สวัสดีค่ะเพื่อนๆ กลับมาแล้วค่ะ ที่หายไปเดือนกว่าๆนี่ เพราะต้องตั้งใจทำงานนะคะ เศรษฐกิจยิ่งง่อนแง่นอยู่
ขืนไม่ตั้งใจทำงาน เด๋วผลงานไม่ดี เจ้าของบริษัทฯไล่ออกล่ะแย่เลย นู๋นิดน่ะไม่ได้รวยนี่นา ต้องทำงานแลกเงิน
เดือนละหลักสิบ k เอง (ไม่ถึง 100k )
แม้นู๋นิดจะมีไร่มีนามีสวน สำรองไว้เวลาออกจากงานก็กลับไปทำงานที่บ้านได้ แต่ช่วงนี้ยังพอมีแรง มีไฟ มีกำลังสติปัญญา
ที่จะสร้างสรรค์งานแลกเงินอยู่ ก็ต้องเต็มที่กันหน่อยล่ะ แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งฝันที่จะกลับไปอยู่บ้านอยู่กับไร่กับนานะคะ รีสอร์ท
"สวนเชอร์รี่แก้ว" ก็ยังรอให้นู๋นิดกลับไปสร้างสรรค์ผลงานอยู่
นู๋นิดโชคดี ที่ได้ทำงานตรงกับที่ตัวเองชอบ ทำให้ผลงานออกมาดี และ ได้ท่องเที่ยวไปทั่วทุกภาคของประเทศ ช่วงที่
ขับรถไปตามเส้นทางต่างๆนั้น ถ้าหากไม่ได้รีบเร่งอะไรมากนัก ถ้านู๋นิดเจออะไรดีๆ ก็จะจอดรถถ่ายรูปเอามาฝากเพื่อนๆค่ะ
ถามว่าช่วงนี้เศรษฐกิจดีไหม ?
อืมมมม ... นู๋นิดไม่ทราบว่าเราจะวัดจากอะไร ถ้าวัดจากเงินในกระเป๋าตัวเอง นู๋นิดก็จะบอกว่า นู๋นิดพอไปได้ ยังไม่เดือดร้อน
ถ้าวัดจากกระเป๋าของพ่อ ซึ่งเป็นชาวไร่ชาวนา นู๋นิดก็จะบอกว่า เป็นช่วงที่กำลังลงทุนกับไร่นา เพราะถึงฤดูกาลเพาะปลูก
เงินในกระเป๋าพ่อก็จะแฟบลง พ่อก็จะลดการใช้จ่ายอย่างอื่นลง จากที่เคยไปทานกุ้งเผาเดือนละครั้ง พ่อก็จะไม่ไป เพราะต้อง
เก็บเงินไว้ซื้อปุ๋ยใส่นาใส่สวนยาง เก็บเงินไว้จ้างแรงงานในการหว่านไถ
ถ้าวัดจากกระเป๋าของชาวสวนจังหวัดจันทบุรี นู๋นิดเดาว่า เงินคงเต็มกระเป๋า เพราะชาวสวนกำลังนำทุเรียนออกสู่ตลาด
มีรถป้ายทะเบียนจากจังหวัดอื่นๆ มาบรรทุกทุเรียนไปขายเป็นพันๆคัน ในแต่ละวัน
พูดถึงทุเรียน ปีนี้ทุเรียนออกมาก ชาวสวนรีบเก็บทุเรียนออกขายเพื่อจะได้ราคาดีๆ นู๋นิดไปที่จันทบุรี เห็นป้ายเขียน
ติดไว้ที่หน้าร้านเพิงข้างทางว่า “ร้านนี้ไม่ขายทุเรียนอ่อนแน่นอน” ไชโย๊ .... รีบจอดรถลงถามจะซื้อ ด้วยอารามดีใจ
“หมอนทองกิโลเท่าไหร่คะ”
“หมอน ถ้ากองนี้ลูกใหญ่ๆ แบบนี้ กิโล 60 แต่ถ้ากองนู้น กิโล 80 ”
“เอ๊ะ มันต่างกันยังไงคะ”
“กองนี้ลูกใหญ่ กองนั้นลูกเล็กกว่า ของชิ้นเล็กก็ราคาแพงกว่าอยู่แล้วนะเป็นเรื่องปกติ” เจ้าของร้านสอนนู๋นิดจนหายโง่
“ค่ะ ๆ งั้นเอาลูกใหญ่ก็ได้ค่ะ รบกวนช่วยแกะให้ด้วยนะคะ” นู๋นิดรีบเข้าใจทันที กลัวตัวเองจะโง่นาน
