รวมลิงก์ทริปนี้จ้า
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 1 : หม่ำซูชิจานเวียนที่ร้าน Magurobito @Asakusa :
https://ppantip.com/topic/36403426
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 2 : คาวากุจิโกะ ฟูจิซังอลังการ กับโฮโต @Houtoufudou :
https://ppantip.com/topic/36413704
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 3 : Kawaguchiko Living Center - Kawaguchiko Herb Hall - Wind Cave - Sanrokuen :
https://ppantip.com/topic/36463445/
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 4 : บุกบุฟเฟต์โรงแรมย่านชินจูกุกับ Super Buffet Glasscourt @ Keio Plaza Hotel :
https://ppantip.com/topic/36511684
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 6 : ฟินกับซูชิที่แถวยาวสุดๆ Sushi Dai @Tsukiji Fish Market :
https://ppantip.com/topic/36563978
เช้าวันนี้ เราขุดตัวเองขึ้นมาจากเตียงแต่เช้าเพื่อจะออกไปเที่ยวจังหวัดชิบะกัน โดยเป้าหมายแรกในช่วงเช้าของเราคือ "Dragon Farm" เป็นฟาร์มปลูก สตรอเบอร์เบอรี่ และบลูเลอร์รี่ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชิบะ และสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาที่นี่คือ การได้มาสัมผัสบรรยากาศการเก็บสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ สดๆ กินกันนั่นเอง
การจะมุ่งไปเป้าหมายแรกของเราในวันนี้ หลังจากนั่งรถไฟจาก Shinjuku Station มาถึง Chiba Station แล้ว ต้องต่อรถสาย Urban Line (คล้ายๆ รถกระเช้าโดยสาร) ไปยังสถานี Chishirodaikita Station
หลังจากถึงสถานี Chishirodaikita Station แล้ว เดินต่ออีกประมาณ 1.5 km ก็จะถึงฟาร์ม (ทางเดินสบายๆ ไม่ลำบาก) แต่สำหรับใครที่มากันเยอะๆ หรือเดินไม่ไหว แนะนำให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Tsuga Station แล้วนั่งรถแทกซี่จากหน้าสถานีเลยก็ได้ครับ ระยะทางประมาณ 4 km
เจอป้ายแล้ววววว เดินต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้วครับ
ถึงแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดครับ พี่คนดูแลฟาร์มเห็นผมก็เดินมาเปิดประตูให้ก่อน ผมมาถึง 9.45 เค้าเปิด 10.00 โมง แต่เค้าให้เข้ามาดื่มชาก่อนได้
เย้ เปิดแล้ววว
บรรยากาศรอบนอกเหมือนบ้านเรือนกระจกใน Harvest Moon
ช่วงฤดูกาลสตรอเบอร์รี่จะมีตั้งแต่ 1 Jan - 14 May
ช่วงฤดูกาลบลูเบอร์รี่จะมีตั้งแต่ 7 Jun - 31 Aug
แต่อย่างไรก็ตามเช็คที่หน้าเพจของ Dragon Farm ดูอีกทีก็ดีนะครับ เพราะแต่ละปีอาจจะไม่เหมือนกัน และราคาค่าเข้าของแต่ละเดือนก็ไม่เท่ากันด้วยครับ อยู่ที่ 1,700-2,000 เยน ถือว่าสูงกว่าฟาร์มอื่นๆ ในชิบะนิดหน่อย ระยะเวลาหม่ำจำกัด 30 นาที เวลาเปิดปิด แต่ละวนอาจจะไม่เท่ากัน แนะนำให้ติดตามจาก Facebook Page ของทางฟาร์มนะครับ เค้าจะแจ้งล่วงหน้าทุกวัน
เดี๋ยวไว้โอกาสหน้าจะลองไปฟาร์มอื่นๆ บ้าง แล้วจะมาบอกต่อนะครับ
