ยืมล็อคอินแฟนมาแชร์ประสบการณ์ตรงครับ
ขอเกริ่นก่อนเลย ว่าผมเป็นไส้เลื่อนมานานแล้ว ลงลูกอัณฑะด้านขวา อาการคือ ไส้ลงมา แต่ยังคงดันขึ้นได้อยู่นะครับ ช่วงหลังมานี่ลงบ่อยมากๆ นั่ง นอน ยืน เดิน ก็ลงมาตลอดรู้สึกตึงๆและรำคาญมากครับ จึงตัดสินใจไปพบหมอที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง เมื่อเดือน ธันวาคม 2559 เข้าพบหมอ พร้อมนัดผ่าวันวาเลนไทน์ 2560 เลยครับ (รีเควสหมอ ขอแบบส่องกล้อง) เพราะผมกลัวเจ็บ และคิดว่าแผลน่าจะหายเร็วกว่าผ่าแบบเปิดแผล
----- และแล้วก็ถึงเวลา Admit -----
13-02-2560 หมอนัด Admit ที่ รพ. ช่วงเช้า 9 โมง - เที่ยง ผมขับรถมาจาก ตจว. ตั้งแต่เมื่อวาน ในใจก็ลุ้นภาวนาขอให้มีที่จอดรถใน รพ. ด้วยเถิด (เพราะที่จอดรถหายากมากครับ วันที่มาตรวจครั้งแรก ก็ไม่มีที่จอด) สุดท้ายผมโชคดี ได้ที่จอดรถ หน้าตึกพอดีเลย ดีใจสุดๆ
ถือเป็นการเปิดฤกษ์ที่ดีในการเริ่มต้นผ่าตัดครั้งแรกของผมครับ เนื่องจากผมมาถึงก่อน 10 โมง ยังอยู่ในเวลานัด พอจะมีเวลาเหลือไปไหว้พระพรหมฯ พระภูมิเจ้าที่ เพื่อขอพรและแสดงความเคารพท่านก่อน
จากนั้นก็เดินเข้าตึกยื่นใบนัดแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อรับห้อง เตรียม admit (ก่อนหน้านี้จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาคอนเฟิร์มเราตั้งแต่ก่อนวันนัด จนมาถึงวันนัดช่วงเช้าก็ยังคงโทรมาย้ำเราอีกครั้งครับ)
ได้ห้องเรียบร้อย เป็นห้องพิเศษครับ จองไว้ตั้งแต่มาตรวจครั้งแรก พอเดินเข้าห้องได้แปปเดียว พยาบาล 2 คนก็เข้ามาจัดการให้ผมเปลี่ยนชุดคนไข้ พร้อมซักประวัติโดยละเอียด แพ้ยา? เป็นมานาน? นน.ส่วนสูง? ฯลฯ และอีกมากมายหลายอย่างครับ *** ห้องพิเศษ จะต้องมีญาติมาเฝ้าอย่างน้อย 1 คนนะครับ ผมลากแฟนผมมาเฝ้าซะเลย
ซักประวัติกันเสร็จเรียบร้อย นั่งเล่นนอนเล่นรอสักครู่ ก็มีการเจาะเลือด / วัดความดัน / มีรถเข็นมารับพาไปเอ็กซเรย์ / ตรวจคลื่นหัวใจ / เจาะเข็มคาไว้ที่หลังมือ เพื่อรอให้น้ำเกลือพรุ่งนี้เช้าก่อนผ่าตัด สักพักก็มีหมอมาทำเครื่องหมายวงกลมไว้ที่ขา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเราต้องผ่าข้างไหน ผ่าผิดล่ะแย่เลย -"-
เสร็จแล้วครับภารกิจวันนี้ พยาบาลแจ้งให้นอนตอน 2 ทุ่ม มียาคลายเครียดมาให้ 1 เม็ดครับ แต่ถึงจะกินยาแล้ว ผมก็ยังนอนไม่ค่อยหลับอยู่ดี ตื่นเต้น+กลัวมากจริงๆครับ T-T
ปล. คืนนี้เริ่มงดน้ำและอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนจนกว่าจะผ่าเสร็จนะครับ
14-02-2560 ---- ฉลองวาเลนไทน์
