สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ผมขอจับสิ่งที่คุณรู้สึกอึดอัดนะ
1) "หัวหน้าไม่หาคนมาใหม่ซักที" "งานล้นไม่ไหวแล้ว"
2) "เราไม่รู้จักต่อรองคน ไม่รู้จักปฎิเสธคน ไม่รู้จักปิดการสนทนา"
3) "มองเรา handle ไม่ได้"
4) "โทษลูกน้องแล้วให้เผชิญปัญหาไปเพียงลำพัง"
5) "เค้าไม่เคยลงมือทำแต่เค้าเอาแต่นั่งอยู่ข้างบนแล้วสั่ง"
6) "นัดทีไรติดประชุมตลอด ไม่มีเวลาให้ทีม"
ขอสรุปเป็นกลุ่มเพื่อตอบนะครับ
ปัญหาข้อ 1, 3
คำตอบคือ "เตรียม" กับ "คุย" ครับ
"เตรียม" คือ เตรียมข้อมูลให้พร้อมในเรื่องของงานเพื่ออธิบายว่า "ล้น" และ "หนัก" คืออะไร ให้หัวหน้าคุณเห็นภาพชัดเจน เพราะตัวคุณ "รู้สึก" ว่างานเยอะ แต่มันเยอะเพราะ เยอะจริงๆ หรือเพราะ บริการงานในมือไม่เป็น? ซึ่งตอนนี้หัวหน้าคุณมองว่าเป็นอย่างหลังนะ
"คุย" คือ คุณนำข้อมูลที่เตรียมไปคุยกับหัวหน้าให้รู้เรื่องครับ หัวหน้าไม่มีเวลามันเป็นไปไม่ได้ หัวหน้าประชุมทั้งวัน งั้นก็ขอนัดเขา 1ทุ่ม หรือ 2ทุ่มไปเลย จะรอจนกว่าจะได้คุย ให้เขารู้ว่าเรื่องที่เราจะคุยมัน "ซีเรียส" เวลามันมี แต่เราน่ะ ok ไหม?
ในเรื่องการหาคนมาทำเพิ่ม ก็ต้องคุยเหมือนเดิม ว่าสาเหตุที่ยังหาคนไม่ได้ซักทีเพราะอะไร? มันใช่เหตุผลหรือแค่ข้ออ้าง
ปัญหาข้อ 2
การทำงานทุกอย่าง สิ่งที่ต้องใช้คือ "วาทะศิลป์" "ต่อรอง" "รับ" และ "ปฏิเสธ" นะครับ ผมเดาเอาจากการที่หัวหน้าคุณพูดแบบนี้คือ คุณเป็นคนไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร รับงานมาทุกอย่างถ้าอีกฝ่ายเสียงแข็งเข้าใส่ นี่คือสิ่งที่คุณต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนนะครับ
ไม่ต้องถึงขนาดเก่งมาก แต่ในเมื่อคุณทำงานนั้นๆโดยตรง รับผิดชอบโดยตรง คุณต้องรู้ว่าความต้องการนี้ จะสร้างปัญหาให้คุณแค่ไหน? คุณทำได้หรือไม่ได้ ทำไหวหรือไม่ไหว ถ้าคุณรู้ สิ่งที่จะตามมาคือการต่อรอง รับ หรือ ปฏิเสธ งานโดยอัตโนมัติ ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานะ แต่ถ้าคุณรับงานมาทั้งๆที่คุณทำไม่ไหว --> ควรโทษใครระหว่าง หัวหน้า กับ ตัวคุณ?
ปัญหาข้อ 4, 5, 6
นัดทีไรติดประชุมตลอด แสดงว่าหัวหน้าคุณก็งานยุ่งพอสมควรนะครับ อย่าไปมองว่าเขาว่างนะ อาจจะยุ่งพอๆกับคุณหรือมากกว่าด้วยซ้ำ ฉะนั้น อย่าไปน้อยใจว่า หัวหน้าทำงานสบาย ส่วนตัวเองลำบาก วิธีแก้ไขนะครับ ให้หาคำตอบของคำถามที่ว่า "กรรมกร กับ เจ้าของบริษัท ใครทำงานหนักกว่ากัน?"
