ประสบการณ์งานพาทไทม์ สุดหิน

กระทู้คำถาม
นี่เป็นกระทู้ยาวครั้งแรก อาจมีติดๆขัดๆมั่ง ก็ขออภัยด้วยนะครับ

เมื่อถึงช่วงปิดเทอมใหญ่ พวกเราทุกๆคนก็ย่อมอยากมีงานพามไทม์ไว้ทำใช่มั้ยครับ เหตุผลก็เพราะอยากมีเงินใช้ หรืออยากมีประสบการณ์
ผมเองก็เช่นกันครับ อยากทำงานพาทไทม์ เพราะจะได้มีเงินใช้ ผมเคยมีประสบการณ์ทำงานร้านอาหาร ทำงานก่อสร้าง เเละเคยฝึกงานร้านทำป้ายอยู่บ้าง
ซึ่งผมเองก็ปิดเทอมนานด้วย เพราะต้องขึ้นมหาลัย ปิดเทอมเดือนกุมภาพันธ์ เปิดเดือนสิงหาคม มันนานมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก (เปิดเทอมมานี่คงโง่-ทันที55) ผมเลยตัดสินใจจะหางานพาทไทม์ทำ เหตุผลก็คือ จะได้มีเงินไว้ซื้อมอไซด์ใช้ตอนอยู่มหาลัย เพราะรถมอไซด์ทุกวันนี้ผมต้องแบ่งใช้กับน้องครับ ถึงผมเองจะใช้บ่อยสุดก็เถอะ แต่ก็อยากได้อีกคัน เพราะเวลาอยู่มหาลัยจะได้ไม่ต้องไปส่งน้องที่โรงเรียน เพราะโรงเรียนของน้องกับมหาลัยผมมันไม่ได้ไกล้ๆด้วย อีกอย่างน้องผมก็เริ่มโตเเล้ว เที่ยวเก่งด้วย แต่เห็นติดรถเพื่อนไปตลอดเลยก็เลยเกรงใจ เลยอยากได้มอไซด์ไว้ใช้คนละคัน

ผมเริ่มประกาศหางานในกลุ่มหางานในfacebookช่วงปลายเดือนมีนาคม เพราะผมเคลียเรื่องแก้ 0 , มผ. เสร็จพอเลย แต่ตอนนั้นไม่มีที่ไหนติดต่อมาเลย ทุกวันนี้ก็ขายของผ่านเน็ตไปพลางๆก่อน เงินจะได้มีเก็บมั่ง ถึงจะขายได้น้อยและขายไม่ได้ทุกๆวัน แต่ก็ถือว่าขายประทังชีวิตไว้ก่อน5555
(ผมขายของเล่นครับ เพราะสมัยก่อนผมมีของเล่นเยอะมาก ตอนนี้โตเเล้วไม่ได้ใช้แล้วเลยขายครับ ไม่มากได้น้อยมั่ง แต่ก็ขายประทังชีวิตครับ555)ผมดันโพสที่ผมโพสหางานเกือบทุกวันครับ ออกไปหาที่เขารับสมัครงานข้างนอกมั่ง ไปตามร้านอาหารมั่ง เเละเเม่ก็เเนะนำว่าทำไมไม่สมัครที่7-11หรือตามปั๊มดูหล่ะ ตอนนั้นผมตอบแม่ไปว่างานมันหนักไปไม่อยากทำ (ตอนนั้นโครตเลือกงาน)
และก็ถึงช่วงสงกรานต์ ผมก็ไม่ได้ดันโพสหางานนั่น และออกไปหางานอีกเลยครับ เพราะกลัวว่าถ้าจู่ๆมันได้งานขึ้นมา ก็อดเที่ยวสงกรานต์ดิ5555 (เอาแต่ใจสุดๆ55) และพอหมดสงกรานต์ไป ผมก็โพสหางานในกลุ่มหางานในfacebookใหม่ครับ แต่ไม่ได้ออกไปหางานเลยครับ เพราะต้องไปส่งของเล่น (ช่วงนั้นขายดี) 55

