิน มันคือสถานที่ไว้ลงโทษคนที่ทำความผิด จะหาความสะดวกสบายในนั้นมันเป็นไปไม่ได้หรอก ใช่ว่าการที่คุณซื้อต้มยำให้เขากินสักหม้อ ลูกคุณจะได้นั่งกินบนโต๊ะ แบบในร้านอาหาร เผลอๆลูกคุณอาจจะเป็นที่เพ่งเล็ง ของพวกที่ขี้อิจฉา หรือพวกที่ทำตัวเป็นใหญ่ในเรือนจำ  ให้ลูกคุณได้กินบ้าง อดบ้าง เขาจะได้รู้ว่าข้างนอกมันดีกว่าแค่ไหน จะได้ไม่ทำความผิดซ้ำซาก เพื่อกลับเข้ามาอยู่ในนี้อีก ในนี้เงยขึ้นไปก็เห็นแค่ท้องฟ้า ข้างๆมีเพียงแค่กำแพงสูงกับรั้วลวดหนาม หากออกนอกกำแพงนี้ไปได้จะกินอะไรแค่ไหนก็ตามสบาย แล้วอย่ากลับมาเจอความหดหู่ของด้านหลังกำแพงนี้อีก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่