ที่ผ่านมา
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36428832
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36439070
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36488932
..
คุณชายเห็ดฟางอยู่ในชุดเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราราคาแพงลายดอกเห็ด ท่วงท่าสง่างามมั่นคงราวดอกเห็ดศิลาแลง สมแล้วกับเป็นคุณชายแห่งหมู่ตึกอันโด่งดัง สายตาเยียบเย็นราวเห็ดข้างแรม
“คุณชายเห็ดฟาง”
เสียมเอ่ยทักทายขณะก้าวเดินตรงเข้าไปหาอย่างแช่มช้า กำด้ามเสียมในมือแน่น แต่พริบตานั้นคล้ายกับว่ากำลังกำความว่างเปล่าเวิ้งว้างไว้ในอุ้งมือ ชวนให้ใจหาย
“หนุ่มเสียม”
เจ้าบ้านเอ่ยปากกึ่งทักทายกึ่งถาม สองเท้าก้าวเดินตรงเข้าไปหาผู้บุกรุกก่อนหยุดนิ่งห่างออกจากอีกฝ่ายสองสามช่วงแขน สองมือปล่อยลงในท่วงท่าตามสบาย คล้ายไม่ได้เกาะกุมสิ่งใดไว้ในหัวใจ ส่วนเจ้าทุยล่าถอยออกไปด้านข้างเพราะไม่อยากใช้หลักวิชาควายหมู่ สายตาจ้องมองอย่างเฉื่อยชา
“ท่านใช้วิธีการใดจึงเรียกตัวแม่เฒ่าเหอเหอมาเป็นพวกได้”
หนุ่มเสียมถามความคับข้องใจเพราะยังแก้ปริศนาข้อนี้ไม่ออก แม่เฒ่าผู้พิกลพิสดารสันโดษโลดแล่นในวงการปานเงาสายลมไฉนมาอยู่หมู่ตึกเห็ดฟางได้ เจ้าบ้านหนุ่มยิ้มเล็กน้อยตอบว่า
“ข้าใช้เห็ดฟางเลิศรส ปรุงสูตรพิเศษให้แม่เฒ่ากิน ท่านควรทราบว่ากับบางคน อาหารคือสิ่งสำคัญที่สุด เป็นความสุขสามารถดื่มกินได้จับต้องได้ และไม่มีวันเพียงพอ ต้องกินดื่มไปตลอดชีวิต”
“ร้ายกาจมาก”
ย่อมร้ายกาจแน่นอน ในโลกนี้มีใครบ้างไม่กินอาหาร เพียงการกินมีจุดประสงค์ต่างกัน บางคนกินกันตาย บางคนกินเพื่อความอร่อยหูตาเหลือก บางคนกินเพื่อประชดชีวิต บางคนกินเพราะถูกบังคับ บางคนกินเพราะกิเลสความอยาก บางคนคนกินเพราะคิดว่าเป็นเกมกีฬา บางคนกินเพราะความแค้น บางคนกินเพราะไม่มีอะไรจะทำ
“แต่นางก็ไปแล้ว” คุณชายเห็ดฟางเอ่ยปากด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่สายตาปรากฏแววผิดหวังชนิดหนึ่ง
บางคนจากไปโล่งใจ บางคนจากไปใจหาย บางคนจากไปทั้งใจหายทั้งโล่งใจ แม่เฒ่าถึงธาตุสุราแตกซ่านแต่นางเข้าถึงเห็ดฟางมากที่สุด บางตนจากกัน ต่อให้ไม่ตายจากกัน แต่หากกาลข้างหน้าไม่มีโอกาสพบกัน ไหนเลยต่างจาดการตายจากกัน
“ท่านเองก็ต้องไป” เสียมส่งเสียงกระด้างเย็นชา
“ท่านเองก็ไม่ควรมา” เจ้าบ้านโต้ตอบทันควัน ยกมือทั้งสองไขว้ประสานกันเบื้องหน้าโดยไม่ต้องใช้อาวุธใดๆ สองมือผ่านศึกเหนือศึกใต้มามากมายยาวนานถึงขั้นเห็ดฟางอยู่ที่ใจ ในมือไร้เห็ดฟาง หนุ่มเสียมกระโดดปราดขึ้นควงเสียมด้ามไม้ปลายเหล็กจู่โจมลงมาด้วยวิชา “ขุดกะปูหน้าแล้ง” คุณชายตวาดก้องประกบตบมือฉาดเข้าหากัน ถึงกับใช้ฝ่ามือประกบปลายเสียมไว้ได้
ตูม...!!