และเเล้ว ช่วงที่ผมได้งานก็มาถึง (เข้าเรื่องซักที) วันที่19เมษายน ก็มีเจ๊จากร้านติดต่อมา ให้ผมไปทำงานด้วย วันนั้นก็คุยแต่เรื่องงานที่จะทำกับที่อยู่ร้านครับ เลยลืมถามเรื่องเงินเดือน เราคุยในโทรศัพท์ครับ เจ๊เขาบอกว่างานไม่หนักหรอก ร้านเป็นร้านของเก่า เก็บขวดเหล้าขวดเบียร์จากร้านเหล้าตามผับต่างๆ เอามาทำความสะอาดเเละเอาไปขายต่อเท่านั้นเอง ผมบอกดเขาไปว่าผมเป็นโรคแพ้ฝุ่น ทำงานแบบนี้ได้รึป่าว ที่ร้านมีฝุ่นรึป่าว เจ๊เขาบอกว่ามี แต่ไม่เยอะหรอก ตอนนั้นเจ๊เขาพูดไปโน้มน้าวผมมาก และผมยิ่งเป็นคนเชื่อคนง่ายอยู่ เลยไปที่ร้านนั้น ตอนเย็นๆ

ร้านหายากมากครับ เจ๊เขาบอกแต่ชุมชนที่ร้านตั้งอยู่ครับ ไม่ได้บอกชื่อร้าน ผมใช้เวลาหาเป็นชั่วโมงกว่าจะเจอ สิ่งที่ผมเห็นสิ่งแรกก็คือ (นึกภาพตามนะครับ) มีกลุ่มวัยรุ่นที่อายุรุ่นๆเดียวกับผมประมาณ 5-7 คน กำลังขนลังเหล้าเบียร์ ใส่รถสิบล้อ สภาพร้านเป็นบ้านผสมโกดังเล็กๆ มีรถกระบะ2คัน มอไซด์ 4-5คัน สิบล้อ1คัน รถโฟล์คลิฟท์1คัน มีลังเหล้าเบียร์หลายๆยี่ห้อ ยี่ห้อละ 500-600กล่อง ผมเห็นเเวบเเรกก้นึกในใจเลย ว่าท่าจะไม่หมูละ แต่ปลอบใจตัวเองว่า สภาพร้านไม่สำคัญ ขอเเค่เป็นงานดีๆก็พอละ ผมไปหาเจ๊เขาที่ออฟฟิศ คุยกันเรื่องงาน  เเละเจ๊เขาก็สาธิตงานให้ดู โดยขั้นเเรก นำขวดเบียร์มาเช็ดทำความสะอาด เทเบียร์ที่ยังเหลือๆทิ้ง เเละเอาเก็บเข้ากล่องของมัน ตามยี่ห้อนั้นๆ เอาขวดเเก้วที่ขายไม่ได้ เช่นขวดโซดา ขวดน้ำดื่มชูกำลัง m-150ไรพวกนี้แหละ (แต่ต้องเเยกสีด้วยนะ เช่นสีขาว สีแดง) เอามาโยนให้แตกๆ จะมีบ่อแก้วแตกอยู่ เจ๊เขาบอกว่า ขายเป็นเศษเเก้วจะได้ราคากว่า เเละเจ๊เขาก็บอกว่ามีเเค่นี้ งานสบายๆ วันไหนงานเสร็จเร็วหรือไม่มีงานก็อยู่เฉยๆไม่ต้องทำอะไร เข้างาน 8.00น. เลิกงาน17.30น. (แต่ผมไปที่ร้านทุ่มนึง ทำไมยังขนของกันอยู่ฟระ)
ไม่มีวันหยุด ทำทุกวัน ซึ่งผมคิดว่า น่าจะไม่เป็นไร เพราะงาน7-11ก้ทำทุกวัน (จริงๆงาน7-11 อาทิตย์นึงหยุดได้1วันแต่ตอนนันผมยังไม่รู้) และก็คุยเรื่องเงินเดือน โดยเจ๊เขาบอกว่าจะได้เดือนละ5,000 ทำครบ3เดือนก็ได้ 6,000 ถ้าวันไหนหยุดก็หักไปตามนั้น
ตอนนั้นผมคิดว่ามันเยอะ แต่ไม่ได้คำนวนว่าตกวันละเท่าไหร่ เพราะมัวเเต่เกร็ง แต่ผมก็ตัดสินใจทำงานที่นี่แหละ พอผมกลับบ้านไป ก็ไปบอกเเม่เรื่องนี้ เเม่บอกว่าทำไมเงินเดือนน้อยจัง เดือนละ5,000เอง ตกวันนึงไม่ถึง200ด้วยซ้ำมั้ง  ผมเลยคำนวนดู มันไม่ถึง200จริงๆด้วย ตกวันละ 160กว่าบาทเอง มันน้อยมาก แต่เท่าที่ฟังเจ๊เล่ามา ก็ไม่ได้งานหนักอะไรมากมาย แถมตอบตกลงว่าจะทำงานที่นั่นละด้วย เลยตั้งใจจะไปทำดู