"ครั้งแรกกับการผ่าตัดของผม"
05.30 น. พยาบาลเข้ามาวัดความดัน พร้อมกับบอกให้ผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมตัวผ่าตัดได้เลย เพราะจะไม่ได้อาบอีกหลายวัน
06.30 น. พยาบาลมาให้น้ำเกลือ
07.00 - 11.00 น. คือ ช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่แสนจะทรมารจิตใจของผมมากครับ รอจนน้ำเกลือหมดไป 1 ถุงต่อด้วยถุงที่ 2 แล้วก็ยังไม่มีใครมารับไปผ่าสักที มันลุ้น มันตื่นเต้น มันกลัวไปหมด
11.30 น. มาแล้วครับ มาแล้ว รถเข็นพร้อมพยาบาลและผู้ช่วยอีก 3-4 คน มารับผมไปเตรียมตัวผ่าแล้วครับ
*** ผมผ่าแบบส่องกล้อง มีรู 3 รูตั้งแต่สะดือลงมา เป็นแนวตั้ง
รถเข็นพาผมไปยังอีกตึกหนึ่ง จำได้ว่าเป็นห้องปลอดเชื้อ พอผมผ่านประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือก ชวนให้ขนลุก แต่ก็ยังดีครับที่ผมมีเพื่อนนอนรอผ่าตัดอยู่อีก 3-4 คน ผมก็ขึ้นเตียงนอนรอต่อไปอีกนานเลย เจ้าหน้าที่เหมือนรู้ว่าผมหนาว ก็เอาผ้ามาห่มให้ หรือเรียกว่าห่อตัวกันเลยดีกว่าครับ ผมต้องรอนานหน่อย เพราะได้คิวผ่าช่วงบ่าย หมอเดินมาย้ำอีกที ว่าผ่าข้างนี้ใช่มั้ย? เพื่อป้องกันการผ่าผิดที่ครับ
----- ได้เวลาเข้าห้องผ่าตัด -----
มีเจ้าหน้าที่วิสัญญี มาตรวจคลื่นหัวใจ ให้ Oxygen และแล้วทุกๆอย่างที่ผ่านเข้ามาในหัว ทุกๆความรู้สึกของผมก็ดับไป....
ตื่นมาอีกที รู้สึกจะเป็นตอนที่โดนยกออกจากเตียงผ่าตัด ..
คำถามแรกของผม
ผม : เสร็จแล้วเหรอครับ สวนฉี่ให้ผมยังครับ ?
** เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมก็เปิดอ่านใน pantip นี่ล่ะครับ ว่าหลังผ่าเสร็จห้ามลืมบอกให้พยาบาลสวนฉี่ เพราะอาจจะเกิดการติดเชื้อได้ หากเราไม่ฉี่ออก
พยาบาล : สวนแล้วค่ะ เสร็จแล้วนะคะ
ผมค่อนข้างโล่งใจนะ ที่ผมตื่นมาแล้วไม่มีสายฉี่คาอยู่ เพราะผมได้ข่าวมาว่า สวนฉี่นั้นเจ็บ T-T
ผมกลับมาถึงห้องพักเวลาประมาณ 17.00 น. แล้วครับ แฟนผมบอกว่า ผมไปนานมาก เป็นห่วงแทบแย่ (ซึ้งครับซึ้ง)
มาถึงห้อง ผมยังรู้สึกเหมือนปวดฉี่อยู่เลย ก็เลยบอกพยาบาลว่าสวนฉี่ให้ผมรึยัง? (ยังคงกังวลเรื่องฉี่อยู่)
พยาบาลบอกว่าตอนสลบอยู่เพิ่งถอดสายฉี่ออกไปเองนะคะ ปวดฉี่จริงหรือป่าว?
พยาบาลก็เลยไปหยิบกระบอกฉี่ในห้องน้ำออกมาให้ผมนอนฉี่บนเตียงนี่ล่ะ แต่ขั้นตอนนี้แฟนผมช่วยนะครับ พยาบาลออกไปนอกห้องแล้ว
ผมพยายามบังคับให้ฉี่ออกมาอยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุดฉี่ก็ออกครับ (แต่แฟนผมบอกว่าฉี่ไม่เยอะนะ นิดหน่อย) แต่ก็โอเคแล้วที่สามารถฉี่เองได้ โล่งครับโล่ง..