เค้าไม่เคยลงมือทำเอาแต่สั่ง แล้วตัวคุณเองต้องการให้หัวหน้าทำอะไรถึงจะถูกที่สุด? ทำงานแทนคุณ? ไม่ต้องสั่ง? ที่ผมถามแบบนี้เพราะบ่อยครั้งที่แม้แต่ตัวเราเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องการอะไร รู้แค่ว่าต้องบ่นๆๆๆ น่ะครับ ปกติ ระดับหัวหน้า หน้าที่ต่อลูกน้องก็คืออธิบายภาพรวม ระบุเป้าหมาย แล้วก็ "สั่งงาน" ครับ คนทำงานในรายละเอียดรวมถึงการประสานงานต่อ "ลูกน้อง" นะครับ อันนี้คือเรื่องปกติเลยนะ ถ้าคุณเคยเจอหัวหน้าบางคนที่ "ทำงานแทนลูกน้อง" นี่ อยากบอกว่านั่นคือหัวหน้าส่วนน้อยนะ ประเสริฐจนเกินพอดีไปด้วยซ้ำ แล้วหัวหน้าแบบนี้ก็มีผลเสียนะครับ ไม่ใช่ว่ามีแต่ผลดีอย่างเดียว
โทษลูกน้องแล้วให้เผชิญปัญหาไปเพียงลำพัง คิดว่าโทษลูกน้อง อันนี้มันเกิดจากความรู้สึกของคุณคนเดียวน่ะครับ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง เพราะเมื่อปัญหาเกิด มันจะมีปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดปัญหาจากทั้ง ปัจจัยภายนอก(คนแผนกอื่น) และปัจจัยภายใน(คนในแผนก) การที่หัวหน้าตำหนิคุณ เขาอาจตำหนิในส่วนของปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดปัญหานะครับ ยกตัวอย่างให้เข้าใจแล้วกัน
ปัญหา = จำนวนเงินรวมในรายงานสรุปไม่ถูกต้อง
ปัจจัยภายนอก = จำนวนเงินในบางรายการได้รับจากแผนกอื่น
ปัจจัยภายใน = จำนวนเงินในบางรายการเป็นของแผนกเราเองและคุณคือคนดูแล
เวลาหัวหน้าบ่น ถ้าเขาบ่นในเรื่องการผิดพลาดจากปัจจัยภายใน เพราะคุณไม่รอบคอบหรือป้อนตัวเลขผิด คุณว่าควรบ่นไหม?
สุดท้ายนะครับ สิ่งที่ผมอยากบอกคือ ปรับที่ตัวเราดีที่สุด เพราะคุณไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมคนอื่นได้หรอก ถ้ายังอยากอยู่ก็ต้องปรับตัว และลองมองหัวหน้าคุณในมุมอื่นๆดูบ้าง เช่น การที่เขาให้งานนี้กับคุณ เพราะเขาไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวคุณหรือเปล่า? เขาปล่อยให้คุณไปดีลงานเอง เพราะเขาเชื่อมั่นว่าคุณรับผิดชอบได้หรือเปล่า? เขาไม่ลงรายละเอียดงานกับคุณ เพราะเขามั่นใจว่าคุณมีความรู้และความสามารถเพียงพอที่จะวิเคราะห์งานนั้นๆได้หรือเปล่า? การที่หัวหน้าเริ่มบ่นและตำหนิคุณ เพราะคุณมีความสามารถต่ำกว่าที่เขาคาดหวังไว้หรือเปล่า(ความหมายกลายๆคือ หัวหน้าคุณมองว่าคุณมีความสามารถสูงเขาจึงคาดหวังคุณไว้สูงนี่แหละ)
ลองตรึกตรองดูให้ดีครับ ถ้ามันไม่ ok จริงๆ ก็ต้องโบกมือลากัน แค่นั้นครับ
1) "หัวหน้าไม่หาคนมาใหม่ซักที" "งานล้นไม่ไหวแล้ว"
2) "เราไม่รู้จักต่อรองคน ไม่รู้จักปฎิเสธคน ไม่รู้จักปิดการสนทนา"
3) "มองเรา handle ไม่ได้"
4) "โทษลูกน้องแล้วให้เผชิญปัญหาไปเพียงลำพัง"
5) "เค้าไม่เคยลงมือทำแต่เค้าเอาแต่นั่งอยู่ข้างบนแล้วสั่ง"
6) "นัดทีไรติดประชุมตลอด ไม่มีเวลาให้ทีม"
ขอสรุปเป็นกลุ่มเพื่อตอบนะครับ
ปัญหาข้อ 1, 3
คำตอบคือ "เตรียม" กับ "คุย" ครับ
"เตรียม" คือ เตรียมข้อมูลให้พร้อมในเรื่องของงานเพื่ออธิบายว่า "ล้น" และ "หนัก" คืออะไร ให้หัวหน้าคุณเห็นภาพชัดเจน เพราะตัวคุณ "รู้สึก" ว่างานเยอะ แต่มันเยอะเพราะ เยอะจริงๆ หรือเพราะ บริการงานในมือไม่เป็น? ซึ่งตอนนี้หัวหน้าคุณมองว่าเป็นอย่างหลังนะ
"คุย" คือ คุณนำข้อมูลที่เตรียมไปคุยกับหัวหน้าให้รู้เรื่องครับ หัวหน้าไม่มีเวลามันเป็นไปไม่ได้ หัวหน้าประชุมทั้งวัน งั้นก็ขอนัดเขา 1ทุ่ม หรือ 2ทุ่มไปเลย จะรอจนกว่าจะได้คุย ให้เขารู้ว่าเรื่องที่เราจะคุยมัน "ซีเรียส" เวลามันมี แต่เราน่ะ ok ไหม?