วันที่20 เมษายน วันที่ผมเริ่มงานวันแรก ผมไปถึงร้านก่อนเวลา ผมนั่งกินหมูปิ้งกับm-150รอ วันนั้นมีคนงานที่ไม่ใช่ชุดเดียวกับเมื่อวานมา2คน พวกเขาคือคนขับรถสิบล้อนี่เอง เขาจะเอาพวกลังๆเบียร์ที่ขนกันเมื่อวานไปขายในโรงงานของมันที่กรุงเทพ (เฮียเจ้าของร้านเขาบอกมางี้)
ผมมามองๆดูทั้งร้าน สรุปคือมีคนงานแค่ 5คน ไม่รวมผม ไม่รวมคนขับรถ10ล้อ 2คนนั้น ก็จะมี เจ๊เจ้าของร้าน เฮียที่เป็นสามีแก ลูกชายเจ๊อีก2คน คนโตอ่อนกว่าผมปีนึง คนเล็กอ่อนกว่าผม2ปี เเละลุงอ้วนๆที่เป็นเพื่อนเจ๊

วันนั้นเป็นวันที่รถ10ล้อไปกรุงเทพพอดี พอผมมาถึงร้านได้ไม่นาน รถ10ล้อก็ออกไปเลย เพราะเดือนๆนึง สิบล้อจะมา1-2ครั้ง เเสดงว่าเราจได้ขนของใหญ่เดือนละไม่กี่ครั้ง วันนั้นที่ร้านโล่งมาก บรรยากาศชวนกดดันสุดๆ ตัวผมนี่สั่นไปทั้งตัว เพราะไม่คุ้นที่ เกร็งสุดๆ และลุงอ้วนก็ชวนผมไปเช็ดขวดเบียร์ที่เหลือๆ ผมก็ทำตาม ตอนนั้นคือมีคนสั่งงานอะไรทำหมดอ่ะ 555 หัวเราะหัวเราะหัวเราะ

เเละผมก็นั่งทำตวามสะอาดขวดกับลุงอ้วนกัน2คน โดยลุงแกถามตลอดเลย ผมก็ได้แต่ตอบว่า ''คับๆ'' 555
ทำงานไปได้ครึ่งวันก้ถึงเวลาพักเที่ยง เฮียบอกว่าจะมากินข้าวด้วยกันมั้ย ด้วยความกลัว ผมเลยตอบไปว่า ''ขอไปกินบ้านดึกว่าคับ" 555 ละเฮียก้ให้ผมกลับบ้านไปกินข้าวและบอกว่า ช่วงบ่ายจะพาไปเที่ยว ในใจผมคิด "มีเที่ยวด้วยหรอ ว้าวว" พอถึงบ้านแม่ถามว่างานเป็นไงมั่ง ผมตอบไปว่าก็สบายอยู่ นั่งขัดขวดอย่างเดียว เเม่ถามว่าทำไมมากินข้าวบ้าน "ที่นั่นเขาไม่เลี้ยงหรอ" ผมตอบไปว่า "เลี้ยง แต่ไม่กล้ากิน 555" พอถึงบ่ายโมง ก้ได้เวลาเข้างาน ผมก็กลับไปที่ร้าน ละลูกคนเล็กของเจ๊ก็ทักผมมาว่า "เป็นไงมั่งพี่ ทำงานที่สบายมะ" ผมก็ตอบไปว่า "ก็สบ้ายยยย" พอถึงบ่ายสอง เฮียบอกให้ขนกระสอบ ขนของใส่รถกะบะ เราจะไปเอาขวดที่ร้านเหล้ากัน วั้นนั้นไปเอาขวดกัน3ร้าน แต่ของเต็มรถ มีพนักงานขงร้านนั้นๆ ทักมาบ่อยมาก ว่านี้เด้กใหม่หรอ ผมก็ได้เเต่ตอบว่า "คับๆ" อมยิ้ม07อมยิ้ม07 พอไปถึงร้านที่3 ผมก็คิดในใจว่ามันเหม่งๆละ ทำไมรู้สึกว่างานมันหนักกว่าช่วงเช้าอีก พอขนของเสร็จก็กลับร้านกัน ตอนนั้น 5โมงครึ่งพอดี ผมช่วยขนของลงจากรถเสร็จเจ๊ก็บอกให้ผมกลับบ้านได้