มาต่อกันเรื่องอาการคืนแรกหลังผ่าตัดกันดีกว่าครับ
หลังจากฉี่แล้ว ผมก็สลึมสลือ ยังเมายาสลบอยู่ครับ ตื่นมาดื่มน้ำ ดื่มนมได้นิดหน่อย แต่เนื่องจากผมหิว ผมก็ขอกินกล้วย แต่พอกินไปได้เกือบ 1 ลูก มันจะอ้วกครับ รู้สึกคลื่นไส้ แต่ก็ระงับเอาไว้ได้ ไม่อ้วกออกมา จากนั้นผมก็หลับต่อ หลับๆตื่นๆครับ เพราะเริ่มปวดแผลมาก ตึงๆและปวดมากครับ จนต้องขอมอร์ฟีนระงับปวดจากพยาบาล
ช่วงระหว่างคืน ก็จะมีพยาบาลมาให้ยาฆ่าเชื้อทุกๆ 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 24 ชั่วโมง รวมถึง มีการวัดความดันตลอดเวลา เป็นเวลา 2 ชั่วโมง แถมด้วยพยาบาลเดินเข้าๆออกๆ วัดความดัน วัดไข้ ฉีดยา ให้น้ำเกลือ ตลอดทั้งคืนครับ (แฟนผมบอกมาว่าแทบไม่ได้นอนเลย)
15-02-2560 รุ่งเช้าหลังผ่าตัด ปวดแผล+ตึงมากครับ ผมไม่กล้าลุกจากเตียงไปฉี่ แต่โดนหมอและพยาบาล รวมถึงแฟนผม บังคับให้ผมเดินเอง มิฉะนั้น ท้องจะอืด ลำไส้จะไม่ทำงานเป็นปกติ รวมถึงแผลจะเกิดพังผืดได้
ด้วยความจำใจ ผมจึงต้องฝืนลุกจากเตียงเดินไปฉี่จนได้
แรกๆก็จะเจ็บมาก แต่พอเริ่มเดินบ่อยขึ้น ก็จะเริ่มดีขึ้นครับ แต่ทุกครั้งหลังจากล้มตัวลงนอน และลุกขึ้นมาเดินใหม่ ก็เจ็บแผลทุกครั้งไป
**แนะนำสำหรับคนที่กำลังจะผ่า ให้รีบลุกเดินเองให้ได้นะครับ แล้วก็เดินบ่อยๆ ลำไส้จะได้กลับมาทำงานระบบการย่อยอาหารจะได้ดีขึ้น ขับถ่ายก็จะกลับมาเป็นปกติเร็วๆครับ
ส่วนตัวผม ฉี่ได้เองแล้วในตอนเช้า ขับถ่ายได้เองในช่วงค่ำครับ
เนื่องจากวันนี้ผมมีไข้ต่ำๆ หมอจึงยังไม่อนุญาตให้กลับบ้าน นอน รพ.กันต่อไป ...
16-02-2560 เมื่อเช้าวัดไข้แล้วไม่มีไข้ครับ หมอเวรเข้ามาหาตั้งแต่เช้า ถามว่ากลับบ้านมั้ย กลับบ้านได้แล้วเนอะ ไอ้เราก็อยากกลับแล้ว รีบตอบเลยครับ "กลับบ้านครับ"
แฟนผมรีบอาบน้ำแต่งตัว เก็บของรอตั้งแต่เช้า
มีพยาบาลเข้ามาทำแผลให้ก่อนกลับบ้าน พร้อมกับแจกผ้าเทปปิดแผลให้ 1 ชุด
พยาบาลบอกว่า ไม่ต้องแกะแผลออกจนกว่าจะครบ 7 วัน นับตั้งแต่วันผ่า.. จากนั้นก็ให้ไปที่ รพ.ใกล้บ้าน หรืออนามัยก็ได้ ให้เค้าทำแผลให้ แล้วก็ใช้ผ้าเทปปิดแผลที่ให้ไป ปิดแผลไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่หมอนัดตรวจอีกครั้ง (น่าจะประมาณอีก 2 อาทิตย์จากนี้ครับ)
ผมก็รอไปรอมา เดินไปเดินมา นั่งๆนอนๆอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน กว่า รพ.จะทำเรื่องออกได้ ก็ปาเข้าไป บ่าย 4 โมงเย็น พอดีครับ
อาการวันนี้ มีความตึงที่แผลด้านใน ปวดๆ ชาที่ต้นขาเป็นปกติครับ
24/02/60
ครบ 10 วัน อาการ คือ เดินได้ช้าๆ แผลภายนอกปกติดี ไม่รู้สึกเจ็บ แต่จะรู้สึกตึงแผลด้านในมากกว่า
ผมยังไม่กล้าอาบน้ำเลยครับ ทำได้แค่เช็ดตัว เพราะกลัวแผลจะเปียก ทั้งๆที่พยาบาลก็ติดกันน้ำไว้ให้แล้ว แต่ด้วยความกังวล ผมคิดว่าไม่อาบดีกว่า สบายใจกว่าครับ
03/02/60
หมอนัดตรวจครั้งแรก หลังผ่าตัดมา 10 กว่าวัน
สิ่งที่สงสัย
อาการชาที่ต้นขา ?
