ถึงคุณหมอเพจเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก รอบ 2 คุณกำลังหลงประเด็นไปไกลมากเลยครับ

จากที่ผมได้ตั้งกระทู้ไปก่อนหน้า https://ppantip.com/topic/36504403/

ความเดิมคล่าว ๆ คือคุณหมอ 2 คนนี้ทำเพจเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก ซึ่งได้มีข้อเขียนในแนวทางสุดโต่งมาแล้วหลายครั้ง
แต่คราวนี้หนักสุด เพราะเป็นกระแสต่อเนื่องยาวนาน ลามไปถึงการลงชื่อเพิ่อให้แพทยสภาตรวจสอบจรรยาบรรณด้วย


ทำให้เพจต่าง ๆ และ Social Media เข้ามาแสดงความเห็นแย้งเป็นอย่างมาก
ตอนนั้นคุณหมอได้ใช้วิธีลบโพสที่เห็นต่างและบล๊อกซ้ำ แม้ความเห็นนั้น ๆ จะโพสด้วยถ้อยคำสุภาพและถูกต้องตามหลักวิชาการก็ตาม (ผมก็โดนบล็อค)
ทำให้เรื่องราวลุกลามใหญ่โต และคนยิ่งแชร์ ยิ่งกระหน่ำเข้าไปแสดงความเห็นในเพจของคุณหมออย่างเนืองแน่น

ตอนนี้คุณหมอมาโพสขอโทษแล้ว แต่ก็ยังไม่วายที่จะโทษเกมอีกเหมือนเดิม


ซึ่งจากที่คุณหมอโพสต์มาผมอยากจะบอกคุณหมอเหลือเกิน แต่โพสต์ในเพจนั้นไม่ได้เพราะโดนบล็อคไปแล้ว
จึงจำเป็นต้องอาศัยพันทิปในการเป็นสื่อกลางเพื่อที่จะพูดคุยกับคุณหมออีกครั้ง

ผมอยากจะเรียนให้คุณหมอทราบว่า ที่เรื่องราวลุกลามบานปลายใหญ่โตทั้งหมดนั้น ไม่ได้มีสาเหตุดฉพาะเรื่องที่คุณหมอลงงานเขียนเกี่ยวกับเกมแต่เพียงอย่างเดียว (ขอไม่ใช้คำว่าบทความ เพราะไม่มีการอ้างอิงหลักวิชาการใด ๆ ที่ได้รับการยอมรับในหลักสากลเลย)



สาเหตุหลัก ๆ ที่หลายคนหลายเพจเขาทนรับกับสิ่งที่คุณหมอแสดงออกผ่านข้อเขียนในเพจของคุณหมอไม่ได้ก็เพราะ

1. นั่นคือเพจเกี่ยวกับการเลี้ยงลูก ซึ่งการเลี้ยงลูกจัดได้ว่าเป็นทั้งศาสตร์และศิลป์ เพราะมันเป็นเรื่องยากและมันไม่มีสูตรสำเร็จตายตัว
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปี ตั้งแต่เพจเก่าที่กลายเป็นเพจแนะนำขายตรงแชร์ลูกโซ่ไปแล้วนั้น
คุณหมอและภรรยาแสดงออกอย่างชัดเจนในการที่จะสอนลูกเพจหรือผู้ติดตามให้เลี้ยงลูกอย่างสุดโต่ง
คุณหมอไม่เพียงแต่เห็นว่าเกมเป็นสิ่งเลวร้ายที่จะต้องกำจัดทิ้งเท่านั้น คุณหมอยังพยายามยัดเยียดแนวคิดนี้ให้ผู้ที่ติดตามเพจของคุณหมออยู่


เหล่านี้ไม่ใช่เรื่องเพิ่งเกิด แต่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เท่าที่นับเป็นเรื่องราวดราม่าได้ก็ 3 ครั้งเป็นอย่างน้อย
แต่ทีนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเกม คุณหมอยังพยายามยัดความคิดของตนใส่เข้าไปในเด็ก ใส่เข้าไปในผู้ปกครอง ว่าต้องเรียนเก่ง ต้องเข้าเรียนโรงเรียนดี ๆ
ต้องได้เข้าคณะดี ๆ ในมหาวิทยาลัยที่คุณหมอคิดว่าดี