Website :
http://www.dragon-farm.com/
Facebook Page :
https://www.facebook.com/15japan/
ด้านในจะมีที่นั่ง พร้อมน้ำชาและโบชัวร์ต่างๆ เกี่ยวกับที่เที่ยวรอบเมืองชิบะให้ชม พี่ที่ดูแลฟาร์มอัธยาศัยดีมาก พอบอกว่ามาจากไทยก็มีเอกสารภาษาไทยเตรียมมาให้ดูเพียบเลย 55
ป้ายกฏภาษาไทยล่าสุด พี่เค้าจะให้เราอ่านก่อนจะพาเข้าฟาร์มครับ
พี่คนดูแลฟาร์มจะพาเราเข้ามาด้านในโรงเพาะซึ่งสตรอเบอร์รี่พร้อมแล้ว ถาดสีเขียวทั้งสองคือดิปซอส นมข้นหวานและช้อกโกแลตครับ หมดก็มาเปลี่ยนได้เรื่อยๆ ในสามสิบนาที
แล้วก็ถึงเวลาลุยครับ มีหลากหลายพันธุ์จริงๆ
มีป้ายบอกรายละเอียดแต่ละพันธุ์ด้วย แต่ผมไม่เสียเวลาอ่านแน่นอนครับ ถ่ายรูปนิดนึง ที่เหลือคือเวลาแห่งกานสวาปาม แต่ทานมากๆ ระวังปวดปัสสาวะนะครับ สตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่น้ำค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ก่อนจะเข้ามา เตรียมเข้าห้องน้ำให้พร้อมก่อนล่ะ
ห้อยเต็มสองด้านทางเดินเลย เจอลูกไหนโดน ลูกไหนถูกโฉลกก็โฉบเลยครับ ผมค่อนข้างชอบตระกูล -ฮิเมะ นะ แม้ว่าลูกจะไม่ใหญ่มาก แต่หอมและรสค่อนข้างหวาน ไม่ต้องจิ้มนมข้นหวานเลย อ้อ จากการลองดิปทั้งนมข้นและช็อกโกแลต ส่วนตัวผมว่าช็อกโกแลตไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่นมข้นโอเคเลย สำหรับบางพันธุ์แทบจะไม่ต้องจิ้มด้วยซ้ำ มันอร่อยในตัวมันเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นซอสดิปผมเลยเฉยๆ สนุกสนานกับการชิมรสวตรอเบอร์รี่แต่ละสายพันธุ์มากกว่า
บิด ไม่ต้องชิมครีม แต่จุ่มนมเลยครับ ; P
แหม อันนี้โดดเดี่ยวอยู่ลูกเดียว ปล่อยไว้ก็ใช้ที่ ขอหม่ำนะครับ
การันตีว่าลูกโตสะใจ หลายพันธุ์มากๆ แต่มีสองพันธุ์ที่ผมชอบมากคือ Benihoppe มันหอมมากจริงๆ หวานเปรี้ยวกำลังดี กินละฟินสุดๆ ส่วนอีกพันธุ์คือ Mo Ikko อันนี้ที่ผมเจอลูกค่อนข้างใหญ่และกรอบหวานฉ่ำ สะใจดี
อะเหื้อ มัวแต่ถ่ายรูปไม่ได้ละครับ เดี๋ยวหมดเวลา ขอหม่ำก่อนละจ้า อ้อ เค้าจะมีที่ทิ้งก้านและถ้วยใส่นมข้นและช็อกโกแลตไว้ให้ในโรงเพาะนะครับ ฝากช่วยพี่ๆ ที่ดูแลฟาร์มเค้าแยกขยะด้วยเนอะ
หลังครบ 30 นาที ผมก็จรลีออกมาจากฟาร์มด้วยสภาพอิ่มอืดครับ กินไปเยอะพอสมควรครับ อยากกินสตรอเบอร์รี่ไม่อั้นแบบนี้มานานละ ฟินสุดๆ
พอออกมา จะมีป้าคนขายมัน เอามันเผามาให้ชิมด้วยหวานอร่อยมาก อ้อ ร้อนมากด้วย ระวังลวกปากนะเออ สามารถซื้อกลับได้ด้วยนะครับ แต่ผมจำราคาไม่ได้ ส่วนของฝากที่นี่จะมีแยมทำเอง ทั้งสตรอเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ และขนมและของจุกจิกอีกเล็กน้อยครับ
ภาพพี่ที่ดูแลที่ฟาร์มครับ สังเกตป้ายด้านหลัง ภาษาไทยพรึบเลย 555
หลังจากกลับจาก Dragon Farm เราก็มาลุยกันต่อที่นาริตะครับ เป็นสถานีที่อยู่ใกล้ๆ สนามบินนาริตะนั่นแล ใครไม่รู้จะแพลนไปไหน เที่ยวแถวใกล้ๆ สนามบินนาริตะก็เจ๋งไม่น้อยเลยนะครับ เดี๋ยวอีกสักพัก จะพาไปชมวัดนาริตะซัง แล้วไปหม่ำข้าวหน้าปลาไหลร้านดังที่ Kawatoyo กัน