ก้อนแข็ง ?
คำตอบ คือ ปกติครับ อาการจะค่อยๆดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 1-2 เดือน
16/03/60
ครบ 1 เดือน เดินคล่องขึ้นแล้ว แต่ยังคงต้องรักษาตัวไม่ทำงานหนัก ไม่ยกของหนักกันต่อไป
16/05/60
ครบ 3 เดือน เดินตัวปลิวแล้วครับ
แต่ยังคงต้องระวังเรื่องยกของหนัก การไอ จาม เดินขึ้นลงบันได ก็พยายามดูแลตัวเองไม่ให้พลาดครับ
ส่วนอาการชา ดีขึ้นเป็นลำดับ แทบจะหายเป็นปกติแล้วล่ะครับ
(ครั้งแรกของผม) ไส้เลื่อน! ผ่าตัดส่องกล้อง
ขอเกริ่นก่อนเลย ว่าผมเป็นไส้เลื่อนมานานแล้ว ลงลูกอัณฑะด้านขวา อาการคือ ไส้ลงมา แต่ยังคงดันขึ้นได้อยู่นะครับ ช่วงหลังมานี่ลงบ่อยมากๆ นั่ง นอน ยืน เดิน ก็ลงมาตลอดรู้สึกตึงๆและรำคาญมากครับ จึงตัดสินใจไปพบหมอที่ รพ.รัฐแห่งหนึ่ง เมื่อเดือน ธันวาคม 2559 เข้าพบหมอ พร้อมนัดผ่าวันวาเลนไทน์ 2560 เลยครับ (รีเควสหมอ ขอแบบส่องกล้อง) เพราะผมกลัวเจ็บ และคิดว่าแผลน่าจะหายเร็วกว่าผ่าแบบเปิดแผล
----- และแล้วก็ถึงเวลา Admit -----
13-02-2560 หมอนัด Admit ที่ รพ. ช่วงเช้า 9 โมง - เที่ยง ผมขับรถมาจาก ตจว. ตั้งแต่เมื่อวาน ในใจก็ลุ้นภาวนาขอให้มีที่จอดรถใน รพ. ด้วยเถิด (เพราะที่จอดรถหายากมากครับ วันที่มาตรวจครั้งแรก ก็ไม่มีที่จอด) สุดท้ายผมโชคดี ได้ที่จอดรถ หน้าตึกพอดีเลย ดีใจสุดๆ ถือเป็นการเปิดฤกษ์ที่ดีในการเริ่มต้นผ่าตัดครั้งแรกของผมครับ เนื่องจากผมมาถึงก่อน 10 โมง ยังอยู่ในเวลานัด พอจะมีเวลาเหลือไปไหว้พระพรหมฯ พระภูมิเจ้าที่ เพื่อขอพรและแสดงความเคารพท่านก่อน
จากนั้นก็เดินเข้าตึกยื่นใบนัดแจ้งเจ้าหน้าที่เพื่อรับห้อง เตรียม admit (ก่อนหน้านี้จะมีเจ้าหน้าที่โทรมาคอนเฟิร์มเราตั้งแต่ก่อนวันนัด จนมาถึงวันนัดช่วงเช้าก็ยังคงโทรมาย้ำเราอีกครั้งครับ)
ได้ห้องเรียบร้อย เป็นห้องพิเศษครับ จองไว้ตั้งแต่มาตรวจครั้งแรก พอเดินเข้าห้องได้แปปเดียว พยาบาล 2 คนก็เข้ามาจัดการให้ผมเปลี่ยนชุดคนไข้ พร้อมซักประวัติโดยละเอียด แพ้ยา? เป็นมานาน? นน.ส่วนสูง? ฯลฯ และอีกมากมายหลายอย่างครับ *** ห้องพิเศษ จะต้องมีญาติมาเฝ้าอย่างน้อย 1 คนนะครับ ผมลากแฟนผมมาเฝ้าซะเลย