ในเรื่องการหาคนมาทำเพิ่ม ก็ต้องคุยเหมือนเดิม ว่าสาเหตุที่ยังหาคนไม่ได้ซักทีเพราะอะไร? มันใช่เหตุผลหรือแค่ข้ออ้าง
ปัญหาข้อ 2
การทำงานทุกอย่าง สิ่งที่ต้องใช้คือ "วาทะศิลป์" "ต่อรอง" "รับ" และ "ปฏิเสธ" นะครับ ผมเดาเอาจากการที่หัวหน้าคุณพูดแบบนี้คือ คุณเป็นคนไม่ค่อยมีปากเสียงกับใคร รับงานมาทุกอย่างถ้าอีกฝ่ายเสียงแข็งเข้าใส่ นี่คือสิ่งที่คุณต้องเปลี่ยนแปลงตัวเองก่อนนะครับ
ไม่ต้องถึงขนาดเก่งมาก แต่ในเมื่อคุณทำงานนั้นๆโดยตรง รับผิดชอบโดยตรง คุณต้องรู้ว่าความต้องการนี้ จะสร้างปัญหาให้คุณแค่ไหน? คุณทำได้หรือไม่ได้ ทำไหวหรือไม่ไหว ถ้าคุณรู้ สิ่งที่จะตามมาคือการต่อรอง รับ หรือ ปฏิเสธ งานโดยอัตโนมัติ ผมว่ามันเป็นเรื่องธรรมดานะ แต่ถ้าคุณรับงานมาทั้งๆที่คุณทำไม่ไหว --> ควรโทษใครระหว่าง หัวหน้า กับ ตัวคุณ?
ปัญหาข้อ 4, 5, 6
นัดทีไรติดประชุมตลอด แสดงว่าหัวหน้าคุณก็งานยุ่งพอสมควรนะครับ อย่าไปมองว่าเขาว่างนะ อาจจะยุ่งพอๆกับคุณหรือมากกว่าด้วยซ้ำ ฉะนั้น อย่าไปน้อยใจว่า หัวหน้าทำงานสบาย ส่วนตัวเองลำบาก วิธีแก้ไขนะครับ ให้หาคำตอบของคำถามที่ว่า "กรรมกร กับ เจ้าของบริษัท ใครทำงานหนักกว่ากัน?"
