การเก็งกำไร , ปล่อยเช่าควรเล่นห้องราคาสูงทำเลทองไปเลย ตลาดมีรองรับ พวกต่างชาติ ได้เงินจากบริษัทแม่เทียบค่าเงินละพอเช่า พวกนี้ชอบอยู่ที่ดี / หรือ ต่ำไปเลย ให้ผ่อนเดือนละสามพัน แถมเราไม่เจ็บหนักกรณีพลาด คนเราถ้าไม่มีอะไรติดตัว พอมีที่ซุกหัวนอนก็เอา คนพวกนี้เยอะ
** ที่น่ากลัวคือ พวก ระดับกลางราคา ล้านห้าถึงสามล้าน แนวรถไฟฟ้า เป็นระดับราคาที่เปิดตัวมากและคนหวังเก็งกำไรมาก เตรียมเละตุ้มเป๊ะเลยขอบอก
- จะได้ห้องไม่เกิน 30 ตรม ละเป็นแนวรถไฟฟ้าที่ ไม่ได้ดีเท่าไหร่ (เช่นสายสีม่วง , แถบวุฒากาศ )
- supply เยอะมาก ปัจจุบันห้องเหลือขายเพียบ
- คนซื้อไม่ดูกำลังตัวเองดีๆ ผ่อนเดือนละ 15,000 -25,000 ระยะเวลา 25 ปี บนห้องนิดเดียว , เรทเงินเดือนออฟฟิส ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกมาก ละผูกมัดทั้งชีวิตตัวเองกับห้องนิดเดียว
- การเก็งกำไร ทำได้ยากแล้ว กรณีถึงวันโอน ส่วนนึงก็ต้องทิ้งดาวน์ ส่วนนึงฝืนกู้เพราะเสียดายเงินดาวน์ สุดท้ายไม่ไหว ก็ประกาศขายเต็มตลาด รวมกับ unit เดิมที่เหลืออีก เกิด สงครามราคา
- สงครามราคามาเมื่อไหร่ พวกปล่อยเช่าซวย เพราะ ปล่อยค่าเช่าได้ไม่คุ้มผ่อน สุดท้ายก็ตัดใจปล่อย ของล้นตลาดหนักเข้าไปอีก
- แบงก์เริ่มเห็น npl ตอนนี้ปล่อยกู้ยากขึ้นมาก เด็กรุ่นใหม่จะโอนไหวซักกี่คน
- รถไฟฟ้าเปิดครบ กทม ราคาจะขึ้นอีกผมว่าไม่จริง มันจะไม่มีความต่างแล่วมากกว่า พวกที่ขายราคา over แนวรถไฟฟ้า คนก็ไม่คิดจะไปอยู่เพราะแพงเกินเหตุ
ผมว่าอสังหา มันกำลังดิ่งลงแล้ว จากการสร้าง story รถไฟฟ้า , การทำมาหากินฝืดเคือง เห็นช่องเก็งกำไรคนก็แห่เข้า , กระแสมันพัดไปราคามันก็ขึ้นตาม จนแพงหูฉี่ ณ ปัจจุบัน , developer ไม่ตายหรอกแกรวยมหาศาลอยู่แล้ว / คนแบบเราๆนี่แหละจะติดหนี้ ชีวิตพัง ละได้ห้องเล็กๆราคาเกินควร
ค่อนข้างวิเคราะห์แง่ลบนะครับ เพราะ สินทรัพย์ราคาขนาดนี้ ไม่สามารถมองโลกสวยได้
ลองมองอาชีพการงานที่ตัวเองทำอยู่ครับ มีความมั่นคงแค่ไหน ศักยภาพในการหาเงินเราแค่ไหน ถ้าบริษัทต้องลดคนลง เราจะยังไหวไหม ค่าใช้จ่ายจำเป็นต่างๆเวลาพ่อแม่เจ็บป่วย หรือการจุนเจือค่าใช้จ่ายในบ้านพ่อแม่เดิมที่เราออกมาเพราะ ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ อยากอยู่คอนโด(หรืออยากรวยไวๆเพราะคอนโด) / ก้าวผิดชีวิตพังนะ ต้องดูกำลังตัวเองดีๆ กรณีพลาดมี ทางออกอะไรรองรับบ้าง
