[ปรับปรุง] Galactic Lady สาวน้อยพลังจักรวาล (บทนำ)

ทะเลทรายโซนอรัน หรือ ที่เรียกกันอีกชื่อว่า ทะเลทรายแอริโซนาตั้งอยู่พื้นที่สหรัฐอเมริกา และเม็กซิโก โดยมีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกในรัฐแอริโซนา และรัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งปกติแล้วในทะเลทรายแห่งนี้จะไร้ซึ่งผู้คนไปอาศัยที่นั่นเนื่องจากบริเวณนั้นเป็นพื้นที่ที่ร้อนที่สุดในทวีปอเมริกาเหนือ แต่ก็ยังคงมีหมู่บ้านเล็กๆ อาศัยอยู่เพียงไม่กี่แห่งบริเวณใกล้ๆ เทือกเขา
    ทะเลทรายแห่งนี้ถูกกองทัพสหรัฐใช้เป็นพื้นที่ทดสอบอาวุธ ขีปณาวุธ และยุทธปกรณ์ต่างๆ รวมไปถึงนิวเคลียร์ จึงทำให้ในบริเวณนั้นเต็มไปด้วยสารเคมี และรังสีที่มีความอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต แต่ทว่าผลกระทบต่างๆ ที่ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อยู่รอดในบริเวณเกิดการผ่าเหล่าของยีนส์ และกลายพันธุ์ นั่นคือเหตุผลหลักของนิยายแฟนตาซีเรื่องนี้
    เรื่องราวเกิดขึ้น ณ หมู่บ้านที่ติดบริเวณซึ่งทางกองทัพสหรัฐทดสอบอาวุธ หลายๆ คนในหมู่บ้านได้ทยอยย้ายออกจากที่นั่น เหลือเพียงไม่กี่หลังที่ยังคงอาศัยอยู่อันเนื่องมาจากไม่มีเงินในการเดินทาง และบางคนก็อาวุโสเกินกว่าจะอพยพ
    ในช่วงฤดูฝนซึ่งนมนานมาแล้วกว่าสิบปีที่ทะเลทรายแห่งนี้แทบจะไม่มีฝนซักหยดก็มาเยือนถึง ชาวบ้านต่างก็รีบนำภาชนะมารองรับน้ำเพื่อใช้บริโภค พร้อมกับเก็บตุน และหลายวันมาแล้วที่ฝนตกไม่มีทีท่าจะหยุด ณ บ้านหลังหนึ่งได้กำเนิดชีวิตเล็กๆ ของเด็กทารกเพศหญิง ทว่าเด็กน้อยคนนี้ไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไป
    ครั้งแรกที่คุณแม่ได้เห็นทารกน้อยแทบจะหมดลม เพราะทารกน้อยมีผิวสีทองโปร่งใสจนเห็นเส้นเลือดที่ไหลด้วยโลหิตสีเงิน ภายในเกล็ดเลือดของเธอมีความระยิบระยับดูเหมือนดวงดาวที่ส่องประกายยามค่ำคืน กล้ามเนื้อของเธอเมื่อขยับนั้นดูเหมือนกลุ่มเมฆเนบิวล่าในห้วงอวกาศ
    คุณพ่อที่เพิ่งได้เห็นเด็กทารกเป็นครั้งแรก ถึงกับยืนอึ้งกับความมหัศจรรย์ของเด็กน้อย ก่อนจะหลุดปากพูดขึ้นว่า
    “มิเชลล์... หนูน้อยมิเชลล์... หนูน้อยมิเชลล์ของพ่อ” (Michell L Latin)
เขาปรี่เข้าอุ้มทารกน้อยแรกเกิดด้วยความปีติ พร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาจากเยื่อบุที่หุ้มลูกตา
    “พิเศษมาก... เด็กคนนี้...”