ยิ่งไปกว่านั้น คุณหมอยังให้คำแนะนำแบบสุดโต่งไปเลยอย่างการที่บอกว่าเด็ก ๆ ไม่มีสิทธิ์ที่จะต่อรองใด ๆ
ทั้ง ๆ ที่การห้ามไม่ให้เด็กใช้โทรศัพท์หรือ Tablet นั้นมีสารพัดวิธี และการต่อรองก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะสอนให้เด็กเรียนรู้ว่าทำตามที่แนะนำจะได้รับผลดีหรือรางวัลตามมา

เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนเป็นห่วง ห่วงว่าถ้าปล่อยให้เผยแพร่ทัศนคติและวิธธีการเลี้ยงลูกแบบสุดโต่งอย่างนี้ต่อไป อาจเป็นอันตรายต่อสังคมได้
ย้ำอีกทีว่ามันไม่ใช่เพียงเรื่องเกมเพียงอย่างเดียว วิธีการเลี้ยงลูกแบบสุดโต่ง ก็ไม่ควรมีปรากฏในเพจของคุณหมอด้วย



2. คุณหมอแสดงความคิดเห็นในเชิงดูถูกบุคคลอื่นหรือวิชาชีพอื่นอยู่หลายครั้ง และแต่ละครั้งแทบไม่น่าเชื่อว่านี่คือการแสดงความเห็นของคุณหมอที่สอนการเลี้ยงลูก
หรือแม้แต่การบอกว่าพวกที่เล่นเกมเป็นพวกที่ไม่มีอนาคต อย่างนี้เป็นต้น
เพราะฉะนั้นขอเรียนให้คุณหมอได้ทราบเผื่อว่าจะยังไม่ทราบ ว่าในโลกนี้มีอาชีพที่เกี่ยวกับเกมและสร้างงานสร้างรายได้มหาศาล
เกมหลายเกมได้ถูกใช้สอนในโรงเรียน และเผื่อคุณหมอจะไม่ทราบ โรงเรียนที่ลูกคุณหมอเรียนอยู่ เขามีชมรมเกี่ยวกับเกมอยู่ด้วยนะครับ
และ Facebook ที่คุณหมอใช้อยู่นั้นก็สร้างมาจากเด็กที่เล่นเกมคนหนึ่ง ฟอนต์ที่คุณหมอใช้ในหน้าปกหนังสือที่คุณหมอทำขาย ก็เป็นฟอนต์ที่สร้างโดยเด็กติดเกมคนหนึ่งเช่นกัน และตอนนี้เขาไม่พอใจที่คุณหมอใช้ฟอนต์ของเขาเสียด้วย
หรืออย่างเรื่องกาแฟที่คุณหมอไปกล่าวหาว่าคนส่วนใหญ่ใช้เงินไม่เป็นอีก เหล่านี้ล้วนส่งผลกระทบกลับมาสู่คุณหมอและเพจของคุณหมอไม่ใช่แค่เรื่องเกมเพียงอย่างเดียว คนที่เขาไม่ได้เล่นเกมแต่ดื่มกาแฟ จู่ ๆ ก็โดนกล่าวหาว่าใช้เงินไม่เป็นอีก

คุณหมอไม่ได้สูงส่งกว่าคนทั่วไปในด้านใด ๆ เลย เพียงแค่มีคำนำหน้าชื่อว่าเป็นนายแพทย์ เป็นแพทย์หญิง ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถไปดูถูกใครต่อใครผ่านข้อเขียนหรือการตอบคำถามในเพจของคุณหมอได้
คนอื่นก็เป็นคน จะพ่อค้า กรรมกรก่อสร้าง หรือแม้แต่เด็กนักเรียนคนหนึ่งก็เป็นคนที่มีชีวิตจิตใจเช่นกัน การเขียนข้อเขียนในเชิงดูหมิ่นคนอื่นอาชีพอื่นนั้นเป็นสิ่งสมควรสมควรหรือไม่ ผมเชื่อว่าไม่ต้องให้คนที่เรียนจบสูง ๆ มีคำนำหน้าชื่อว่า นายแพทย์ ก็สามารถตอบได้ แต่ทำไมนายแพทย์คนหนึ่งถึงคิดไม่ได้?