เสียงระเบิดกังวานสะท้านไปไกล ชวนหัวใจแหลกสลาย เจ้าของเสียมพอร่างถึงพื้นก็ยืนปักหลักไม่อาจรุกไม่อาจถอยเพราะอาวุธคู่มือถูกยึดจับเอาไว้เสียแล้ว เสียมคล้ายกลับกลายเป็นสิ่งเชื่อมโยงคนทั้งคู่ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ สภาวะลำบากใจสุดแสน พลังของทั้งตู่กระแทกผ่านเสียมไร้เงาจนในที่สุดเสียมพลันแตกระเบิดออกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หัวใจของหนุ่มเสียมคล้ายแตกดับลับสลายไปด้วย เสียมอยู่คนอยู่ เสียมแตกคนควรไป....
ใช่แล้ว...ในที่สุดอาวุธร้ายแข็งแรงมั่นคงก็กลับกลายเป็นธุลีในสายลม ไม่จีรังยั่งยืน แล้วหัวใจคนเล่า?... หัวใจคนแตกสลายหรือไม่หัวใจแตกสลายยังสามารถคว้าจับอะไรได้อีก
เนิ่นนานหนุ่มเสียมจึงเอ่ยปากถามเสียงอ่อนระโหยปางตาย
“ท่านรักนาง นางรักท่าน”
“ข้ารักคุณชาย...”
คนตอบคำถามกลับเป็นสตรีผู้หนึ่ง เป็นแม่นางส้มปลาน้อยนั่นเอง นางเดินออกมาจากหมู่ตึกมาหยุดอยู่ข้างกายคุณชายเห็ดฟาง เสื้อผ้าอาภรณ์ลายเห็ดฟางเช่นกัน เป็นนัยยะบ่งบอกว่าสองคนหลอมรวมเป็นหนึ่งใจ
หนุ่มเสียมสะท้านไหวทั้งกายใจ นางเลือกแล้ว เป็นการเลือกตามสิทธิอันชอบธรรมของนาง ดังนั้นไม่มีคำถามใดออกจากปากของหนุ่มเสียม เพราะเขาได้คำตอบมาก่อนจะได้คำถามเสียอีก เรื่องราวบางประการต้องยอมรับตัดกายตัดใจไม่ยึดเหนี่ยว บางอย่างลงตัวด้วยตัวของมันเอง อึดใจนั้นเองบุรุษหนุ่มพลันเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่นางคานทองและนักฆ่ากระด้ง ถึงวางมือออกจากการต่อสู้ ผละไปกลางคัน ทำไมแม่นางเหอเหอ จึงล่าถอยออกไปพร้อมกับเฒ่านักบวชไข่เยี่ยวม้า เพราะคนพวกนั้นรู้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องมาต่อสู้เสี่ยงหัวใจกับเรื่องแบบนี้นั่นเอง
รวบรัดชัดเจน
สายตาของเสียมยังคงจ้องมองออกไปเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกแปรเปลี่ยนกลับกลายไปจนชิ้นเชิง
“ประเสริฐมาก...” บุรุษหนุ่มพยักหน้าจ้องมองคนทั้งคู่เบื้องหน้าพลางบอกด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งเป็นคนละคน
“คุณชาย ขอบคุณท่านที่มารับภาระอันนี้...วานท่านดูแลนาง นางอยู่กับท่านต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน ท่านได้ทำหน้าที่สำคัญแทนข้าแล้ว ดังนั้นทำหน้าที่ต่อไป การดูแลคนไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งพวกท่านอาจทะเลาะขัดแย้งกัน ไม่ว่าอย่างไรประสานหัวใจให้กลับคืนเดิม”