“เราขายหน้าสวนแบบนี้ ไม่มีกล่องโฟมใส่ให้นะ เอางี้ เดี๋ยวพี่จะผ่าเป็นพูๆไว้ให้ น้องไปแกะเอาที่บ้านแล้วกันนะ ง่ายๆ”
“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ” นู๋นิดรีบบอกเอาใจคนขายด้วยความนอบน้อมและเกรงใจ กลัวเค้าไม่ขายให้ ไอ้เรามันก็ไม่ใช่
คนหน้าตาดีเหมือนอิอ้ายหล่อขวัญซะด้วยสิ
เจ้าของร้านรีบจัดแจงกรีดเปลือกทุเรียนลูกโตด้วยความชำนาญ แพ่พเดียวก็เสร็จ ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ใส่ถุง หิ้วไปส่งที่
ท้ายกระบะรถให้นู๋นิดอย่างเรียบร้อยด้วยจิตบริการอย่างดี
พอได้ทุเรียนแล้ว นู๋นิดก็รีบโทรไปหาพี่เซลล์ด้วยความดีใจ
“พี่คะ วันนี้มาทานทุเรียนที่ห้องอาหารของรีสอร์ท ด้วยกันนะคะ นิดซื้อทุเรียนมาลูกเบ้อเริ่มเลย ทานกันให้พุงแตกไปข้าง”
พอถึงที่นัดหมาย พวกพี่ๆก็รีบมารับทุเรียนจากนู๋นิดด้วยความดีใจ โอ้โห้ ....น้องผู้จัดการเขต ซื้อทุเรียนมาฝากทั้งที ใครจะ
ไม่อยากทาน (ความจริงพวกพี่ๆเค้ารวยกว่านู๋นิดเยอะค่ะ ได้ค่าคอมกันเป็นแสนต่อเดือน)
แต่พอแง้มกลีบทุเรียนออกเท่านั้นล่ะค่ะ โลกถล่มทลายลงต่อหน้าต่อตาเหล่ามวลมนุษยชาติ
จะอะไรล่ะคะ ก็ทุเรียนมันเละซะจนเป็นปลาร้าาาาา กลิ่นหึ่งตลบอบอวนไปแปดบ้านห้าล้านบ้านยกกำลังสอง
เออ ตรูเชื่อแล้วว่าคุณท่านไม่ได้ขายทุเรียนอ่อนเจงๆ .... จบ !!
ter]
+ + + ก็เพราะชีวิตคือ การเดินทาง + + +
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ กลับมาแล้วค่ะ ที่หายไปเดือนกว่าๆนี่ เพราะต้องตั้งใจทำงานนะคะ เศรษฐกิจยิ่งง่อนแง่นอยู่
ขืนไม่ตั้งใจทำงาน เด๋วผลงานไม่ดี เจ้าของบริษัทฯไล่ออกล่ะแย่เลย นู๋นิดน่ะไม่ได้รวยนี่นา ต้องทำงานแลกเงิน
เดือนละหลักสิบ k เอง (ไม่ถึง 100k )
แม้นู๋นิดจะมีไร่มีนามีสวน สำรองไว้เวลาออกจากงานก็กลับไปทำงานที่บ้านได้ แต่ช่วงนี้ยังพอมีแรง มีไฟ มีกำลังสติปัญญา
ที่จะสร้างสรรค์งานแลกเงินอยู่ ก็ต้องเต็มที่กันหน่อยล่ะ แต่ก็ไม่ได้ละทิ้งฝันที่จะกลับไปอยู่บ้านอยู่กับไร่กับนานะคะ รีสอร์ท
"สวนเชอร์รี่แก้ว" ก็ยังรอให้นู๋นิดกลับไปสร้างสรรค์ผลงานอยู่
นู๋นิดโชคดี ที่ได้ทำงานตรงกับที่ตัวเองชอบ ทำให้ผลงานออกมาดี และ ได้ท่องเที่ยวไปทั่วทุกภาคของประเทศ ช่วงที่
ขับรถไปตามเส้นทางต่างๆนั้น ถ้าหากไม่ได้รีบเร่งอะไรมากนัก ถ้านู๋นิดเจออะไรดีๆ ก็จะจอดรถถ่ายรูปเอามาฝากเพื่อนๆค่ะ
ถามว่าช่วงนี้เศรษฐกิจดีไหม ?