วันที่21 ทำงานวันที่2 วันนั้นผมเข้างานเช้าเหมือนเมื่อวานเลย แต่ต่างกันตรงที่ พอไปถึงเฮียก็ให้ขนกระสอบมาเทๆใส่กะละมัง เพื่อมาคัดขวดกันเลย ทั้งๆที่ผมยังไม่ได้กินข้าว ซื้อหมูปิ้งมาเเล้วด้วย วันนั้นลุงอ้วนก็ไม่ได้มาช่วย ผมเลยนั่งคัด-แยกขวดคนเดียว แอบกินหมูปิ้งไปด้วย 555(เฮียแกไปไหนไม่รู้ ลูกๆกับเจ๊ก้ยังไม่ตื่น) พอเที่ยงผมก้กลับไปกินข้าวบ้าน จนเเม่บ่นว่าทำไมไม่กินที่ร้าน กินที่บ้านมันเปลืองงงง พอบ่ายก็กลับไปที่ร้าน และช่วนกันเตรียมไปเอาลังเบียร์ตามร้านเหล้าเหมือนเมื่อวาน โดยที่จะไม่ได้ไปร้านเดิม ไปร้านอื่นเรื่อยๆ ทั่วเมืองครับ โดยวันนึงจะไป3-5ร้านต่อวัน ร้านนึงก็มีของให้ขนไม่ใช่น้อยๆด้วย คงเป็นเพราะว่าร้านเราหยุดสงกรานต์ เลยไม่ได้มาเอา ของเลยดองขึ้นเรื่อยๆ เเละสิ่งที่ผมไม่ชอบก็เกิดขึ้นครับ ผื่นผมขึ้นครับ เต็มเเขนเลย เเละที่รู้ๆผมแพ้ฝุ่นพวกนี้ คงเป็นเพราะโดนกล่องนั่นแหละและหลังร้านมันสกปรกมาก เเมงสาปที่มาเดินขบวนกันเป็นแถวเลย เลิกงานนู่นผื่นถึงหาย

วันที่3 ผมเริ่มชินกับที่ร้านเเล้วครับ กินข้าวที่บ้านมาก่อน โด้บ m-150 ทุกวัน และเริ่มกินข้าวเที่ยงที่ร้านละ ผมเริ่มสนิทกับทุกคนที่ร้านเเล้วครับ โดยเฉพาะลูกคนเล็กของเจ๊ คงเป็นเพราะเขาเป็นเด็กเเว๊นมั้งครับ และผมเองก็ขับมอไซด์คันใหญ่ด้วยแหละ (แต่ไม่เเว๊นนะ) น้องแกเลยชอบ ส่วนคนโตเป็นคนไม่ค่อยพูดเลยไม่ค่อยสนิทมากเท่าไหร่
แต่ข่าวร้ายคือ งานหนักมากกก หนักทุกวัน เนื่อยสุดๆ เสื้อผ้าเลอะ มอมเมมกลับบ้าน ไม่เห็นเหมือนตอนที่คุยไว้ตอนแรกๆเลย วันละ160กว่าบาทนี่เเทบไม่คุ้ม เป็นผื่นทุกวัน จากที่ผมตั้งใจจะทำถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม เริ่มลดลงเรื่อยๆ

วันที่ 27เมษายน ผมเริ่มทำงานได้มาอาทิตย์1แล้ว งานทุกอย่างยังเหมือนเดิม เช้าทำความสะอาดขวด คัดเเยกขวด บ่ายไปเอาของ งานก็หนักเหมือนเดิม ผื่นก็ขึ้นเหมือนเดิม วันนั้นมีคนงานมาเพิ่มอีก2คนคือ เพื่อนของลูกคนโตและก็แฟนของเขา แต่งานไม่ได้เบาลงเลย แถมทำให้ผมโดนบ่นบ่อยขึ้น555 เพราะ2คนนั้นชวนคุยเเละอู้งานตลอดเวลา555   แต่ทำให้ผมสนุกทุกวัน เพราะนานๆทีจะมีเพื่อนคุย 555


วันที่28 เมษายนเป็นวันรับใบเกรด6เทอม วันนั้นผมลางานวันแรก เพราะต้องไปเอาเกรด6เทอมที่โรงเรียน และผมก็เบิกล่วงหน้าอีก200 เพื่อไปเติมน้ำมันรถ
และวันนั้นที่โรงเรียนลีลาเรื่องให้ใบเกรดผมวันนั้นผมเลยไม่ได้ใบเกรด เลยต้องโดนหัก160ไปฟรีๆ ร้องไห้