ว่าพลางหันหลังกลับก้าวเดินจากไปทันที จากไปด้วยหัวใจผ่อนคลายลงคล้ายสลัดภารหนักอึ้งออกไปจากหัวใจ ความรักกระดับหนึ่งกระจ่างสว่างจ้าในหัวใจอันเต็มไปด้วยศานติ ความรักที่ไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพียงต้องการให้คนที่เรารักอยู่อย่างมีความสุข หลุดพ้นจากความหึงหวงลวงล่อ ในเมื่อคนสองคนรักกันแนบแน่นก็ไม่ควรพูดถึงความหลังพันธะใดๆ ไม่มีประโยชน์อะไรจะไปทำร้ายทำลาย การพยายามครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของเรามีแต่ความรุ่มร้อนไม่มีประโยชน์อะไรจะไปทำร้ายกัน ชีวิตคนเราก็สั้นนักและอ่อนไหวราวเปลวเทียนในสายลมไม่รู้จะวูบดับวันไหน จากกันด้วยดีไม่ต้องอธิบายให้มากเรื่องหลายความ จากไปราวสายลมพัดผ่านหุบเหวแห่งความร่มเย็น
ลาก่อน..คำสั้นๆ แต่มีความหมายลึกล้ำปางตาย คนหลายคนตายเพราะคำบอกลานี้ ไม่ต้องพูดอธิบาย คนจะจากคือจาก ไม่ต้องหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองหรือหัวใจ
ไปเถิดทั้งคู่...ไปสู่ประตูสวรรค์
จากกันด้วยดีเถิดนะ
คนมาก่อน ไม่ใช่ว่าจะ..ได้เปรัยบ...มันขึ้นอยู่กับหัวใจ... คนมาหลัง ไม่ใช่ว่าจะเสียเปรียบ กล่าวกันไปใยในวงการ ทุกอย่างอยู่ที่หัวใจ
หนุ่มเสียมกระโดดขึ้นหลังควาย สะบัดหน้า สะบัดเท้าพากันเดินดุ่ม ออกไปในทันที คนเราถ้าจากกันไม่ต้องเพ้อพิไรให้มากความ ท่ามกลางดวงตะวันกำลังโรยรา ถึงเวลาควรจากไป....ไม่ว่าหัวใจจะเป็นเช่นไร ก็ควรยอมรับความจริง
ผ่านท้องทุ่งนาแม่นางมอมแมมไม่อยู่เสียแล้ว...นางคงกลับบ้านไปหุงข้าวหุงปลา นางไม่จำเป็นต้องรั้งรอ ไม่มีเหตุผลอะไรต้องรอ แต่ถ้าหัวใจต้องรออะไรก็ไม่ต้องรอ
หัวใจหลุดพ้นพลันตกวูบลงอีกครั้ง....
ก่อนรุ่งสาง ฝนตกหนักคล้ายสั่งลาอาลัย รุ่งอรุณหัวใจคนอ่อนแอ หนุ่มเสียมนอนหนาวกายใจในเถียงนาน้อย ได้ยินเสียง กบ เขียด อึ่งอ่าง..แมลง ร้องระงม บันดาลประสานเสียงขับขานบทเพลงแห่งธรรมชาติ รายรอบตัว ราวมนต์ขลัง ข้างกายหนาวเหน็บเยือกเย็น ไพเราะเหลือเกิน..แม้ว่าหัวใจจะหนาวเหน็บ แค่หนุ่มลูกทุ่งชินชาแล้ว กับหัวใจทนแดดทนฝน ไอเย็นของบรรยากาศทำให้ต้องนอนกอดตัวเองกับสายลมหนาว
ฝนตก...วูบแรกที่คิดถึง คือแม่..