(โลกมืด) ทำไมคนถึงชอบเก็งกำไรคอนโดกัน ผมว่าตอนนี้เสี่ยงสุดๆ (วิเคราะห์จากสิ่งรอบตัว)
** ที่น่ากลัวคือ พวก ระดับกลางราคา ล้านห้าถึงสามล้าน แนวรถไฟฟ้า เป็นระดับราคาที่เปิดตัวมากและคนหวังเก็งกำไรมาก เตรียมเละตุ้มเป๊ะเลยขอบอก
- จะได้ห้องไม่เกิน 30 ตรม ละเป็นแนวรถไฟฟ้าที่ ไม่ได้ดีเท่าไหร่ (เช่นสายสีม่วง , แถบวุฒากาศ )
- supply เยอะมาก ปัจจุบันห้องเหลือขายเพียบ
- คนซื้อไม่ดูกำลังตัวเองดีๆ ผ่อนเดือนละ 15,000 -25,000 ระยะเวลา 25 ปี บนห้องนิดเดียว , เรทเงินเดือนออฟฟิส ไม่ใช่เรื่องง่าย ยังมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอีกมาก ละผูกมัดทั้งชีวิตตัวเองกับห้องนิดเดียว
- การเก็งกำไร ทำได้ยากแล้ว กรณีถึงวันโอน ส่วนนึงก็ต้องทิ้งดาวน์ ส่วนนึงฝืนกู้เพราะเสียดายเงินดาวน์ สุดท้ายไม่ไหว ก็ประกาศขายเต็มตลาด รวมกับ unit เดิมที่เหลืออีก เกิด สงครามราคา
- สงครามราคามาเมื่อไหร่ พวกปล่อยเช่าซวย เพราะ ปล่อยค่าเช่าได้ไม่คุ้มผ่อน สุดท้ายก็ตัดใจปล่อย ของล้นตลาดหนักเข้าไปอีก
- แบงก์เริ่มเห็น npl ตอนนี้ปล่อยกู้ยากขึ้นมาก เด็กรุ่นใหม่จะโอนไหวซักกี่คน
- รถไฟฟ้าเปิดครบ กทม ราคาจะขึ้นอีกผมว่าไม่จริง มันจะไม่มีความต่างแล่วมากกว่า พวกที่ขายราคา over แนวรถไฟฟ้า คนก็ไม่คิดจะไปอยู่เพราะแพงเกินเหตุ
ผมว่าอสังหา มันกำลังดิ่งลงแล้ว จากการสร้าง story รถไฟฟ้า , การทำมาหากินฝืดเคือง เห็นช่องเก็งกำไรคนก็แห่เข้า , กระแสมันพัดไปราคามันก็ขึ้นตาม จนแพงหูฉี่ ณ ปัจจุบัน , developer ไม่ตายหรอกแกรวยมหาศาลอยู่แล้ว / คนแบบเราๆนี่แหละจะติดหนี้ ชีวิตพัง ละได้ห้องเล็กๆราคาเกินควร
ค่อนข้างวิเคราะห์แง่ลบนะครับ เพราะ สินทรัพย์ราคาขนาดนี้ ไม่สามารถมองโลกสวยได้
ลองมองอาชีพการงานที่ตัวเองทำอยู่ครับ มีความมั่นคงแค่ไหน ศักยภาพในการหาเงินเราแค่ไหน ถ้าบริษัทต้องลดคนลง เราจะยังไหวไหม ค่าใช้จ่ายจำเป็นต่างๆเวลาพ่อแม่เจ็บป่วย หรือการจุนเจือค่าใช้จ่ายในบ้านพ่อแม่เดิมที่เราออกมาเพราะ ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ อยากอยู่คอนโด(หรืออยากรวยไวๆเพราะคอนโด) / ก้าวผิดชีวิตพังนะ ต้องดูกำลังตัวเองดีๆ กรณีพลาดมี ทางออกอะไรรองรับบ้าง