3. คุณหมอและภรรยาใช้สถานะความเป็นนายแพทย์และแพทย์หญิงมาช่วยเสริมความน่าเชื่อถือของข้อเขียนของตน
และยังใช้เพือต่อยอดไปยังเรื่องอื่น ๆ อย่างการขายหนังสือ ให้คำปรึกษาเกี่ยวกับเด็กหรือผู้ใหญ่ เป็นวิทยากรบรรยาย
หรือแม่แต่ใช้โฆษณาขายตรงแชร์ลูกโซ่ที่ผิดกฏหมาย

แต่ที่ร้ายที่สุดคือคุณหมอแนะนำให้คนที่มาปรึกษาอย่ามีลูกกับสามี และเตรียมเก็บเงินเก็บทองไว้เผื่อการหย่าร้าง เพียงเพราะสามีซื้อเครื่องเล่นเกม PS4 เข้าบ้าน
หมอแบบไหนกันครับถึงได้ให้คำแนะนำแบบนี้ ต้องจบเวชศาสตร์ครอบครัวมาเท่านั้นหรือไม่
แล้วอีกคนที่จบจิตวิทยาเด็กนั่นไม่แนะนำกันบ้างหรือ
ไม่เชื่อนะครับว่าคนที่เรียนมาระดับนี้ เคลมตัวเองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญสารพัดทั้งการเลี้ยงลูก ทั้งด้านการใช้จ่ายเงิน
ขนาดเขียนหนังสือออกมาขายตั้งหลายเล่ม จะแนะนำให้แก้ปัญหาเกมด้วยการหย่าร้าง

ถึงได้เกิดการรณรงค์ให้แพทยสภาเข้ามาตรวจสอบ ตอนนี้ก็เกิน 15,000 คนไปมากแล้ว ถามตัวเองดูครับว่าที่ทำอยู่นี้ ผิดจรรยาบรรณแพทย์หรือไม่
ให้คำแนะนำแบบนั้นไปได้อย่างไร ทั้งที่ไม่ได้ไปทำความเข้าใจกับครอบครัวเขาให้ดีก่อน



4. แต่ ครับ แต่ ยังไม่พอแค่นั้น ยกตัวเองเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเลี้ยงลูก เลี้ยงลูกอย่างไรให้ประสบผลสำเร็จ แต่ลูกคุณหมออายุยังน้อยอยู่เลย
เปลี่ยนเป็นเลี้ยงลูกให้สดใส เลี้ยงลูกให้เติบโตสมวัยมีพัฒนาการที่ดี เอาแค่นี้ก่อนดีกว่าไหม เพราะการที่คุณมาทำเพจสอนแบบนี้ ปัญหาที่จะตามมาก็คือคนย่อมคาดหวังว่าลูกของคุณหมอจะประสปผลสำเร็จหรือเปล่า ตัวคุณพ่อคุณแม่เองก็ด้วย ในเมื่อโฆษณาลูกไว้เยอะ ก็ยิ่งกดดันว่าลูกจะได้ดีอย่างที่พ่อแม่เที่ยวไปสอนคนอื่นไว้หรือไม่  พอพ่อแม่กดดันสุดท้ายลูก ๆ ก็ต้องโดนหางเลขไปด้วยจนได้
แถมเอาลูกมาลงเพจ อัพเดทบ่อย ๆ ก็เหมือนกับเอาสปอตไลท์มาส่องที่ตัวลูกให้คนรู้จักทั่วบ้านทั่วเมือง
ไม่ต้องเรียนจบจิตวิทยาเด็กหรือเวชศาสตร์ครอบครับก็รู้ได้ครับว่า ถ้าเด็กทนรับสภาพที่กลายเป็นบุคคลสาธารณะได้ ก็ดีไป แต่ถ้าโตขึ้นมารู้เรื่องมากกว่านี้แล้วเขาไม่ชอบสภาพแบบนี้เขาจะเป็นยังไง ดูดาราเด็กที่แสดงเป็น Anakin Skywalker ตอนเด็กก็ได้ ว่าเขาได้รับผลกระทบมากขนาดไหน
ไม่น่าเชื่อนะครับว่าคนที่เป็นถึงระดับนั้นจะเป็นได้ถึงขนาดนี้
และอีกอย่างหนึ่ง สอนคนอื่นเรื่องการใช้เงิน เขียนหนังสือออกมาขาย แต่ตัวเองไม่ได้มีประวัติด้านการเงินที่ดีพอจะเชื่อถือได้ แถมยังเคยยุ่งเกี่ยวกับแชร์ลูกโซ่ ขายตรงหลอกลวงด้วยอีก ก็คิดเอาเองเถิดครับว่าจะเป็นยังไง


