"งามเมืองย่า" มะม่วงที่ช่วยฟื้นชีวิต หนีพิษเศรษฐกิจฟองสบู่

กระทู้สนทนา

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ  ไม่ได้มาคุยด้วยเสียนาน เพราะมีภารกิจมาก
วันนี้จะมาคุยกับเพื่อนๆเรื่อง มะม่วง

เพื่อนๆคิดอย่าง จขกท ไหมคะว่า  มะม่วงนี่ดูเหมือนเป็นไม้ประจำบ้านของคนไทยเลยทีเดียว
เกือบทุกบ้านที่มีพื้นที่พอ จะปลูกมะม่วงไว้ด้วย  เอาไว้กินผลและเป็นร่มเงา  ยกเว้นบ้านในเมืองยุคใหม่ที่นิยมปลูกไม้ประดับ

มีคนจัดให้มะม่วงเป็นไม้มงคลที่ควรปลูกไว้ในบ้านด้วย
เพราะเชื่อกันว่ามะม่วงจะช่วยขับไล่สิ่งชั่วร้าย คนไม่ดี และเรื่องไม่ดีให้ออกไป ป้องกันคนในบ้านจากอันตรายทั้งปวง
อีกทั้งหากนำไปปลูกในทิศใต้ของบ้านก็จะทำให้ฐานะร่ำรวย มีกินมีใช้ไม่ขัดสน ธุรกิจการงานเจริญรุ่งเรือง

แรงจูงใจที่ต้องการจะคุยเรื่องมะม่วงก็เนื่องจากว่า....

วันหนึ่งขณะที่ จขกท กำลังนั่งเล่นอยู่ในบ้าน ก็มีรถคันใหญ่มาส่งของ เป็นกล่องใหญ่และหนัก
เราก็สงสัยว่าอะไร  เพราะเราไม่ได้สั่งของอะไรตอนนี้
พอเห็นชื่อผู้ส่งที่หน้ากล่องเท่านั้นแหละ ก็ถึงบางอ้อเลย...คุณสวย (ถ้าฉันรวยจะสวยให้ดูเด้อ) เพื่อนรักเรานี่เอง

รีบเปิดกล่องดูเห็นห่อของไว้อย่างเรียบร้อย  แกะห่อดูเป็นมะม่วงดิบและแก่เกือบ 30 ลูก

มะม่วงงามเมืองย่า  เป็นสายพันธุ์ที่เกิดจากผสมเกสรระหว่างมะม่วงน้ำดอกไม้กับมะม่วงมันบางขุนศรี
ผู้ผสมเกสรได้ทดลองพันธุ์หลายครั้งจนแน่ใจว่าเป็นพันธุ์ใหม่ จึงตั้งชื่อว่า “มะม่วงงามเมืองย่า”
ซึ่งหมายถึงเมืองย่าโม โคราช นั่นเอง

ปี 2536 จัดว่าเป็นปีแจ้งเกิดของมะม่วงสายพันธุ์นี้

ผู้ผสมพันธุ์มะม่วงพันธุ์ใหม่นี้จนสำเร็จคือ คุณกิตติกร กีรติเรขา
เป็นอดีตข้าราชการครูที่ลาออกมาทำไร่มันสำปะหลัง และผสมมะม่วงสายพันธุ์ใหม่ และทำงานรับเหมาก่อสร้างควบคู่ไปด้วย

ในปี 2540 เจอพิษเศรษฐกิจฟองสบู่ คุณกิตติกรกลายเป็นคนมีหนี้สิน 15 ล้านบาทภายในข้ามคืน
ต้องปิดกิจการรับเหมาก่อสร้าง  อีกทั้งสวนมะม่วงถูกไฟไหม้ ทำให้มะม่วงตายเกือบยกสวน
เหลือไว้เพียงสายพันธุ์งามแม่ย่าเพียงไม่กี่ต้น  คุณกิตติกรจึงเน้นปลูกพันธุ์งามแม่ย่าเป็นสำคัญ

พอปี 2546 คุณกิตติกร มีโอกาสเข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในวันปลูกต้นไม้แห่งชาติ จนผู้คนรู้จักมะม่วงพันธุ์นี้มากขึ้น

ในปี 2551 คุณกิตติกร ได้รับรางวัลแทนคุณแผ่นดินจากการปลูกมะม่วงงามเมืองย่า 1 ไร่ ได้ 1 ล้าน

คุณกิตติกรบอกเคล็ดลับของการปลูกมะม่วงงามเมืองย่าว่า  ปลูกแนว 90 องศาตะวันออก ช่วยให้ติดลูกดกได้ตลอดปี โดยไม่ต้องพึ่งเคมี

แผนการตลาด ของอาจารย์กิตติกร มีอยู่ว่า

"ตลาดต้องอยู่ที่เราต้องสร้างผลผลิตให้ปลอดภัยสูงสุดในโลก อร่อยที่สุด เก็บรักษาได้นานที่สุด
แปรรูปได้หลากหลายที่สุด และได้รับมาตรฐานการยอมรับมากที่สุด  แค่นี้คนทั้งโลกก็ต้องมากินผลผลิตของเรา"

ผลผลิตมะม่วงงามเมืองย่าของอาจารย์กิตติกร รวมทั้งการแปรรูป เป็นที่สนใจของประเทศจีน ญี่ปุ่น ตะวันออกกลาง
และประเทศใน AEC  ทำให้ผลผลิตของอาจารย์ไม่เพียงพอกับความต้องการ

สิ่งที่ได้เรียนรู้  จขกท เห็นว่าคนเราจะประสบความสำเร็จได้ ประกอบด้วยองค์ประกอบหลายอย่าง

1.  คือ การได้ทำในสิ่งที่ตนรัก

2.  ในการทดลองทำมะม่วงพันธุ์ใหม่ ต้องใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นระบบ ซึ่งอาจารย์คงมีพื้นฐานทางด้านนี้มาก่อน

3.  มีความอุตสาหะวิริยะ  แม้ล้มแล้ว ก็ลุกขึ้นมาใหม่ ด้วยความมุ่งมั่นบากบั่นจนสำเร็จ
    แม้เจอพิษเศรษฐกิจ และฟ้าฝนไม่เป็นใจ  ก็ไม่เคยยอมแพ้แก่โชคชะตา

4.  ความสามารถส่วนตัวดังที่กล่าวมาข้างต้น ประกอบกับปัจจัยภายนอกที่เอื้ออำนวย
   ในกรณีนี้คือ ผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช อันเนื่องจากพระราชดำริ
   ที่เข้ามาเห็นการปลูกมะม่วงของคุณกิตติกร  ทำให้มีโอกาสได้เข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
   ทำให้มะม่วงพันธุ์นี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น

5.  ความที่ไม่หยุดนิ่ง  พัฒนาอยู่เสมอ จนก้าวไกลสู่สากลได้

แล้ว รสชาติของมะม่วงงามเมืองย่า เป็นอย่างไร