วันที่นที่ 1 พฤษภาคม เป็นวันแรงงาน ซึ่งเป็นวันหยุด ผมเลยไม่ได้ไปทำงานอีกวันไม่ได้บอกที่ร้านด้วย วันนั้นผมเลยไปเอาใบเกรดที่โรงเรียนอีกรอบ โชคดีที่ห้องทะเบียนยังเปิดอยู่ผมเลยได้ใบเกรดมาจนได้ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ วันนั้นผมขับผ่านร้านเหล้าที่เคยไปเอาของ ปรากฏว่า มีพวกเจ๊ๆขนของกันอยู่ ทุกคนทำงานตามปกติ แต่เเค่ไม่มีผมเท่านั้นเอง ลุงอ้วนเห็นผม ก็ตะโกนทัก ทุกคนมองมาที่ผมหมด ผมก็ยิ้มเเหะๆ แล้วรีบผ่านไปเลย วันนั้นกังวลมากว่า พรุ่งนี้จะทำไงดีโดนเทศเเน่เลย


วันที่ 2 พฤษภาคม วันนั้นผมทำใจเรียบร้อยเเล้วว่าต้องโดนด่า เลยพร้อมละ แต่โชคดีไปที่ไม่มีใครบ่นอะไร เราคงกังวลไปเอง มีเเต่ลุงอ้วนที่เเซวๆ ว่า "ฮิ้วๆ เมื่อวานเอาสาวไหนซ้อน" (จริงๆมีผมคนเดียวนะ แต่แกชอบเเซวแบบนี้และ55) วันนั้นมีเด็กใหม่เข้ามาคุยกับผมว่า รู้มั้ยเมื่อวานที่พี่หยุดอ่ะ วันนั้นพี่โดนหักเงินนะ ตอนนั้นผมตอบไปว่า "อ้าวก็เมื่อววานวันแรงงาน มันโดนหักด้วยหรอ" "เเล้วตามกฏหมายว่าถ้ามาทำวันแรงงานจะได้เงินเพิ่มค่าจ้างเพิ่มมากกว่า1เท่าไม่ใช่หรอ" เเล้วเด็กใหม่ก็ตอบว่า "ได้เท่าเดิมอ่ะ เจ๊บอกมางี้" วันนั้นผมเริ่มงงไปใหญ่ เลยเข้าไปถามเจ๊ในออฟฟิศ เจ๊เขาบอกว่า ร้านนี้ไม่มีประกันสังคมตามกฏหมาย เลยไม่มีค่าชดเชยอะไรให้ (บอกมาประมาณนี้ อันนี้ผมไม่รู้นะว่ามันคืออะไร ใครรู้บอกหน่อยนะครับ) พอผมไปเล่าให้พ่อเเม่ฟัง พ่อเเม่ยังงงเลย

วันที่4พฤษภาคม ผื่นผมก็ยังหนักขึ้นเรื่อยๆ งานก็ไม่ได้สบายเลย หนักกว่างานก่อสร้างอีก เงินก็ได้นิดเดียว และไม่เหมือนตอนที่คุยไว้ตอนเเรกด้วย อย่างที่บอกว่า พอไม่มีอะไรให้ทำ ก็ได้อยู่เฉยๆ มันไม่จริงเลย ถ้าไม่มีอะไรให่ทำ  เจ๊เขาก็จะให้ทำความสะอาดร้านมั่ง ให้อาหารไก่มั่ง คือให้งานอะไรก็ได้อ่ะแต่ไม่ให้ผมว่างก้พอ และเลิกงาน6โมงเกือบทุกวัน บางทีก็ถึง2ทุ่ม มีแต่วันเเรกที่เลิกเร็ว และวันนั้น เป็นวันที่รถสิบล้อต้องไปเอาขวดที่หนักราวๆ 25 ตัน! และมาเเยกขวดทีละกระสอบๆ มันไม่ได้ง่ายเลย เพราะไหนจะต้องขนขวดลงอีก ซึ่งทำกันแค่3คน คือผม ลูกคนเล็ก เเละลุงอ้วน ต่อให้มีรถโฟล์คลิฟท์ ช่วยแต่ก็ยังไม่ไหวอยู่ดี ทำทั้งวัน ยังขนไม่ได้1/4ของรถสิบล้อเลย ไหนจะมาคัดเเยกขวดอีก ที่มีคนทำ2-3คน วันนั้นผมตัดสินใจ ว่าจะไม่ทำแล้ว ได้เงินแค่ไหนแค่นั้น ผมไปคุยกับเจ๊ว่าจะทำถึงวันที่5 พฤษภาคม เจ๊ก็ตกลง
หน้าเต็มเเล้ว เดี๋ยวมาต่อหน้าสองนะครับ ไกล้จบละ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่