5. คุณหมอไม่รับฟังความเห็นต่าง คุณหมอเปิดเพจสาธารณะขึ้นมา นำเสนอข้อเขียนด้านการเลี้ยงลูกที่ไม่ได้มีสูตรสำเร็จตายตัวขึ้นมา
แต่คุณหมอกลับรับความเห็นต่างไม่ได้ โพสไหนเห็นต่างลบทิ้งหมดแล้วบล็อคซ้ำ เหลือไว้แต่ลูกเพจที่ยกยอ ที่เห็นดีเห็นงามตามเท่านั้น
แม้ว่าในบรรดาความเห็นที่เห็นต่างเขาจะโพสด้วยถ้อยคำสุภาพขนาดไหน มีหลักฐานทางวิชาการอ้างอิงอย่างไร ตุณหมอก็รับความเห็นต่างนั้นไม่ได้เลย
อย่างความเห็นนี้ เป็นเด็กนักเรียนในโรงเรียนที่คุณหมอให้ลูกเข้าไปเรียนนั่นแหละ เขาก็แสดงความเห็นในมุมมองของเขา ไม่ได้หยาบคายอะไร
แต่ความคิดเห็นนี้ก็ถูกลบหายไป

แล้วจะให้เชื่อได้ยังไงหละครับว่าถ้าเป็นลูก ๆ ของคุณหมอเมื่อโตขี้นมามีความคิดของตนเองแล้ว คุณจะรับฟังเสียงของเขา

ยังไม่พอนะครับ หลังจากที่ลบโพสเห็นต่างและบล็อคคนที่เห็นต่างไม่ไหวแล้วเพราะยิ่งลบยิ่งมีเข้ามา
คุณหมอก็ใช้วิธีเอากฏหมายมาขู่ Copy & Paste ไปเรื่อย หวังจะให้คนกลัว แต่พอมีผู้รู้ด้านกฏหมายมาแย้งว่าไอ้ที่  Copy & Paste ไปเรื่อยนี้มันใช้ไม่ได้
มีการอธิบายในแง่มุมของกฏหมาย แต่แล้วความเห็นนั้นก็หายวับไปกับตา
นี่ขนาดเรื่องกฏหมายที่ไม่ใช่ศาสตร์ที่คุณหมอเชี่ยวชาญ ก็ยังทนรับความเห็นต่างไม่ได้ น่าเป็นห่วงเหลือเกินถ้าจะมีเด็กคนใดต้องเติบโตมาด้วยการเลี้ยงดูของผู้ปกครองที่ไม่ยอมรับความเห็นต่างใด ๆ

และขอเรียนตามตรงว่าวิธีการรับมือกับปัญหาของคุณหมอเข้าขั้นวิกฤติ เพราะเปลี่ยนวิกฤติให้เป็นวิบัติได้อย่างสิ้นเชิง


ทั้งหมดที่กล่าวมา เหล่านี้แหละครับที่ทำให้ชาว Social Network ทั้งหลายให้ความสนใจ มันไม่ได้เป็นเฉพาะแค่เรื่องเกมเลย

