มีที่ 40 ไร่ อยู่นอกตัวเมือง ราคาที่เค้าซื้อขายปัจจุบันนี้คือไร่ละ 120,000 บาท ที่อยู่ค่อนข้างไกลออกจากตัวเมืองไปประมาณ 20 กม. ไม่งามมาก ตอนนี้เป็นที่รกร้าง ซื้อมา 4-5 ปี แล้ว ยังไม่ได้ไปพัฒนา แต่มีข้อดีคือเป็นที่ผืนใหญ่ จู่ๆสามีก็มาบอกว่าอยากขายที่ผืนนี้ เพื่อนำเงินไปซื้อคอนโดที่กรุงเทพ ให้เช่าและเก็งกำไร โดยคาดว่าจะขายได้เงินประมาณ4.5-5 ล้าน แล้วจะกู้เพิ่มอีก 1 ล้าน เพื่อซื้อคอนโดทำเลดี มูลค่าประมาณ5-6 ล้าน โดยเค้ามองว่าค่าเช่าต่อเดือนก็น่าจะเอามาเป็นค่าผ่อนได้ แถมมีกำไรด้วย เพราะเรากู้เงินมาแค่ 1 ล้าน และมูลค่าคอนโดก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเค้าให้เหตุผลว่าใกล้เกษียนแล้ว เหลือเวลาทำงานอีกแค่ 10 ปี ควรหาสินทรัพย์เพื่อรองรับ แต่เราไม่เห็นด้วย โดยเหตุผลที่ไม่ตรงกันของเราและสามีคือ
1.สามีมองว่าในอีก 10 ปี มูลค่าของคอนโดทำเลดีที่ว่าจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100% เช่นซื้อมา 5 ล้าน ในอีก 10 ปี ราคาคอนโดห้องนี้จะขายได้ในราคา 10 ล้าน ซึ่งเราไม่เห็นด้วย และมองว่าในอีก 10 ปี ที่ดิน น่าจะมีโอกาสมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่า
2.เค้ามองว่าในระหว่างทางเดิน เราก็จะมีกำไรจากค่าเช่า ซึ่งอย่างน้อยก็ถือว่าช่วยผ่อนเงินที่เรากู้มาเพียง 1 ล้านบาท แถมมีกำไรเป็นเงินเก็บด้วย ดีกว่าปล่อยที่ไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำประโยชน์งอกเงยอะไร ซึ่งเราก็พยายามหาคนมาเช่าที่อยู่ แต่ก็ยังหาไม่ได้ เลยเถียงเค้าได้ไม่เต็มปาก และถึงหาคนเช่าที่ได้ ก็คงได้ไม่เท่าค่าเช่าคอนโด
3.เค้ามองว่า การที่ปล่อยที่ไว้เฉยๆ ก็ไม่มีอะไรงอกเงย แต่ถ้าเราขายที่เอาเงินไปลงทุนมันก็จะได้กำไร คือเราก็จะได้กำไรจากค่าเช่า และมูลค่าของคอนโดที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนเราขาย แต่เรามองต่าง คือเรามองว่า ถ้าในอีก 10 ปี ที่ผืนนี้มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้นด้วยตัวของมันเอง ไม่ต้องไปเสียงอะไรเลย แต่ถ้าขายแล้วเอาไปซื้อคอนโด วันหนึ่งธุรกิจคอนโดล้นตลาด ไม่มีคนเช่า ขายต่อราคาตก จะกลายเป็นว่าเราขาดทุน (เราก็พยายามหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ใครๆก็บอกว่าตลาดคอนโดตอนนี้เสี่ยงมาก สามีบอกเค้าก็ดู ทำไมเค้าเจอแต่บอกว่าตลาดรุ่ง ยังไงก็กำไร 5555 หากันคนละมุม)
ทั้งหมดนี้คือความคิดจากสองฝั่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง และสามีก็มองว่าเราปิดกั้น ไม่ยอมกล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ ทำให้สูญเสียโอกาสในการก้าวหน้าทางการเงิน อีกทั้งอายุงานที่เหลือไม่มาก ทำให้เค้าต้องเร่งคิด เร่งตัดสินใจ เพราะกว่าจะรอถึงเกษียน อาจจะไม่ทัน