ทิ้งแม่มานานแค่ไหน กับการไล่ตามความฝันลมๆ แล้งๆ ของตัวเอง ไล่ตามเงาหัวใจของตนเอง ตามความรักหลอนของตัวเอง จนลืมความรักของใครบางคน
แม่..เสียมจะไปหาแม่ กอดแม่...หอมแก้มเหี่ยวๆ ของแม่...แต่ลึกล้ำที่สุด ขอโทษนะที่ลูกเสียมมองข้ามไป วันนี้ลูกเสียมจะกลับไปหาอ้อมอกแม่
ท้องฟ้าเริ่มกระจ่าง หนุ่มเสียมลงจากเถียงนาตอนเช้า เห็นเจ้าทุยหันหน้ามาเหม่อมอง แต่ไม่ว่าจะพูดจะทักทายอย่างไร เจ้าทุยก็ไม่คุยตอบเสียแล้ว ราวกับว่า ควายพูดได้เป็นเพียงความฝัน
แม้แต่ควายก็ไม่คุยหรือไร....
เสียมจ้องมองหน้าควายเนิ่นนาน แล้วพลันหัวใจกระจ่างออก....ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นความจริงหรือความฝัน แต่เจ้าทุยเบื้องหน้าที่ไม่ยอมปริปากไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่นี่คือเพื่อน
“แกโง่ หรือฉลาดกันแน่...ที่ไม่คุยกับข้า”
เสียมพึมพำกับควาย เหมือนคนบ้า บางทีควายอาจฉลาดเกินไปในการจะมาเสวนากับคนบางคน เจ้าทุยไม่เคยเอื้อนอ่ยวจีอีกต่อไปโดยไม่มีเหตุผล
"ไม่ว่าแกจะพูดหรือไม่พูด แกคือเพื่อนที่แสนดีของฉัน เจ้าทุย..”
ไกลออกไป เห็นแม่นางมอมแมมเดินมาจากฟากฟ้าไกล ในมือถือก่องข้าวน้อยแม่ฆ่า มาด้วย แม่นางมอมแมมอยู่ในชุดผ้าถุงราคาถูกเสื้อยืดง่ายๆ ไม่ได้ตกแต่งมากมาย ไม่ใช่คนรัก แต่ดูราวเป็นน้องสาวแสนดี บางทีมันอาจพัฒนาไปเป็นความรักก็ได้ ใครจะไปรู้ เรายังมีเวลาไปแหย่ไข่มดแดงด้วยกัน ไปเก็บผักเม็ก ผักสะเดา ไปแกงกินด้วยกัน ไปโจมผักปอด ด้วยกัน เก็บแมงจินูนด้วยกัน
หนุ่มเสียมมองหน้าเจ้าทุย ไม่สำคัญหรอกว่ามันจะพูดได้หรือไม่ได้ เพราะมันคือเพื่อนร่วมท้องทุ่ง..วูบนั้นหนุ่มเสียมรู้ว่าตัวเองหลุดพ้นแล้วกับความรักไม่จีรัง...รู้ว่าเขาโคตรโชคดี ที่จิตวิญญาณอยู่ถิ่นฐานบ้านเกิด ไม่ต้องทนทำงานนานยาว เพียงเพื่อมีเวลากลับบ้านเกิดของตัวเองไม่กี่วัน
ไม่ต้องรอปีใหม่ ไม่ต้องรอสงกรานต์ เหมือนหลายคน ที่ทิ้งตัวเองลงไปกับคำว่า งานอันไร้ใจ
เออ เจ้าทุย วันนี้ข้าจะไปเก็บเห็ดระโงก มันอาจบ่อแซบคือเห็ดฟาง แต่ข้าจะเก็บไปให้แม่ข้าทุกวัน รอยยิ้มของข้าจะไม่มีวันจืดจางรางลาจากท้องทุ่งนาแห่งนี้....
ความรักโบยบินไกลกับสายลมเย็นแห่งรุ่งอรุณ และธุลีในสายลม
จบแล้วครับ เด้อ....
-ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาเยือน เรื่องสั้น เพี้ยนๆ เรื่องนั้ครับ
เสียมไร้เงา.........บทที่ 4 (บทสุดท้าย)
บทที่ 1
https://ppantip.com/topic/36428832
บทที่ 2
https://ppantip.com/topic/36439070
บทที่ 3
https://ppantip.com/topic/36488932
..