แต่คุณหมอก็ยังไม่ตระหนักถึงปัญหาเหล่านี้ เพราะอคติเรื่องเกมที่มีในใจจนฝังลึกเข้าไปข้างในอย่างลึกซึ้ง แทนที่จะเห็นปัญหาว่าอยู่ที่ใคร
จิตใต้สำนึกก็สร้างกลไกป้องกันตัวเองขึ้นมาโดยโทษว่าปัญหาทั้งหลายในขณะนี้ สาเหตุเพราะเกม เพียงอย่างเดียว

ดังนั้นการที่ประกาศว่าจะไม่มีข้อเขียนที่เกี่ยวกับเกมอีกต่อไป ไม่ได้ช่วยให้หายขาด มันแค่ช่วยให้ปัญหามันน้อยลงเท่านั้น
ตราบใดที่ยังมีทัศนคติในการเลี้ยงลูกแบบสุดโต่ง ตราบใดที่ยังรับความเห็นต่างไม่ได้ ตราบใดที่ยังไม่เลิกดูแคลนคนอื่น ปัญหาแบบนี้ก็จะย้อนกลับมา


ในช่วงเวลา 1 เดือนที่จะพักการอัพเดทเพจเอาไว้นี้ อยากให้คุณหมอลองไปปรึกษาผู้เชียวชาญด้านจิตวิทยาที่ไม่ใช่ภรรยาของคุณหมอเอง
อาจจะเป็นอาจารย์แพทย์ที่นับถือ ให้ท่านช่วยให้คำปรึกษาว่าเหตุใดกัน เกมถึงได้มีอิทธิพลต่อคุณหมอมากขนาดนี้
บางทีถ้าแก้ไขตรงนี้ได้ คนที่ติดตามเพจแสนกว่า Login จะได้รับคำแนะนำในการเลี้ยงลูกที่ถูกวิธีจริง ๆ เสียที


อ้อ ว่าง ๆ ลองไปอ่านเพจที่แนะนำการเลี้ยงลูกอย่าง เข็นเด็กขึ้นภูเขา หรือ เพจคุณหมอประเสิรฐ ดูบ้างนะครับ จะได้ทราบว่าคำแนะนำในการเลี้ยงลูกที่ไม่ใส่อคติของตนเองเข้าไปด้วยนั้นเป็นอย่างไร ทั้ง 2 เพจนี้อ่านง่ายครับ และไม่มีข้อความดูถูกคนอื่นหรืออาชีพอื่นอยู่ในเนื้อหาเลย



ปล. ถึงคนที่ติดตามเพจนี้อยู่และชอบบอกว่า ข้อเขียนดี ๆ ก็มีอยู่ คนอ่านควรเลือกที่จะเชื่อ อันไหนไม่เหมาะก็ไม่ต้องเชื่อต้องใช้วิจารณญาณ
ผมอยากจะถามว่า ถ้ามีเพจแนะนำการดูแลสุขภาพโดยคุณหมอที่มีชื่อเสียง มีบทความ มีสาระดี ๆ มาตลอด
จู่ ๆ คุณหมอก็โพสเรื่องมะนาวโซดารักษามะเร็งได้ ทานทุเรียนลดความอ้วน หรือขายยาลดความอ้วนที่มีสารอันตราย
คุณจะบอกว่าคนอ่านควารเลือกเสพอยู่ไหม คุณจะปล่อยผ่านไปเลือกแต่เรื่องที่ชอบหรือเปล่า
กลับกัน ถามด้วยความเคารพ ถ้าบังเอิญมีคนที่ติดตามเพจที่สอนการเลี้ยงลูกด้วยวิธีที่คุณหมอต้นเรื่องนี้กำลังทำอยู่
แล้วเขาเลี้ยงดูลูกแบบนั้นจริง ๆ คุณสงสารเด็กบ้างไหม คุณคิดว่าเด็กที่ได้รับการเลี้ยงดูแบบสุดโต่งขนาดนั้นจะเป็นอย่างไร
ถ้าคนติดตาม แสนกว่าคนของเพจนั้น ทำตามที่สอนสัก 0.1% นั่นหมายความว่ามีเด็กถึง 100 คนที่จะต้องเจอปัญหา
คุณจะยังปล่อยผ่านไปไม่สนใจได้หรือไม่

บางคนอาจจะตอบว่าทนได้ แต่ผมทนไม่ได้ เพราะผมเคยถูกแลี้ยงดูแบบนั้นมาแล้ว ผมเจอด้วยตัวเองแล้วว่ามันมีผลเสียมากแค่ไหน

อย่าให้เด็กคนไหนต้องเจอแบบนั้นอีกเลย
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 72
อัพเดทสถานการณ์ค่ะ ไม่ทราบว่าทราบกันรึยัง?