ซักประวัติกันเสร็จเรียบร้อย นั่งเล่นนอนเล่นรอสักครู่ ก็มีการเจาะเลือด / วัดความดัน / มีรถเข็นมารับพาไปเอ็กซเรย์ / ตรวจคลื่นหัวใจ / เจาะเข็มคาไว้ที่หลังมือ เพื่อรอให้น้ำเกลือพรุ่งนี้เช้าก่อนผ่าตัด สักพักก็มีหมอมาทำเครื่องหมายวงกลมไว้ที่ขา เพื่อเป็นสัญลักษณ์ว่าเราต้องผ่าข้างไหน ผ่าผิดล่ะแย่เลย -"-
เสร็จแล้วครับภารกิจวันนี้ พยาบาลแจ้งให้นอนตอน 2 ทุ่ม มียาคลายเครียดมาให้ 1 เม็ดครับ แต่ถึงจะกินยาแล้ว ผมก็ยังนอนไม่ค่อยหลับอยู่ดี ตื่นเต้น+กลัวมากจริงๆครับ T-T
ปล. คืนนี้เริ่มงดน้ำและอาหารตั้งแต่เที่ยงคืนจนกว่าจะผ่าเสร็จนะครับ
14-02-2560 ---- ฉลองวาเลนไทน์
"ครั้งแรกกับการผ่าตัดของผม"
05.30 น. พยาบาลเข้ามาวัดความดัน พร้อมกับบอกให้ผมอาบน้ำเปลี่ยนชุดเตรียมตัวผ่าตัดได้เลย เพราะจะไม่ได้อาบอีกหลายวัน
06.30 น. พยาบาลมาให้น้ำเกลือ
07.00 - 11.00 น. คือ ช่วงเวลาแห่งการรอคอยที่แสนจะทรมารจิตใจของผมมากครับ รอจนน้ำเกลือหมดไป 1 ถุงต่อด้วยถุงที่ 2 แล้วก็ยังไม่มีใครมารับไปผ่าสักที มันลุ้น มันตื่นเต้น มันกลัวไปหมด
11.30 น. มาแล้วครับ มาแล้ว รถเข็นพร้อมพยาบาลและผู้ช่วยอีก 3-4 คน มารับผมไปเตรียมตัวผ่าแล้วครับ
*** ผมผ่าแบบส่องกล้อง มีรู 3 รูตั้งแต่สะดือลงมา เป็นแนวตั้ง
รถเข็นพาผมไปยังอีกตึกหนึ่ง จำได้ว่าเป็นห้องปลอดเชื้อ พอผมผ่านประตูเข้าไปเท่านั้นแหละ สัมผัสได้ถึงบรรยากาศเย็นยะเยือก ชวนให้ขนลุก แต่ก็ยังดีครับที่ผมมีเพื่อนนอนรอผ่าตัดอยู่อีก 3-4 คน ผมก็ขึ้นเตียงนอนรอต่อไปอีกนานเลย เจ้าหน้าที่เหมือนรู้ว่าผมหนาว ก็เอาผ้ามาห่มให้ หรือเรียกว่าห่อตัวกันเลยดีกว่าครับ ผมต้องรอนานหน่อย เพราะได้คิวผ่าช่วงบ่าย หมอเดินมาย้ำอีกที ว่าผ่าข้างนี้ใช่มั้ย? เพื่อป้องกันการผ่าผิดที่ครับ
----- ได้เวลาเข้าห้องผ่าตัด -----
มีเจ้าหน้าที่วิสัญญี มาตรวจคลื่นหัวใจ ให้ Oxygen และแล้วทุกๆอย่างที่ผ่านเข้ามาในหัว ทุกๆความรู้สึกของผมก็ดับไป....