คุณชายเห็ดฟางอยู่ในชุดเสื้อผ้าอาภรณ์หรูหราราคาแพงลายดอกเห็ด ท่วงท่าสง่างามมั่นคงราวดอกเห็ดศิลาแลง สมแล้วกับเป็นคุณชายแห่งหมู่ตึกอันโด่งดัง สายตาเยียบเย็นราวเห็ดข้างแรม
“คุณชายเห็ดฟาง”
เสียมเอ่ยทักทายขณะก้าวเดินตรงเข้าไปหาอย่างแช่มช้า กำด้ามเสียมในมือแน่น แต่พริบตานั้นคล้ายกับว่ากำลังกำความว่างเปล่าเวิ้งว้างไว้ในอุ้งมือ ชวนให้ใจหาย
“หนุ่มเสียม”
เจ้าบ้านเอ่ยปากกึ่งทักทายกึ่งถาม สองเท้าก้าวเดินตรงเข้าไปหาผู้บุกรุกก่อนหยุดนิ่งห่างออกจากอีกฝ่ายสองสามช่วงแขน สองมือปล่อยลงในท่วงท่าตามสบาย คล้ายไม่ได้เกาะกุมสิ่งใดไว้ในหัวใจ ส่วนเจ้าทุยล่าถอยออกไปด้านข้างเพราะไม่อยากใช้หลักวิชาควายหมู่ สายตาจ้องมองอย่างเฉื่อยชา
“ท่านใช้วิธีการใดจึงเรียกตัวแม่เฒ่าเหอเหอมาเป็นพวกได้”
หนุ่มเสียมถามความคับข้องใจเพราะยังแก้ปริศนาข้อนี้ไม่ออก แม่เฒ่าผู้พิกลพิสดารสันโดษโลดแล่นในวงการปานเงาสายลมไฉนมาอยู่หมู่ตึกเห็ดฟางได้ เจ้าบ้านหนุ่มยิ้มเล็กน้อยตอบว่า
“ข้าใช้เห็ดฟางเลิศรส ปรุงสูตรพิเศษให้แม่เฒ่ากิน ท่านควรทราบว่ากับบางคน อาหารคือสิ่งสำคัญที่สุด เป็นความสุขสามารถดื่มกินได้จับต้องได้ และไม่มีวันเพียงพอ ต้องกินดื่มไปตลอดชีวิต”
“ร้ายกาจมาก”
ย่อมร้ายกาจแน่นอน ในโลกนี้มีใครบ้างไม่กินอาหาร เพียงการกินมีจุดประสงค์ต่างกัน บางคนกินกันตาย บางคนกินเพื่อความอร่อยหูตาเหลือก บางคนกินเพื่อประชดชีวิต บางคนกินเพราะถูกบังคับ บางคนกินเพราะกิเลสความอยาก บางคนคนกินเพราะคิดว่าเป็นเกมกีฬา บางคนกินเพราะความแค้น บางคนกินเพราะไม่มีอะไรจะทำ
“แต่นางก็ไปแล้ว” คุณชายเห็ดฟางเอ่ยปากด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่สายตาปรากฏแววผิดหวังชนิดหนึ่ง
บางคนจากไปโล่งใจ บางคนจากไปใจหาย บางคนจากไปทั้งใจหายทั้งโล่งใจ แม่เฒ่าถึงธาตุสุราแตกซ่านแต่นางเข้าถึงเห็ดฟางมากที่สุด บางตนจากกัน ต่อให้ไม่ตายจากกัน แต่หากกาลข้างหน้าไม่มีโอกาสพบกัน ไหนเลยต่างจาดการตายจากกัน
“ท่านเองก็ต้องไป” เสียมส่งเสียงกระด้างเย็นชา
“ท่านเองก็ไม่ควรมา” เจ้าบ้านโต้ตอบทันควัน ยกมือทั้งสองไขว้ประสานกันเบื้องหน้าโดยไม่ต้องใช้อาวุธใดๆ สองมือผ่านศึกเหนือศึกใต้มามากมายยาวนานถึงขั้นเห็ดฟางอยู่ที่ใจ ในมือไร้เห็ดฟาง หนุ่มเสียมกระโดดปราดขึ้นควงเสียมด้ามไม้ปลายเหล็กจู่โจมลงมาด้วยวิชา “ขุดกะปูหน้าแล้ง” คุณชายตวาดก้องประกบตบมือฉาดเข้าหากัน ถึงกับใช้ฝ่ามือประกบปลายเสียมไว้ได้
ตูม...!!