แพทย์สภารับเรื่องแล้วนะคะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

เรามารอดูกันว่าจะมีการตรวจสอบทางจริยธรรมหนือไม่ แต่เท่าที่ดูจากความเห็นของหมอหลายท่าน น่าจะมีการตรวจสอบจริงจังค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เรียนคุณหมอในข่าวและพ่อแม่ทุกท่านทราบนะคะ
ดิฉันเป็นคนแอนตี้เพจนี้มาตั้งแต่ดราม่าเกมคราวก่อน และในคราวนี้ก็ยังแอนตี้หนักมากเหมือนเดิม เพราะอะไรทราบมั้ยคะ?
1.ไม่มีใครสามารถกำหนดวิถีชีวิตของใครคนใดคนหนึ่งได้ แม้จะเป็นลูกๆของคุณก็ตาม
บ้านดิฉันมีกันสี่คนพี่น้องค่ะ คนโตวิศวะ คนรองสื่อสารมวลชน คนที่สามเป็นหมอ คนที่สี่คือดิฉันเองกำลังทำปริญญาเอกต่างประเทศค่ะ
เราสี่คนถูกเลี้ยงดูมาเหมือนกัน พ่อแม่คนเดียวกัน อาหารที่กินเหมือนกัน โรงเรียนตั้งแต่อนุบาลยันม.ปลาย โรงเรียนเดียวกันค่ะ
เห็นรึยังคะ? ทุกท่าน ขนาดพี่น้องท้องเดียวกัน วิถีการเลี้ยงดูเหมือนกัน เรายังมีความต่างด้านอาชีพที่หลากหลายมากๆค่ะ
การที่คุณหมอทั้งสองท่านพยายามยัดเยียดให้สังคมไทยเข้าใจว่า ถ้าเลี้ยงดูตามที่คุณหมอบอกจะได้ลูกที่เป็นหมอ มันเป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ เราสี่คนถึงจะมีอาชีพที่ต่างกันออกไป แต่เราให้เกียรติซึ่งกันละกัน อันที่จริงพี่หมอของดิฉันออกจะเป็นพวกพูดน้อยต่อยหนักขอบฟังดิฉันพูดบ้าบอคอแตกมากเวลากลับบ้านมากเพราะแกทำงานหนักมาทั้งวัน เราเล่นเกมด้วยกันตอนเล็กๆค่ะ แต่พอดิฉันเลิกเล่นพี่สองคนก็เล่นกันแค่นั้น (พี่ชายคนโตไม่ได้อยู่ด้วยกันค่ะ)เพราะฉะนั้นเกมไม่ใช่ปัญหาแน่นอน
2. คุณหมอทั้งสองท่านเอาวิชาชีพแพทย์มาใช้ประโยชน์ ทั้งเรื่องการเงินที่ไม่มีประสบการณ์ ก็พยายามมาสั่งสอนและเปิดคอร์สสอนคนอื่น ซึ่งดิฉันว่ามันไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ทุกท่านคะ หมอทั่วไป(รวมถึงพี่ดิฉันสมัยก่อน) ต้องทำงานต่อสู้กับหลายๆอย่างทั้งวัน เวลานอนบางทีมีโทรศัพท์เข้ามาก็ต้องดิ่งไปดูคนไข้ ยิ่งหมอที่ต่างจังหวัดทรหดมากค่ะ นี่ค่ะอาชีพแพทย์ (เอกชนอาจจะเบาอยู่บ้าง แต่ตอนนี้มีแพทย์จำนวนมากที่ทำงานอย่างทรหดจริงๆค่ะ)
ดังนั้นการที่คุณหมอทั้งสองท่านใช้สถานะพิเศษของการเป็นแพทย์ที่ดูว่าเป็นอาชีพที่ประสบความสำเร็จมาขายของ ดิฉันไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง!
3.การใช้ถ้อยคำดูถูกคนอื่นของคุณหมอ อันนี้ดิฉันว่าทุกท่านคงรู้สึก หมอที่ต่างจังหวัดไกลๆต้องออกตรวจพื้นที่ ยกมือไหว้คนแก่ ชาวเขา คนด้อยโอกาส นี่คือหมอค่ะ ไม่ใช่การใช้ถ้อยคำดูถูกตนอื่นอย่างนี้ ดิฉันเชื่อว่าหมอแย่ๆก็มีนะคะ แต่การกระทำของคุณหมอสองท่านนี้จะทำลายภาพลักษณ์ของคุณหมอดีๆอีกมาก อาชีพแพทย์ไม่ใช่อาชีพที่สร้างความจองหองหรอกค่ะ เป็นที่ตัวสองท่านนั้นเอง