เขาพูดด้วยความประหลาดใจ
    “ผิวพรรณสีทอง เลือดสีเงิน... ว้าว ดูนั่นสิ เวลาชยับร่างกาย... น่ามหัศจรรย์มาก”
    หลายปีต่อมาคุณพ่อของมิเชลล์ก็ได้เสียชีวิตไปด้วยโรคหัวใจกำเริบ เด็กน้อยมิเชลล์ได้แต่ยืนมองป้ายหลุมศพอย่างงงๆ
    “แม่คะ... พ่อไปแล้วหรือค่ะ”
คุณแม่ก้มลงมองดูลูกน้อยพร้อมกับน้ำตา
    “พ่อไปอยู่ในใจลูกแล้วนะ”
คุณแม่แตะไปที่หน้าอกของเธอ
    หลายปีต่อมาเมื่อแม่ได้แต่งงานใหม่กับ เจฟ มาติเน่ (Jeffe Matine) ในฐานะของเธอได้ถูกเปลี่ยนไป จากที่คุณแม่เคยสนิทกับเธอ และคอยดูแลเธออย่างใกล้ๆ เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ทุกครั้งที่เธอเข้าบ้านก็จะถูกต่อว่าเสมอ แม้แต่เธอจะเข้านอนกับแม่ก็โดนไล่ออกมาอย่างหมูอย่างหมา
    จนกระทั่งวันหนึ่งรถจากหน่วยงานทหารหลายคันมาจอดที่หน้าบ้าน ขณะที่เธอยืนมองจากหน้าต่างทางห้องใต้หลังคาที่เธอใช้เป็นห้องนอน และห้องนั่งเล่น ก่อนที่เจฟซึ่งยืนต้อนรับทหารเหล่านั้นอยู่สักพักใหญ่ๆ แล้ว ชี้ตรงขึ้นมายังห้อง
    “หนีก่อนเร็วลูก เดี๋ยวแม่พาไปทางหลังบ้านนะ รีบเก็บของซะนะลูก”
คุณแม่รีบเร้าขึ้นมายังห้องใต้หลังคาพร้อมกับคว้าเสื้อ และของที่จำเป็นยัดใส่กระเป๋า พร้อมกับกระชากแขนมิเชลล์
    “พวกเราจะไปไหนคะ”
    “รีบออกจากบ้านหลังนี้ ตรงไปที่เทือกเขาซ่อนตัวที่ไหนก็ได้นะ เดี๋ยวแม่จะตามไป”
เธอผลักหลังมิเชลล์ออกจากประตูหลังบ้าน ซึ่งมีครัวคั่นอยู่
    “แม่ไม่ไปด้วยหรอ”
มิเชลล์หันมาถามเธออีกครั้ง
    “รีบไปเถอะ เดี๋ยวแม่ตามไป”
มิเชลล์วิ่งออกไปท่ามกลางทะเลทราย ก่อนจะหันหลังกลับมาพร้อมกับเห็นภาพที่เธอต้องจดจำไปตลอดการณ์ เมื่อแม่เธอพยายามฉุดกระชากทหารเหล่านั้นมิให้วิ่งตามเธอไป จนถูกปืนยิงเข้าอย่างจังหลายนัดซ้อน
    “หยุดอยู่ตรงนั้นนะ หนูน้อย...”
ทหารนายหนึ่งตะโกนขึ้น
    “หากเธอไม่หยุด พวกเราจะใช้กำลังจู่โจมเธอ”
ท่ามกลางความสับสนของมิเชลล์ ก็เกิดเหตุการณ์ประหลาดขึ้น ร่างกายของเธอสั่นเหมือนเจ้าเข้า และทันใดนั้นเธอก็เห็นแสงสีขาววูบวาบขึ้น แล้วทหารทุกคนก็ยืนตลึงงึนงัน
    “หายไปไหนแล้ว นายไปดูสิ ส่วนนายตามเขาไป”
ทหารสองนายใจกล้าพยายามเดินเข้าไปบริเวณที่มิเชลล์จู่ๆ ก็อันตรธานหายไปเพียงเสี้ยววินาที
    “ไม่มีร่องรอยเลยขอรับนาย”
[To be continue]
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่