[CR] [CR]ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 5 : เที่ยวชิบะ หม่ำสตรอเบอร์รี่ @Dragon Farm ทานข้าวหน้าปลาไหล @Kawatoyo Honten
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 1 : หม่ำซูชิจานเวียนที่ร้าน Magurobito @Asakusa : https://ppantip.com/topic/36403426
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 2 : คาวากุจิโกะ ฟูจิซังอลังการ กับโฮโต @Houtoufudou : https://ppantip.com/topic/36413704
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 3 : Kawaguchiko Living Center - Kawaguchiko Herb Hall - Wind Cave - Sanrokuen : https://ppantip.com/topic/36463445/
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 4 : บุกบุฟเฟต์โรงแรมย่านชินจูกุกับ Super Buffet Glasscourt @ Keio Plaza Hotel : https://ppantip.com/topic/36511684
ตระเวนกินเที่ยวรอบโตเกียว DAY 6 : ฟินกับซูชิที่แถวยาวสุดๆ Sushi Dai @Tsukiji Fish Market : https://ppantip.com/topic/36563978
เช้าวันนี้ เราขุดตัวเองขึ้นมาจากเตียงแต่เช้าเพื่อจะออกไปเที่ยวจังหวัดชิบะกัน โดยเป้าหมายแรกในช่วงเช้าของเราคือ "Dragon Farm" เป็นฟาร์มปลูก สตรอเบอร์เบอรี่ และบลูเลอร์รี่ ที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชิบะ และสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาที่นี่คือ การได้มาสัมผัสบรรยากาศการเก็บสตรอเบอร์รี่ บลูเบอร์รี่ สดๆ กินกันนั่นเอง
การจะมุ่งไปเป้าหมายแรกของเราในวันนี้ หลังจากนั่งรถไฟจาก Shinjuku Station มาถึง Chiba Station แล้ว ต้องต่อรถสาย Urban Line (คล้ายๆ รถกระเช้าโดยสาร) ไปยังสถานี Chishirodaikita Station
หลังจากถึงสถานี Chishirodaikita Station แล้ว เดินต่ออีกประมาณ 1.5 km ก็จะถึงฟาร์ม (ทางเดินสบายๆ ไม่ลำบาก) แต่สำหรับใครที่มากันเยอะๆ หรือเดินไม่ไหว แนะนำให้นั่งรถไฟไปลงที่สถานี Tsuga Station แล้วนั่งรถแทกซี่จากหน้าสถานีเลยก็ได้ครับ ระยะทางประมาณ 4 km
เจอป้ายแล้ววววว เดินต่อไปอีกนิดเดียวก็ถึงแล้วครับ
ถึงแล้ว แต่ยังไม่ถึงเวลาเปิดครับ พี่คนดูแลฟาร์มเห็นผมก็เดินมาเปิดประตูให้ก่อน ผมมาถึง 9.45 เค้าเปิด 10.00 โมง แต่เค้าให้เข้ามาดื่มชาก่อนได้
เย้ เปิดแล้ววว
บรรยากาศรอบนอกเหมือนบ้านเรือนกระจกใน Harvest Moon
ช่วงฤดูกาลสตรอเบอร์รี่จะมีตั้งแต่ 1 Jan - 14 May
ช่วงฤดูกาลบลูเบอร์รี่จะมีตั้งแต่ 7 Jun - 31 Aug
แต่อย่างไรก็ตามเช็คที่หน้าเพจของ Dragon Farm ดูอีกทีก็ดีนะครับ เพราะแต่ละปีอาจจะไม่เหมือนกัน และราคาค่าเข้าของแต่ละเดือนก็ไม่เท่ากันด้วยครับ อยู่ที่ 1,700-2,000 เยน ถือว่าสูงกว่าฟาร์มอื่นๆ ในชิบะนิดหน่อย ระยะเวลาหม่ำจำกัด 30 นาที เวลาเปิดปิด แต่ละวนอาจจะไม่เท่ากัน แนะนำให้ติดตามจาก Facebook Page ของทางฟาร์มนะครับ เค้าจะแจ้งล่วงหน้าทุกวัน
เดี๋ยวไว้โอกาสหน้าจะลองไปฟาร์มอื่นๆ บ้าง แล้วจะมาบอกต่อนะครับ