4. วิธีการเลี้ยงลูกผิดๆ นี่เป็นอีกข้อหนึ่งที่ทุกท่านคงประจักษ์แล้ว ตามที่ดิฉันรู้สึก จุดสำคัญที่สุดของคุณพ่อคุณแม่ทุกท่านคือการทำให้ลูกๆได้ค้นพบความฝันของตนเอง และไปได้อย่างฝัน เมื่อเขาค้นพบตัวเองแล้ว เขาก็จะคว้ามันมาเองอย่างยิดเยี่ยมที่สุด ระหว่างนั้นคุณพ่อคุณแม่ก็ช่วยเป็นกำลังใจให้พวกเขา ดิฉันเชื่ออย่างนี้ ดังนั้นการเลี้ยงลูกแบบกำหนดกฏเกณ์ถึงจนาดต้องขีดตารางเวลาให้ปฏิบัติ มันไม่ได้ผลหรอกค่ะ
อย่าให้ความเชื่อผิดๆทำร้ายสังคมโดยใช้คำว่านายแพทย์มาสนับสนุนกันเลยนะคะ
ps.ดิฉันเชื่ออยู่นิดหนึ่งว่าคุณหมอทั้งสองไม่น่าจะมีเจตนาบริสุทธ์ในการเผยแพร่ความรู้ด้านการเลี้ยงลูก น่าจะเป็นเรื่องการขายสินค้ามากกว่า
ความคิดเห็นที่ 3
พ่อแม่จำนวนมากมักคิดว่าเลือกทางที่ดีที่สุดให้ลูก
แต่โชคร้ายคือพวกเขาอาจเข้าใจผิด
เพราะทางที่พวกเขา"ตั้งใจ"เลือกให้ลูกนั้นอาจแฝงไว้ด้วยปัญหาหลายๆอย่าง
พวกเขาอาจไม่เข้าใจเด็ก หรือแค่เพื่อแก้ปมในใจตัวเอง
บางคนคิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของชีวิตลูก ข้อนี้สำคัญคนไทยเป็นกันมาก
พวกนี้จะทำทุกอย่างเพื่อให้ลูกเป็นตามที่เขาต้องการ
ลูกอาจโตขึ้นเป็นไปแบบที่เขาต้องการ แต่คนที่ถูกเลี้ยงมาแบบนี้อาจมีปัญหาในใจลึกๆแม้พ่อแม่จะตายไปแล้ว
ผมเรียนจบแพทย์มายี่สิบกว่าปีและตอนนี้อายุขึ้น50กว่าแล้ว
แน่นอนว่าผมเคยเห็นคนเป็นหมอที่ถูกเลี้ยงมาแบบพ่อแม่ปั้นขึ้นมาแบบเคร่งครัดไม่ผ่อนปรน จำนวนมากพอสมควร
เปลือกนอกพวกเขาดูจะมีความสำเร็จ และมีชีวิตที่ดี แต่เมื่อได้ร่วมงานกับคนประเภทนี้แบบใกล้ชิดคุณจะรู้ว่า มันมักจะมีปัญหา
อะไรที่สุดโต่งเกินไปมันไม่ดีหรอกครับ ทางสายกลางดีที่สุด
ผมก็เป็นพ่อคนเหมือนกัน และลูกๆก็อยู่ในวัยรุ่น
ผมกับภรรยาคิดเหมือนกันว่าตั้งแต่ลูกเกิดมาเรามีนโยบายหลักในการเลี้ยงลูกคือ เลี้ยงให้เขามีความสุข แต่ต้องไม่ไร้สาระ
ผมโชคดีที่แฟนผมเขาเก่งเรื่องให้แรงจูงใจทางบวก
และที่สำคัญคือเราคิดตรงกันว่าพ่อแม่มีหน้าที่แค่เลี้ยงดูให้เขาโตขึ้นดูแลตัวเองได้ อย่าคิดว่าเป็นเจ้าของชีวิตของพวกเขา
ลูกๆเป็นเจ้าของชีวิตตัวเองครับ
ให้โอกาสให้เขาได้เลือกเองให้มากที่สุดตั้งแต่เล็กๆ
ลูกผมจะได้มีโอกาสเลือกเองเสมอ และเขาจะเรียนรู้ถูกผิดจากการเลือกของเขาได้เอง
ตอนนี้ลูกคนโตเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว ตอนเขาจะเลือกเรียน เขามาถามผมกับแม่เขาว่าควรจะเรียนอะไร
ผมตอบว่าเลือกเรียนที่แกสบายใจ แค่นี้เองครับ
แม่เขาบอกว่าอยากให้เรียนแพทย์เหมือนพ่อ แต่พูดขำๆไม่จริงจังอะไร
ตอนนี้เขาได้เรียนในสิ่งที่เขาชอบ และถนัด ดูจะไปได้ดี และมีความสุขในชีวิต
ต่อไปผมคงได้แค่สนับสนุนเขาให้ได้ตามที่เขาต้องการเท่าที่จะทำได้
แต่คงไม่ไปยุ่งกับชีวิตส่วนตัว และการเรียน การงานของเขาอีก
ผมบอกเขาว่าลูกได้เลือกทางเดินของตัวแล้ว ต่อไปนี้พ่อคงได้แค่เป็นที่ปรึกษาและคอยช่วยเหลือเท่านั้น
ชีวิตเป็นของลูก ลูกต้องเลือกทางเอง
ความคิดเห็นที่ 2
ความเห็นของคุณหมอร่วมวิชาชีพท่านอื่น ๆ