ตื่นมาอีกที รู้สึกจะเป็นตอนที่โดนยกออกจากเตียงผ่าตัด ..
คำถามแรกของผม
ผม : เสร็จแล้วเหรอครับ สวนฉี่ให้ผมยังครับ ?
** เนื่องจากก่อนหน้านี้ผมก็เปิดอ่านใน pantip นี่ล่ะครับ ว่าหลังผ่าเสร็จห้ามลืมบอกให้พยาบาลสวนฉี่ เพราะอาจจะเกิดการติดเชื้อได้ หากเราไม่ฉี่ออก
พยาบาล : สวนแล้วค่ะ เสร็จแล้วนะคะ
ผมค่อนข้างโล่งใจนะ ที่ผมตื่นมาแล้วไม่มีสายฉี่คาอยู่ เพราะผมได้ข่าวมาว่า สวนฉี่นั้นเจ็บ T-T
ผมกลับมาถึงห้องพักเวลาประมาณ 17.00 น. แล้วครับ แฟนผมบอกว่า ผมไปนานมาก เป็นห่วงแทบแย่ (ซึ้งครับซึ้ง)
มาถึงห้อง ผมยังรู้สึกเหมือนปวดฉี่อยู่เลย ก็เลยบอกพยาบาลว่าสวนฉี่ให้ผมรึยัง? (ยังคงกังวลเรื่องฉี่อยู่)
พยาบาลบอกว่าตอนสลบอยู่เพิ่งถอดสายฉี่ออกไปเองนะคะ ปวดฉี่จริงหรือป่าว?
พยาบาลก็เลยไปหยิบกระบอกฉี่ในห้องน้ำออกมาให้ผมนอนฉี่บนเตียงนี่ล่ะ แต่ขั้นตอนนี้แฟนผมช่วยนะครับ พยาบาลออกไปนอกห้องแล้ว
ผมพยายามบังคับให้ฉี่ออกมาอยู่สักพักหนึ่ง ในที่สุดฉี่ก็ออกครับ (แต่แฟนผมบอกว่าฉี่ไม่เยอะนะ นิดหน่อย) แต่ก็โอเคแล้วที่สามารถฉี่เองได้ โล่งครับโล่ง..
มาต่อกันเรื่องอาการคืนแรกหลังผ่าตัดกันดีกว่าครับ
หลังจากฉี่แล้ว ผมก็สลึมสลือ ยังเมายาสลบอยู่ครับ ตื่นมาดื่มน้ำ ดื่มนมได้นิดหน่อย แต่เนื่องจากผมหิว ผมก็ขอกินกล้วย แต่พอกินไปได้เกือบ 1 ลูก มันจะอ้วกครับ รู้สึกคลื่นไส้ แต่ก็ระงับเอาไว้ได้ ไม่อ้วกออกมา จากนั้นผมก็หลับต่อ หลับๆตื่นๆครับ เพราะเริ่มปวดแผลมาก ตึงๆและปวดมากครับ จนต้องขอมอร์ฟีนระงับปวดจากพยาบาล
ช่วงระหว่างคืน ก็จะมีพยาบาลมาให้ยาฆ่าเชื้อทุกๆ 6 ชั่วโมง เป็นเวลา 24 ชั่วโมง รวมถึง มีการวัดความดันตลอดเวลา เป็นเวลา 2 ชั่วโมง แถมด้วยพยาบาลเดินเข้าๆออกๆ วัดความดัน วัดไข้ ฉีดยา ให้น้ำเกลือ ตลอดทั้งคืนครับ (แฟนผมบอกมาว่าแทบไม่ได้นอนเลย)
15-02-2560 รุ่งเช้าหลังผ่าตัด ปวดแผล+ตึงมากครับ ผมไม่กล้าลุกจากเตียงไปฉี่ แต่โดนหมอและพยาบาล รวมถึงแฟนผม บังคับให้ผมเดินเอง มิฉะนั้น ท้องจะอืด ลำไส้จะไม่ทำงานเป็นปกติ รวมถึงแผลจะเกิดพังผืดได้
ด้วยความจำใจ ผมจึงต้องฝืนลุกจากเตียงเดินไปฉี่จนได้
แรกๆก็จะเจ็บมาก แต่พอเริ่มเดินบ่อยขึ้น ก็จะเริ่มดีขึ้นครับ แต่ทุกครั้งหลังจากล้มตัวลงนอน และลุกขึ้นมาเดินใหม่ ก็เจ็บแผลทุกครั้งไป
**แนะนำสำหรับคนที่กำลังจะผ่า ให้รีบลุกเดินเองให้ได้นะครับ แล้วก็เดินบ่อยๆ ลำไส้จะได้กลับมาทำงานระบบการย่อยอาหารจะได้ดีขึ้น ขับถ่ายก็จะกลับมาเป็นปกติเร็วๆครับ
ส่วนตัวผม ฉี่ได้เองแล้วในตอนเช้า ขับถ่ายได้เองในช่วงค่ำครับ
เนื่องจากวันนี้ผมมีไข้ต่ำๆ หมอจึงยังไม่อนุญาตให้กลับบ้าน นอน รพ.กันต่อไป ...