เสียงระเบิดกังวานสะท้านไปไกล ชวนหัวใจแหลกสลาย เจ้าของเสียมพอร่างถึงพื้นก็ยืนปักหลักไม่อาจรุกไม่อาจถอยเพราะอาวุธคู่มือถูกยึดจับเอาไว้เสียแล้ว เสียมคล้ายกลับกลายเป็นสิ่งเชื่อมโยงคนทั้งคู่ ไม่มีใครได้เปรียบเสียเปรียบ สภาวะลำบากใจสุดแสน พลังของทั้งตู่กระแทกผ่านเสียมไร้เงาจนในที่สุดเสียมพลันแตกระเบิดออกกระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
หัวใจของหนุ่มเสียมคล้ายแตกดับลับสลายไปด้วย เสียมอยู่คนอยู่ เสียมแตกคนควรไป....
ใช่แล้ว...ในที่สุดอาวุธร้ายแข็งแรงมั่นคงก็กลับกลายเป็นธุลีในสายลม ไม่จีรังยั่งยืน แล้วหัวใจคนเล่า?... หัวใจคนแตกสลายหรือไม่หัวใจแตกสลายยังสามารถคว้าจับอะไรได้อีก
เนิ่นนานหนุ่มเสียมจึงเอ่ยปากถามเสียงอ่อนระโหยปางตาย
“ท่านรักนาง นางรักท่าน”
“ข้ารักคุณชาย...”
คนตอบคำถามกลับเป็นสตรีผู้หนึ่ง เป็นแม่นางส้มปลาน้อยนั่นเอง นางเดินออกมาจากหมู่ตึกมาหยุดอยู่ข้างกายคุณชายเห็ดฟาง เสื้อผ้าอาภรณ์ลายเห็ดฟางเช่นกัน เป็นนัยยะบ่งบอกว่าสองคนหลอมรวมเป็นหนึ่งใจ
หนุ่มเสียมสะท้านไหวทั้งกายใจ นางเลือกแล้ว เป็นการเลือกตามสิทธิอันชอบธรรมของนาง ดังนั้นไม่มีคำถามใดออกจากปากของหนุ่มเสียม เพราะเขาได้คำตอบมาก่อนจะได้คำถามเสียอีก เรื่องราวบางประการต้องยอมรับตัดกายตัดใจไม่ยึดเหนี่ยว บางอย่างลงตัวด้วยตัวของมันเอง อึดใจนั้นเองบุรุษหนุ่มพลันเข้าใจแล้วว่าทำไมแม่นางคานทองและนักฆ่ากระด้ง ถึงวางมือออกจากการต่อสู้ ผละไปกลางคัน ทำไมแม่นางเหอเหอ จึงล่าถอยออกไปพร้อมกับเฒ่านักบวชไข่เยี่ยวม้า เพราะคนพวกนั้นรู้ว่าไม่มีความจำเป็นต้องมาต่อสู้เสี่ยงหัวใจกับเรื่องแบบนี้นั่นเอง
รวบรัดชัดเจน
สายตาของเสียมยังคงจ้องมองออกไปเหมือนเดิม แต่ความรู้สึกแปรเปลี่ยนกลับกลายไปจนชิ้นเชิง
“ประเสริฐมาก...” บุรุษหนุ่มพยักหน้าจ้องมองคนทั้งคู่เบื้องหน้าพลางบอกด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งเป็นคนละคน
“คุณชาย ขอบคุณท่านที่มารับภาระอันนี้...วานท่านดูแลนาง นางอยู่กับท่านต้องมีชีวิตที่ดีแน่นอน ท่านได้ทำหน้าที่สำคัญแทนข้าแล้ว ดังนั้นทำหน้าที่ต่อไป การดูแลคนไม่ใช่เรื่องง่าย บางครั้งพวกท่านอาจทะเลาะขัดแย้งกัน ไม่ว่าอย่างไรประสานหัวใจให้กลับคืนเดิม”