เค้าไม่เคยลงมือทำเอาแต่สั่ง แล้วตัวคุณเองต้องการให้หัวหน้าทำอะไรถึงจะถูกที่สุด? ทำงานแทนคุณ? ไม่ต้องสั่ง? ที่ผมถามแบบนี้เพราะบ่อยครั้งที่แม้แต่ตัวเราเองก็ยังไม่รู้ว่าต้องการอะไร รู้แค่ว่าต้องบ่นๆๆๆ น่ะครับ ปกติ ระดับหัวหน้า หน้าที่ต่อลูกน้องก็คืออธิบายภาพรวม ระบุเป้าหมาย แล้วก็ "สั่งงาน" ครับ คนทำงานในรายละเอียดรวมถึงการประสานงานต่อ "ลูกน้อง" นะครับ อันนี้คือเรื่องปกติเลยนะ ถ้าคุณเคยเจอหัวหน้าบางคนที่ "ทำงานแทนลูกน้อง" นี่ อยากบอกว่านั่นคือหัวหน้าส่วนน้อยนะ ประเสริฐจนเกินพอดีไปด้วยซ้ำ แล้วหัวหน้าแบบนี้ก็มีผลเสียนะครับ ไม่ใช่ว่ามีแต่ผลดีอย่างเดียว
โทษลูกน้องแล้วให้เผชิญปัญหาไปเพียงลำพัง คิดว่าโทษลูกน้อง อันนี้มันเกิดจากความรู้สึกของคุณคนเดียวน่ะครับ ผมก็ไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่จริง เพราะเมื่อปัญหาเกิด มันจะมีปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดปัญหาจากทั้ง ปัจจัยภายนอก(คนแผนกอื่น) และปัจจัยภายใน(คนในแผนก) การที่หัวหน้าตำหนิคุณ เขาอาจตำหนิในส่วนของปัจจัยภายในที่ทำให้เกิดปัญหานะครับ ยกตัวอย่างให้เข้าใจแล้วกัน
ปัญหา = จำนวนเงินรวมในรายงานสรุปไม่ถูกต้อง
ปัจจัยภายนอก = จำนวนเงินในบางรายการได้รับจากแผนกอื่น
ปัจจัยภายใน = จำนวนเงินในบางรายการเป็นของแผนกเราเองและคุณคือคนดูแล
เวลาหัวหน้าบ่น ถ้าเขาบ่นในเรื่องการผิดพลาดจากปัจจัยภายใน เพราะคุณไม่รอบคอบหรือป้อนตัวเลขผิด คุณว่าควรบ่นไหม?
สุดท้ายนะครับ สิ่งที่ผมอยากบอกคือ ปรับที่ตัวเราดีที่สุด เพราะคุณไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมคนอื่นได้หรอก ถ้ายังอยากอยู่ก็ต้องปรับตัว และลองมองหัวหน้าคุณในมุมอื่นๆดูบ้าง เช่น การที่เขาให้งานนี้กับคุณ เพราะเขาไว้ใจและเชื่อมั่นในตัวคุณหรือเปล่า? เขาปล่อยให้คุณไปดีลงานเอง เพราะเขาเชื่อมั่นว่าคุณรับผิดชอบได้หรือเปล่า? เขาไม่ลงรายละเอียดงานกับคุณ เพราะเขามั่นใจว่าคุณมีความรู้และความสามารถเพียงพอที่จะวิเคราะห์งานนั้นๆได้หรือเปล่า? การที่หัวหน้าเริ่มบ่นและตำหนิคุณ เพราะคุณมีความสามารถต่ำกว่าที่เขาคาดหวังไว้หรือเปล่า(ความหมายกลายๆคือ หัวหน้าคุณมองว่าคุณมีความสามารถสูงเขาจึงคาดหวังคุณไว้สูงนี่แหละ)
ลองตรึกตรองดูให้ดีครับ ถ้ามันไม่ ok จริงๆ ก็ต้องโบกมือลากัน แค่นั้นครับ
ความคิดเห็นที่ 3
ถ้าได้รับมอบหมายงาน โดยเอางานของคนที่ลาออกมา หมก ไว้ให้คุณทำ เพิ่ม ...........
คุณต้องรู้จักวางแผนการจัดการ และ ปรับ วิธีการทำงานใหม่ อย่าเพิ่ง บ่น หรือ ตีโพย ตี พาย นะ ครับ หัวหน้า เขาไม่สนหรอกนะ เพราะเขาต้องการผลงาน เท่านั้น ถ้าจะมานั่งท้อแท้ ก็ จะไม่เกิดประโยชน์อะไร และไม่มีอะไรดีขึ้น...............