อืมมมม ... นู๋นิดไม่ทราบว่าเราจะวัดจากอะไร ถ้าวัดจากเงินในกระเป๋าตัวเอง นู๋นิดก็จะบอกว่า นู๋นิดพอไปได้ ยังไม่เดือดร้อน
ถ้าวัดจากกระเป๋าของพ่อ ซึ่งเป็นชาวไร่ชาวนา นู๋นิดก็จะบอกว่า เป็นช่วงที่กำลังลงทุนกับไร่นา เพราะถึงฤดูกาลเพาะปลูก
เงินในกระเป๋าพ่อก็จะแฟบลง พ่อก็จะลดการใช้จ่ายอย่างอื่นลง จากที่เคยไปทานกุ้งเผาเดือนละครั้ง พ่อก็จะไม่ไป เพราะต้อง
เก็บเงินไว้ซื้อปุ๋ยใส่นาใส่สวนยาง เก็บเงินไว้จ้างแรงงานในการหว่านไถ
ถ้าวัดจากกระเป๋าของชาวสวนจังหวัดจันทบุรี นู๋นิดเดาว่า เงินคงเต็มกระเป๋า เพราะชาวสวนกำลังนำทุเรียนออกสู่ตลาด
มีรถป้ายทะเบียนจากจังหวัดอื่นๆ มาบรรทุกทุเรียนไปขายเป็นพันๆคัน ในแต่ละวัน
พูดถึงทุเรียน ปีนี้ทุเรียนออกมาก ชาวสวนรีบเก็บทุเรียนออกขายเพื่อจะได้ราคาดีๆ นู๋นิดไปที่จันทบุรี เห็นป้ายเขียน
ติดไว้ที่หน้าร้านเพิงข้างทางว่า “ร้านนี้ไม่ขายทุเรียนอ่อนแน่นอน” ไชโย๊ .... รีบจอดรถลงถามจะซื้อ ด้วยอารามดีใจ
“หมอนทองกิโลเท่าไหร่คะ”
“หมอน ถ้ากองนี้ลูกใหญ่ๆ แบบนี้ กิโล 60 แต่ถ้ากองนู้น กิโล 80 ”
“เอ๊ะ มันต่างกันยังไงคะ”
“กองนี้ลูกใหญ่ กองนั้นลูกเล็กกว่า ของชิ้นเล็กก็ราคาแพงกว่าอยู่แล้วนะเป็นเรื่องปกติ” เจ้าของร้านสอนนู๋นิดจนหายโง่
“ค่ะ ๆ งั้นเอาลูกใหญ่ก็ได้ค่ะ รบกวนช่วยแกะให้ด้วยนะคะ” นู๋นิดรีบเข้าใจทันที กลัวตัวเองจะโง่นาน
“เราขายหน้าสวนแบบนี้ ไม่มีกล่องโฟมใส่ให้นะ เอางี้ เดี๋ยวพี่จะผ่าเป็นพูๆไว้ให้ น้องไปแกะเอาที่บ้านแล้วกันนะ ง่ายๆ”
“ได้ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ” นู๋นิดรีบบอกเอาใจคนขายด้วยความนอบน้อมและเกรงใจ กลัวเค้าไม่ขายให้ ไอ้เรามันก็ไม่ใช่
คนหน้าตาดีเหมือนอิอ้ายหล่อขวัญซะด้วยสิ
เจ้าของร้านรีบจัดแจงกรีดเปลือกทุเรียนลูกโตด้วยความชำนาญ แพ่พเดียวก็เสร็จ ห่อกระดาษหนังสือพิมพ์ใส่ถุง หิ้วไปส่งที่
ท้ายกระบะรถให้นู๋นิดอย่างเรียบร้อยด้วยจิตบริการอย่างดี
พอได้ทุเรียนแล้ว นู๋นิดก็รีบโทรไปหาพี่เซลล์ด้วยความดีใจ
“พี่คะ วันนี้มาทานทุเรียนที่ห้องอาหารของรีสอร์ท ด้วยกันนะคะ นิดซื้อทุเรียนมาลูกเบ้อเริ่มเลย ทานกันให้พุงแตกไปข้าง”
พอถึงที่นัดหมาย พวกพี่ๆก็รีบมารับทุเรียนจากนู๋นิดด้วยความดีใจ โอ้โห้ ....น้องผู้จัดการเขต ซื้อทุเรียนมาฝากทั้งที ใครจะ
ไม่อยากทาน (ความจริงพวกพี่ๆเค้ารวยกว่านู๋นิดเยอะค่ะ ได้ค่าคอมกันเป็นแสนต่อเดือน)
แต่พอแง้มกลีบทุเรียนออกเท่านั้นล่ะค่ะ โลกถล่มทลายลงต่อหน้าต่อตาเหล่ามวลมนุษยชาติ
จะอะไรล่ะคะ ก็ทุเรียนมันเละซะจนเป็นปลาร้าาาาา กลิ่นหึ่งตลบอบอวนไปแปดบ้านห้าล้านบ้านยกกำลังสอง
เออ ตรูเชื่อแล้วว่าคุณท่านไม่ได้ขายทุเรียนอ่อนเจงๆ .... จบ !!
ter]