ทั้งงดงาม และทรงพลัง
เพี้ยนไฟลุก


ความคิดเห็นที่ 28
มีท่านหนึ่งวิเคราะห์การใช้ภาษาในโพสต์ขอโทษของคุณหมอไว้อย่างน่าสนใจมาก

ความคิดเห็นที่ 15
เห็นด้วยกับ จขกท ทุกตัวอักษรค่ะ  จากกระทู้ก่อนทำให้เราอยากลองเข้าไปเสพบทความของเค้าบ้าง  อยากรู้ว่ามันจะสุดโต่งจริงๆไหม  ปรากฏว่าทำใจอ่านได้ไม่กี่บทความเราต้องปิดเลยอะ  ไม่รู้สิ  ไม่รู้ว่าคนอื่นรู้สึกเหมือนเราไหม  เรายิ่งอ่านเราก็ยิ่งอึดอัดในหัวใจจนต้องปิดไปเลยจริงๆ

เจ้าของเพจทำเหมือนชีวิตมีสูตรสำเร็จตายตัว  เหมือนกับว่ามีขั้นตอนจากข้อหนึ่งถึงข้อสิบเพื่อนำทางไปสู่ความสำเร็จ(ตามความหมายของเค้า)  วิธีการเลี้ยงลูกเหมือนเป็นสมการคณิตศาสตร์  ที่เอา x + y = z  แต่มันไม่ใช่ไง  เด็กมีชีวิตจิตใจ  มีความคิด  มีเหตุผลและความฝันของตัวเอง  ไม่ใช่เด็กทุกคนที่อยากมีผลลัพธ์เป็น z

น่าสงสารเด็กที่ถูกเลี้ยงดูแบบนี้  เหมือนถูกตีกรอบความคิดไว้ด้วยคำว่าความหวังดีของพ่อแม่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่