วิธีแก้ปัญหา คุณ ก็ ทำงาน ในหน้าที่ประจำ ของคุณ ให้ดีก่อน ทำให้เสร็จทันเวลา อย่าให้ขาดตกบกพร่อง แสดงผลงานไปตามปกติ ที่เคยทำ ....... ส่วนงานของคนลาออก ที่หัวหน้าโยนมาหมก ให้คุณทำ เอาไว้ค่อยทำทีหลัง เมื่อมีเวลาว่าง ให้ถือ เป็นงานเสริม มีเวลาเหลือ ก็ทำไป ถ้าทำไม่ทัน ก็ ค่อยไปทำเอาใน ชั่วโมง ล่วงเวลา จะได้ ค่าโอที เพิ่มขึ้น ......... งานนี้ จะเสร็จ ทันหรือไม่ทัน หัวหน้ามี่ส่วนต้องรับผิดชอบด้วย เพื่อกดดันให้ หัวหน้าเขาต้องรีบหา คนมาช่วยทำงานเพิ่ม...........
แต่ถ้าคุณทำงาน ประจำ และ งานขาจร เสร็จ ทันเวลา ได้โอทีด้วย ถือเป็นความสามารถพิเศษของคุณนะครับ สู้ ๆ นะ อย่าได้ถอย นะครับ
ถือว่าทำงาน เพื่อบริษัทนะ ....อย่างไง ก็ ต้องรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ................ขอให้โชคดีนะ.............
คุณต้องรู้จักวางแผนการจัดการ และ ปรับ วิธีการทำงานใหม่ อย่าเพิ่ง บ่น หรือ ตีโพย ตี พาย นะ ครับ หัวหน้า เขาไม่สนหรอกนะ เพราะเขาต้องการผลงาน เท่านั้น ถ้าจะมานั่งท้อแท้ ก็ จะไม่เกิดประโยชน์อะไร และไม่มีอะไรดีขึ้น...............
วิธีแก้ปัญหา คุณ ก็ ทำงาน ในหน้าที่ประจำ ของคุณ ให้ดีก่อน ทำให้เสร็จทันเวลา อย่าให้ขาดตกบกพร่อง แสดงผลงานไปตามปกติ ที่เคยทำ ....... ส่วนงานของคนลาออก ที่หัวหน้าโยนมาหมก ให้คุณทำ เอาไว้ค่อยทำทีหลัง เมื่อมีเวลาว่าง ให้ถือ เป็นงานเสริม มีเวลาเหลือ ก็ทำไป ถ้าทำไม่ทัน ก็ ค่อยไปทำเอาใน ชั่วโมง ล่วงเวลา จะได้ ค่าโอที เพิ่มขึ้น ......... งานนี้ จะเสร็จ ทันหรือไม่ทัน หัวหน้ามี่ส่วนต้องรับผิดชอบด้วย เพื่อกดดันให้ หัวหน้าเขาต้องรีบหา คนมาช่วยทำงานเพิ่ม...........
แต่ถ้าคุณทำงาน ประจำ และ งานขาจร เสร็จ ทันเวลา ได้โอทีด้วย ถือเป็นความสามารถพิเศษของคุณนะครับ สู้ ๆ นะ อย่าได้ถอย นะครับ
ถือว่าทำงาน เพื่อบริษัทนะ ....อย่างไง ก็ ต้องรักษาสุขภาพด้วยนะครับ ................ขอให้โชคดีนะ.............
แสดงความคิดเห็น
โดนรับงานคนที่ลาออก กลับบ้าน5ทุ่ม และคำบ่นของเจ้านาย
คนในทีมลาออกไป หัวหน้าไม่หาคนมาใหม่ซักที งานก็เอามากองให้เรา งานล้นไม่ไหวแล้ว งายหลักแทบจะไม่ได้ทำ ต้องมาทำงานเสริม งานหลักไม่เสร็จก็โดนด่า
บอกว่า เราไม่รู้จักต่อรองคน ไม่รู้จักปฎิเสธคน ไม่รู้จักปิดการสนทนา
น้อยใจหัวหน้าตรงที่ว่า
เค้าไม่มองว่างานที่เราได้รับมันมากเกินปกติ แต่กลับมองเราhandle ไม่ได้
ทำไมเค้าไม่พาลูกค้าไปทางออก แต่กลับโทษลูกน้องแล้วให้เผชิญปัญหาไปเพียงลำพัง ทำไมเค้าไม่เคยลงมือทำแต่เค้าเอาแต่นั่งอยู่ข้างบนแล้วสั่งๆๆๆ
หัวหน้าเราแทบจะไม่เคยอยู่ออฟฟิส จะนัดทีไรติดประชุมตลอด ไม่มีเวลาให้ทีม ไม่เคยลุยไปกับลูกน้อง
เหนื่อยจัง