ว่าพลางหันหลังกลับก้าวเดินจากไปทันที จากไปด้วยหัวใจผ่อนคลายลงคล้ายสลัดภารหนักอึ้งออกไปจากหัวใจ ความรักกระดับหนึ่งกระจ่างสว่างจ้าในหัวใจอันเต็มไปด้วยศานติ ความรักที่ไม่จำเป็นต้องครอบครอง เพียงต้องการให้คนที่เรารักอยู่อย่างมีความสุข หลุดพ้นจากความหึงหวงลวงล่อ ในเมื่อคนสองคนรักกันแนบแน่นก็ไม่ควรพูดถึงความหลังพันธะใดๆ ไม่มีประโยชน์อะไรจะไปทำร้ายทำลาย การพยายามครอบครองสิ่งที่ไม่ใช่ของเรามีแต่ความรุ่มร้อนไม่มีประโยชน์อะไรจะไปทำร้ายกัน ชีวิตคนเราก็สั้นนักและอ่อนไหวราวเปลวเทียนในสายลมไม่รู้จะวูบดับวันไหน จากกันด้วยดีไม่ต้องอธิบายให้มากเรื่องหลายความ จากไปราวสายลมพัดผ่านหุบเหวแห่งความร่มเย็น
ลาก่อน..คำสั้นๆ แต่มีความหมายลึกล้ำปางตาย คนหลายคนตายเพราะคำบอกลานี้ ไม่ต้องพูดอธิบาย คนจะจากคือจาก ไม่ต้องหาข้อแก้ตัวให้กับตัวเองหรือหัวใจ
ไปเถิดทั้งคู่...ไปสู่ประตูสวรรค์
จากกันด้วยดีเถิดนะ
คนมาก่อน ไม่ใช่ว่าจะ..ได้เปรัยบ...มันขึ้นอยู่กับหัวใจ... คนมาหลัง ไม่ใช่ว่าจะเสียเปรียบ กล่าวกันไปใยในวงการ ทุกอย่างอยู่ที่หัวใจ
หนุ่มเสียมกระโดดขึ้นหลังควาย สะบัดหน้า สะบัดเท้าพากันเดินดุ่ม ออกไปในทันที คนเราถ้าจากกันไม่ต้องเพ้อพิไรให้มากความ ท่ามกลางดวงตะวันกำลังโรยรา ถึงเวลาควรจากไป....ไม่ว่าหัวใจจะเป็นเช่นไร ก็ควรยอมรับความจริง
ผ่านท้องทุ่งนาแม่นางมอมแมมไม่อยู่เสียแล้ว...นางคงกลับบ้านไปหุงข้าวหุงปลา นางไม่จำเป็นต้องรั้งรอ ไม่มีเหตุผลอะไรต้องรอ แต่ถ้าหัวใจต้องรออะไรก็ไม่ต้องรอ
หัวใจหลุดพ้นพลันตกวูบลงอีกครั้ง....
ก่อนรุ่งสาง ฝนตกหนักคล้ายสั่งลาอาลัย รุ่งอรุณหัวใจคนอ่อนแอ หนุ่มเสียมนอนหนาวกายใจในเถียงนาน้อย ได้ยินเสียง กบ เขียด อึ่งอ่าง..แมลง ร้องระงม บันดาลประสานเสียงขับขานบทเพลงแห่งธรรมชาติ รายรอบตัว ราวมนต์ขลัง ข้างกายหนาวเหน็บเยือกเย็น ไพเราะเหลือเกิน..แม้ว่าหัวใจจะหนาวเหน็บ แค่หนุ่มลูกทุ่งชินชาแล้ว กับหัวใจทนแดดทนฝน ไอเย็นของบรรยากาศทำให้ต้องนอนกอดตัวเองกับสายลมหนาว
ฝนตก...วูบแรกที่คิดถึง คือแม่..