เราเองก็เป็นแม่บ้าน ไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยมีมุมมองทางธุรกิจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรามอง เรามองแคบไปจริงหรือเปล่า จึงขอรบกวนปรึกษาท่านผู้เชี่ยวชาญ กรุณาให้คำชี้แนะด้วยจะขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ
มีที่ 40 ไร่ อยู่ตจว ราคาไร่ละแสนสองหมื่นบาท สามีจะขายเพื่อซื้อคอนโดให้เช่าเก็งกำไรที่กรุงเทพ ควรห้ามหรือสนับสนุน
1.สามีมองว่าในอีก 10 ปี มูลค่าของคอนโดทำเลดีที่ว่าจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100% เช่นซื้อมา 5 ล้าน ในอีก 10 ปี ราคาคอนโดห้องนี้จะขายได้ในราคา 10 ล้าน ซึ่งเราไม่เห็นด้วย และมองว่าในอีก 10 ปี ที่ดิน น่าจะมีโอกาสมีมูลค่าเพิ่มขึ้นในอัตราที่มากกว่า
2.เค้ามองว่าในระหว่างทางเดิน เราก็จะมีกำไรจากค่าเช่า ซึ่งอย่างน้อยก็ถือว่าช่วยผ่อนเงินที่เรากู้มาเพียง 1 ล้านบาท แถมมีกำไรเป็นเงินเก็บด้วย ดีกว่าปล่อยที่ไว้เฉยๆ ไม่ได้ทำประโยชน์งอกเงยอะไร ซึ่งเราก็พยายามหาคนมาเช่าที่อยู่ แต่ก็ยังหาไม่ได้ เลยเถียงเค้าได้ไม่เต็มปาก และถึงหาคนเช่าที่ได้ ก็คงได้ไม่เท่าค่าเช่าคอนโด
3.เค้ามองว่า การที่ปล่อยที่ไว้เฉยๆ ก็ไม่มีอะไรงอกเงย แต่ถ้าเราขายที่เอาเงินไปลงทุนมันก็จะได้กำไร คือเราก็จะได้กำไรจากค่าเช่า และมูลค่าของคอนโดที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ตอนเราขาย แต่เรามองต่าง คือเรามองว่า ถ้าในอีก 10 ปี ที่ผืนนี้มูลค่าก็จะเพิ่มขึ้นด้วยตัวของมันเอง ไม่ต้องไปเสียงอะไรเลย แต่ถ้าขายแล้วเอาไปซื้อคอนโด วันหนึ่งธุรกิจคอนโดล้นตลาด ไม่มีคนเช่า ขายต่อราคาตก จะกลายเป็นว่าเราขาดทุน (เราก็พยายามหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต ใครๆก็บอกว่าตลาดคอนโดตอนนี้เสี่ยงมาก สามีบอกเค้าก็ดู ทำไมเค้าเจอแต่บอกว่าตลาดรุ่ง ยังไงก็กำไร 5555 หากันคนละมุม)
ทั้งหมดนี้คือความคิดจากสองฝั่งที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง และสามีก็มองว่าเราปิดกั้น ไม่ยอมกล้าที่จะทำอะไรใหม่ๆ ทำให้สูญเสียโอกาสในการก้าวหน้าทางการเงิน อีกทั้งอายุงานที่เหลือไม่มาก ทำให้เค้าต้องเร่งคิด เร่งตัดสินใจ เพราะกว่าจะรอถึงเกษียน อาจจะไม่ทัน
เราเองก็เป็นแม่บ้าน ไม่มีประสบการณ์ ไม่เคยมีมุมมองทางธุรกิจ ไม่รู้ว่าสิ่งที่เรามอง เรามองแคบไปจริงหรือเปล่า จึงขอรบกวนปรึกษาท่านผู้เชี่ยวชาญ กรุณาให้คำชี้แนะด้วยจะขอบพระคุณอย่างสูงค่ะ