Website : http://www.dragon-farm.com/
Facebook Page : https://www.facebook.com/15japan/
ด้านในจะมีที่นั่ง พร้อมน้ำชาและโบชัวร์ต่างๆ เกี่ยวกับที่เที่ยวรอบเมืองชิบะให้ชม พี่ที่ดูแลฟาร์มอัธยาศัยดีมาก พอบอกว่ามาจากไทยก็มีเอกสารภาษาไทยเตรียมมาให้ดูเพียบเลย 55
ป้ายกฏภาษาไทยล่าสุด พี่เค้าจะให้เราอ่านก่อนจะพาเข้าฟาร์มครับ
พี่คนดูแลฟาร์มจะพาเราเข้ามาด้านในโรงเพาะซึ่งสตรอเบอร์รี่พร้อมแล้ว ถาดสีเขียวทั้งสองคือดิปซอส นมข้นหวานและช้อกโกแลตครับ หมดก็มาเปลี่ยนได้เรื่อยๆ ในสามสิบนาที
แล้วก็ถึงเวลาลุยครับ มีหลากหลายพันธุ์จริงๆ
มีป้ายบอกรายละเอียดแต่ละพันธุ์ด้วย แต่ผมไม่เสียเวลาอ่านแน่นอนครับ ถ่ายรูปนิดนึง ที่เหลือคือเวลาแห่งกานสวาปาม แต่ทานมากๆ ระวังปวดปัสสาวะนะครับ สตรอเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่น้ำค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ก่อนจะเข้ามา เตรียมเข้าห้องน้ำให้พร้อมก่อนล่ะ
ห้อยเต็มสองด้านทางเดินเลย เจอลูกไหนโดน ลูกไหนถูกโฉลกก็โฉบเลยครับ ผมค่อนข้างชอบตระกูล -ฮิเมะ นะ แม้ว่าลูกจะไม่ใหญ่มาก แต่หอมและรสค่อนข้างหวาน ไม่ต้องจิ้มนมข้นหวานเลย อ้อ จากการลองดิปทั้งนมข้นและช็อกโกแลต ส่วนตัวผมว่าช็อกโกแลตไม่ค่อยเข้ากันเท่าไหร่ แต่นมข้นโอเคเลย สำหรับบางพันธุ์แทบจะไม่ต้องจิ้มด้วยซ้ำ มันอร่อยในตัวมันเองอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นซอสดิปผมเลยเฉยๆ สนุกสนานกับการชิมรสวตรอเบอร์รี่แต่ละสายพันธุ์มากกว่า
บิด ไม่ต้องชิมครีม แต่จุ่มนมเลยครับ ; P
แหม อันนี้โดดเดี่ยวอยู่ลูกเดียว ปล่อยไว้ก็ใช้ที่ ขอหม่ำนะครับ
การันตีว่าลูกโตสะใจ หลายพันธุ์มากๆ แต่มีสองพันธุ์ที่ผมชอบมากคือ Benihoppe มันหอมมากจริงๆ หวานเปรี้ยวกำลังดี กินละฟินสุดๆ ส่วนอีกพันธุ์คือ Mo Ikko อันนี้ที่ผมเจอลูกค่อนข้างใหญ่และกรอบหวานฉ่ำ สะใจดี
อะเหื้อ มัวแต่ถ่ายรูปไม่ได้ละครับ เดี๋ยวหมดเวลา ขอหม่ำก่อนละจ้า อ้อ เค้าจะมีที่ทิ้งก้านและถ้วยใส่นมข้นและช็อกโกแลตไว้ให้ในโรงเพาะนะครับ ฝากช่วยพี่ๆ ที่ดูแลฟาร์มเค้าแยกขยะด้วยเนอะ
หลังครบ 30 นาที ผมก็จรลีออกมาจากฟาร์มด้วยสภาพอิ่มอืดครับ กินไปเยอะพอสมควรครับ อยากกินสตรอเบอร์รี่ไม่อั้นแบบนี้มานานละ ฟินสุดๆ
พอออกมา จะมีป้าคนขายมัน เอามันเผามาให้ชิมด้วยหวานอร่อยมาก อ้อ ร้อนมากด้วย ระวังลวกปากนะเออ สามารถซื้อกลับได้ด้วยนะครับ แต่ผมจำราคาไม่ได้ ส่วนของฝากที่นี่จะมีแยมทำเอง ทั้งสตรอเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ และขนมและของจุกจิกอีกเล็กน้อยครับ
ภาพพี่ที่ดูแลที่ฟาร์มครับ สังเกตป้ายด้านหลัง ภาษาไทยพรึบเลย 555
หลังจากกลับจาก Dragon Farm เราก็มาลุยกันต่อที่นาริตะครับ เป็นสถานีที่อยู่ใกล้ๆ สนามบินนาริตะนั่นแล ใครไม่รู้จะแพลนไปไหน เที่ยวแถวใกล้ๆ สนามบินนาริตะก็เจ๋งไม่น้อยเลยนะครับ เดี๋ยวอีกสักพัก จะพาไปชมวัดนาริตะซัง แล้วไปหม่ำข้าวหน้าปลาไหลร้านดังที่ Kawatoyo กัน