ทิ้งแม่มานานแค่ไหน กับการไล่ตามความฝันลมๆ แล้งๆ ของตัวเอง ไล่ตามเงาหัวใจของตนเอง ตามความรักหลอนของตัวเอง จนลืมความรักของใครบางคน
แม่..เสียมจะไปหาแม่ กอดแม่...หอมแก้มเหี่ยวๆ ของแม่...แต่ลึกล้ำที่สุด ขอโทษนะที่ลูกเสียมมองข้ามไป วันนี้ลูกเสียมจะกลับไปหาอ้อมอกแม่
ท้องฟ้าเริ่มกระจ่าง หนุ่มเสียมลงจากเถียงนาตอนเช้า เห็นเจ้าทุยหันหน้ามาเหม่อมอง แต่ไม่ว่าจะพูดจะทักทายอย่างไร เจ้าทุยก็ไม่คุยตอบเสียแล้ว ราวกับว่า ควายพูดได้เป็นเพียงความฝัน
แม้แต่ควายก็ไม่คุยหรือไร....
เสียมจ้องมองหน้าควายเนิ่นนาน แล้วพลันหัวใจกระจ่างออก....ไม่สำคัญหรอกว่าจะเป็นความจริงหรือความฝัน แต่เจ้าทุยเบื้องหน้าที่ไม่ยอมปริปากไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใดก็ตาม แต่นี่คือเพื่อน
“แกโง่ หรือฉลาดกันแน่...ที่ไม่คุยกับข้า”
เสียมพึมพำกับควาย เหมือนคนบ้า บางทีควายอาจฉลาดเกินไปในการจะมาเสวนากับคนบางคน เจ้าทุยไม่เคยเอื้อนอ่ยวจีอีกต่อไปโดยไม่มีเหตุผล
"ไม่ว่าแกจะพูดหรือไม่พูด แกคือเพื่อนที่แสนดีของฉัน เจ้าทุย..”
ไกลออกไป เห็นแม่นางมอมแมมเดินมาจากฟากฟ้าไกล ในมือถือก่องข้าวน้อยแม่ฆ่า มาด้วย แม่นางมอมแมมอยู่ในชุดผ้าถุงราคาถูกเสื้อยืดง่ายๆ ไม่ได้ตกแต่งมากมาย ไม่ใช่คนรัก แต่ดูราวเป็นน้องสาวแสนดี บางทีมันอาจพัฒนาไปเป็นความรักก็ได้ ใครจะไปรู้ เรายังมีเวลาไปแหย่ไข่มดแดงด้วยกัน ไปเก็บผักเม็ก ผักสะเดา ไปแกงกินด้วยกัน ไปโจมผักปอด ด้วยกัน เก็บแมงจินูนด้วยกัน
หนุ่มเสียมมองหน้าเจ้าทุย ไม่สำคัญหรอกว่ามันจะพูดได้หรือไม่ได้ เพราะมันคือเพื่อนร่วมท้องทุ่ง..วูบนั้นหนุ่มเสียมรู้ว่าตัวเองหลุดพ้นแล้วกับความรักไม่จีรัง...รู้ว่าเขาโคตรโชคดี ที่จิตวิญญาณอยู่ถิ่นฐานบ้านเกิด ไม่ต้องทนทำงานนานยาว เพียงเพื่อมีเวลากลับบ้านเกิดของตัวเองไม่กี่วัน
ไม่ต้องรอปีใหม่ ไม่ต้องรอสงกรานต์ เหมือนหลายคน ที่ทิ้งตัวเองลงไปกับคำว่า งานอันไร้ใจ
เออ เจ้าทุย วันนี้ข้าจะไปเก็บเห็ดระโงก มันอาจบ่อแซบคือเห็ดฟาง แต่ข้าจะเก็บไปให้แม่ข้าทุกวัน รอยยิ้มของข้าจะไม่มีวันจืดจางรางลาจากท้องทุ่งนาแห่งนี้....
ความรักโบยบินไกลกับสายลมเย็นแห่งรุ่งอรุณ และธุลีในสายลม
จบแล้วครับ เด้อ....
-ขอบคุณทุกท่าน ที่แวะมาเยือน เรื่องสั้น เพี้ยนๆ เรื่องนั้ครับ