16-02-2560 เมื่อเช้าวัดไข้แล้วไม่มีไข้ครับ หมอเวรเข้ามาหาตั้งแต่เช้า ถามว่ากลับบ้านมั้ย กลับบ้านได้แล้วเนอะ ไอ้เราก็อยากกลับแล้ว รีบตอบเลยครับ "กลับบ้านครับ"
แฟนผมรีบอาบน้ำแต่งตัว เก็บของรอตั้งแต่เช้า
มีพยาบาลเข้ามาทำแผลให้ก่อนกลับบ้าน พร้อมกับแจกผ้าเทปปิดแผลให้ 1 ชุด
พยาบาลบอกว่า ไม่ต้องแกะแผลออกจนกว่าจะครบ 7 วัน นับตั้งแต่วันผ่า.. จากนั้นก็ให้ไปที่ รพ.ใกล้บ้าน หรืออนามัยก็ได้ ให้เค้าทำแผลให้ แล้วก็ใช้ผ้าเทปปิดแผลที่ให้ไป ปิดแผลไว้จนกว่าจะถึงเวลาที่หมอนัดตรวจอีกครั้ง (น่าจะประมาณอีก 2 อาทิตย์จากนี้ครับ)
ผมก็รอไปรอมา เดินไปเดินมา นั่งๆนอนๆอยู่ในห้องตลอดทั้งวัน กว่า รพ.จะทำเรื่องออกได้ ก็ปาเข้าไป บ่าย 4 โมงเย็น พอดีครับ
อาการวันนี้ มีความตึงที่แผลด้านใน ปวดๆ ชาที่ต้นขาเป็นปกติครับ
24/02/60
ครบ 10 วัน อาการ คือ เดินได้ช้าๆ แผลภายนอกปกติดี ไม่รู้สึกเจ็บ แต่จะรู้สึกตึงแผลด้านในมากกว่า
ผมยังไม่กล้าอาบน้ำเลยครับ ทำได้แค่เช็ดตัว เพราะกลัวแผลจะเปียก ทั้งๆที่พยาบาลก็ติดกันน้ำไว้ให้แล้ว แต่ด้วยความกังวล ผมคิดว่าไม่อาบดีกว่า สบายใจกว่าครับ
03/02/60
หมอนัดตรวจครั้งแรก หลังผ่าตัดมา 10 กว่าวัน
สิ่งที่สงสัย
อาการชาที่ต้นขา ?
ก้อนแข็ง ?
คำตอบ คือ ปกติครับ อาการจะค่อยๆดีขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป 1-2 เดือน
16/03/60
ครบ 1 เดือน เดินคล่องขึ้นแล้ว แต่ยังคงต้องรักษาตัวไม่ทำงานหนัก ไม่ยกของหนักกันต่อไป
16/05/60
ครบ 3 เดือน เดินตัวปลิวแล้วครับ
แต่ยังคงต้องระวังเรื่องยกของหนัก การไอ จาม เดินขึ้นลงบันได ก็พยายามดูแลตัวเองไม่ให้พลาดครับ
ส่วนอาการชา ดีขึ้นเป็นลำดับ แทบจะหายเป็นปกติแล้วล่ะครับ