เครดิต FB asiaplus ครับ
“รัฐผ่อนเกณฑ์รับผู้ป่วยจาก CLMV และจีน เป็นบวกต่อธุรกิจโรงพยาบาล”
เป้าหมายที่จะให้ไทยเป็น Medical Hup นั้น เป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และคนที่รับประโยชน์ตรงๆ ก็คือ ผู้ให้บริการทางการแพทย์ หรือโรงพยาบาลนั่นเอง
ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศเมื่อ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้โรงพยาบาล 155 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ รับผู้ป่วยจากประเทศ CLMV(กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และจีน เข้ามารักษา จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า จากเดิมที่ต้องเสีย 1-2 พันบาท
รวมทั้ง ขยายเวลาให้อยู่ไทยได้เป็น 90 วัน และขยายเวลาต่อได้อีก สูงสุดไม่เกิน 1 ปี จากเดิมแค่ 14-30 วัน, อนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ไม่เกิน 4 คน, ลดขั้นตอนอนุญาตเหลือเพียง 1 วัน (ดูประกาศกระทรวงฯภาพแรก)
กระทรวงฯจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนกลุ่มประเทศ CLMV และจีนทราบ ภายในเดือนก.ค.60
ย้อนไปเมื่อปี 56 ไทยเคยมีประกาศขยายเวลาให้ผู้ป่วยจาก 6 ประเทศอ่าวอาหรับ มารักษาตัวในไทยได้ 90 วัน จากเดิม 30 วัน ครั้งนั้นกระตุ้นรายได้จากผู้ป่วยกลุ่มนี้เติบโตมาก
เรามองว่า ประกาศครั้งนี้ จะส่งผลบวกต่อโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่ Q3 เป็นต้นไป ซึ่งโรงพยาบาลที่เราศึกษาอยู่ ได้ประโยชน์เกือบทั้งหมด ยกเว้น RJH และ BH
ขณะที่มองว่า BDMS จะได้ประโยชน์มากสุด เพราะมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยกลุ่มนี้อยู่จำนวนหนึ่งแล้ว ราว 5.3% ของรายได้ใน Q1 ส่วน LPS มีสัดส่วนรายได้ต่ำกว่า 1% (คำแนะนำการลงทุนกลุ่มการแพทย์ )
“รัฐผ่อนเกณฑ์รับผู้ป่วยจาก CLMV และจีน เป็นบวกต่อธุรกิจโรงพยาบาล”....ขาแช่ง BDMS มากันเร้ววววววว
“รัฐผ่อนเกณฑ์รับผู้ป่วยจาก CLMV และจีน เป็นบวกต่อธุรกิจโรงพยาบาล”
เป้าหมายที่จะให้ไทยเป็น Medical Hup นั้น เป็นหนึ่งในนโยบายที่สำคัญของรัฐบาล และคนที่รับประโยชน์ตรงๆ ก็คือ ผู้ให้บริการทางการแพทย์ หรือโรงพยาบาลนั่นเอง
ล่าสุด กระทรวงสาธารณสุข ออกประกาศเมื่อ 16 พ.ค.ที่ผ่านมา ให้โรงพยาบาล 155 แห่งที่เข้าร่วมโครงการ รับผู้ป่วยจากประเทศ CLMV(กัมพูชา ลาว เมียนมา เวียดนาม) และจีน เข้ามารักษา จะได้รับยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า จากเดิมที่ต้องเสีย 1-2 พันบาท
รวมทั้ง ขยายเวลาให้อยู่ไทยได้เป็น 90 วัน และขยายเวลาต่อได้อีก สูงสุดไม่เกิน 1 ปี จากเดิมแค่ 14-30 วัน, อนุญาตให้มีผู้ติดตามได้ไม่เกิน 4 คน, ลดขั้นตอนอนุญาตเหลือเพียง 1 วัน (ดูประกาศกระทรวงฯภาพแรก)
กระทรวงฯจะประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนกลุ่มประเทศ CLMV และจีนทราบ ภายในเดือนก.ค.60
ย้อนไปเมื่อปี 56 ไทยเคยมีประกาศขยายเวลาให้ผู้ป่วยจาก 6 ประเทศอ่าวอาหรับ มารักษาตัวในไทยได้ 90 วัน จากเดิม 30 วัน ครั้งนั้นกระตุ้นรายได้จากผู้ป่วยกลุ่มนี้เติบโตมาก
เรามองว่า ประกาศครั้งนี้ จะส่งผลบวกต่อโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ ตั้งแต่ Q3 เป็นต้นไป ซึ่งโรงพยาบาลที่เราศึกษาอยู่ ได้ประโยชน์เกือบทั้งหมด ยกเว้น RJH และ BH
ขณะที่มองว่า BDMS จะได้ประโยชน์มากสุด เพราะมีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยกลุ่มนี้อยู่จำนวนหนึ่งแล้ว ราว 5.3% ของรายได้ใน Q1 ส่วน LPS มีสัดส่วนรายได้ต่ำกว่า 1% (คำแนะนำการลงทุนกลุ่มการแพทย์ )