GP ที่เฆเรซปีนี้ การแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลกเดินทางมาถึงสนามที่ 3000 พอดี(ในรุ่น MotoGP) โดยรายการแรกที่เริ่มต้นนับหนึ่งในระดับชิงแชมป์โลกคือการแข่งขันรุ่น 350cc ที่ Isle of Man TT เมื่อวันจันทร์ที่ 13 มิถุนายน ปี 1949 และผู้ที่ชนะการแข่งขันคนแรกคือ Freddie Frith นักแข่งชาวสหราชอาณาจักรฯในรถ Velocette หลังจากนั้นก็มีการแข่งขันในหลายต่อหลายรุ่นรวมถึงมีการเปลี่ยนแปลงกฏกติกาและชื่อของรุ่นต่างๆต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงปัจุบัน สรุปเป็นจำนวนสนามของแต่ระรุ่นได้ดังนี้
รุ่น 350cc แข่งขันกันทั้งหมด 280 ครั้ง
รุ่น 50cc แข่งขันกันทั้งหมด 172 ครั้ง
รุ่น 80cc แข่งขันกันทั้งหมด 47 ครั้ง
รุ่น 125cc แข่งขันกันทั้งหมด 722 ครั้ง
รุ่น 250cc แข่งขันกันทั้งหมด 716 ครั้ง
รุ่น 500cc แข่งขันกันทั้งหมด 580 ครั้ง
รุ่น Moto3 แข่งขันกันทั้งหมด 92 ครั้ง
รุ่น Moto2 แข่งขันกันทั้งหมด 126 ครั้ง
รุ่น MotoGP แข่งขันกันทั้งหมด 264 ครั้ง
สนามที่ 3000 เกิดขึ้นในสุดสัปดาห์นี้
สเปนคือชาติที่จัดการแข่งขันมาที่สุดถึง 373 (ยังไม่นับรวมที่เฆเรซปีนี้) โดย GP ที่ 1000 นั้นเป็นการแข่งขันในรุ่น 50cc ที่สนามฮอคเคนไฮม์ประเทศเยอรมันนีในปี 1975 ส่วนสนามที่ 2000 เกิดขึ้นในรุ่น 500cc ที่สนามซูซูกะประเทศญี่ปุ่นในปี 1997 และผู้ชนะคือ Mick Doohan แชมป์โลกรุ่น 500cc 5 สมัยชาวออสเตเรีย และในสุดสัปดาห์นี้ก็จะเดินทางมาถึงสนามที่ 3000 ซึ่งถือเป็นก้าวที่ไกลมากๆของการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก และหลังจากนี้ก็คงจะมีสนามที่ 4000 และมากกว่านั้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตราบใดที่โลกของเรายังคงหมุนอยู่ โลกของ 2 ล้อก็จะยังคงหมุนต่อไปเช่นเดียวกัน
บรรยากาศและทิวทัศน์ของสนาม Jerez
สำหรับการแข่งขันสนามในยุโรปนั้น เป็นบรรยกาศที่แฟนโมโตจีพีควรจะต้องหาโอกาสไปสัมผัสซักครั้ง (ส่วนตัวก็ยังไม่เคยไปหรอกนะ แหะๆ) นักแข่งจะนอนกันในมอเตอร์ โฮม ต่างจากในเอเชียหรืออเมริกาที่จะนอนกันที่โรงแรม MotoGP Village จะเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสัน อาหารการกินสไตล์ยุโรป มีทั้งเสียงเพลง เสียงอึกกะทึกครึกโครมกันแทบตลอดทั้งวัน แต่ละโรงงานก็จะมีบูท มีเลาทจ์สำหรับรักแขกของทีมหรือแขกของผู้สนับสนุนทีมที่อลังการ เนื่องจากต่อจากนี้ การขนส่งต่างๆจะทำกันด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเครื่องบินมากๆ ก็นะอยากขนอะไรก็ขนกันไป 555 ขบวนรถบรรทุกเหล่านี้ ก็จะเคลื่อนที่เป็นคาราวานไปเรื่อยๆ ไปจนกว่าการแข่งขันจะออกจากดินแดนยุโรปอีกครั้งหลังจบ GP ที่แอรากอน
Maverick Vinales
Yamaha ชนะที่นี่มา 2 ปีติด ทำให้ทางพี่แยมหมายมั่นปั้นมือว่าเก็บชัยชนะให้ได้อีกครั้งในปีนี้ โดยเฉพาะกับมาเวอร์ริค วินยาเลสที่พลาดล้มสนามที่แล้วและต้องการเรียกความเชื่อมั่นรวมไปถึงทวงตำแหน่งจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสมกลับมานอนกอดอีกครั้ง แต่หลังจากเริ่มลงไปทดสอบรถตั้งแต่วันศุกร์ ดูเหมือนว่า Yamaha จะเจอปัญหาที่ไม่คาดคิดและเป็นปัญหาที่ยามาฮ่าต้องจดจำไปอีกนาน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สภาพอากาศที่แคว้นอันดาลูซีอาดีมากๆ ท้องฟ้าโปร่งเป็นสีฟ้าใส ปุยเมฆสีขาวลอยสูง ส่งผลให้อุณหภูมิของผิวแทรคนั้นสูงกว่าปกติ
บวกกับสภาพยางมะตอยของสนามที่ค่อนข้างจะเก่ามากๆแล้ว พอเจออากาศที่ร้อนเข้าไป ทำให้ความสามารถในการยึดเกาะของผิวแทรคนั้นต่ำลง ส่งผลให้รถที่ต้องการกริปเยอะๆอย่าง Yamaha นั้นเจอปัญหากว่าใครเพื่อน ทั้ง Rossi และ Vinales มีปัญหากับยางตลอดทั้ง 3 วันที่เฆเรซ แม้ว่ารถของทีมทีมนั้นเจอปัญหาเหมือนกันหมด แต่ทว่าผลที่กระทบนั้นไม่เท่ากัน โดยเฉพาะคู่แข่งตัวเป้งอย่าง Honda นั้นที่พักหลังมานี้มีปัญหากับเรื่องกริปมาตลอด เรียกได้ว่าเริ่มจะชินชา ห้าห้าห้า เลยพากันไล่ยึดหัวหาดตั้งแต่การซ้อมในรอบ FP1 และ FP2 แม้ว่าในวันเสาร์ Yamaha และ Ducati จะเริ่มเซ็ตอัพรถได้ดีขึ้น แต่ในการคลอลิไฟท์ก็ยังเป็น 2 นักแข่งทีมโรงงาน Honda อย่าง Pedrosa และ Maquez รวมไปถึง Cal Crutchlow จาก LCR ที่ได้ออกสตาร์ทในแถวหน้า
ทีของเฮีย
Dani Predosa เข้าสู่โหมดเทพเท้าเรืองแสงตลอดทั้งสุดสัปดาห์นี้ นอกจาก FP2 และรอบวอร์มอัพแล้ว เพโดรซ่าทำเวลาเร็วที่สุดตลอดทุกเซสชั่นที่เหลือ รวมไปถึงตำแหน่ง Pole ด้วย และในการแข่งขันก็เป็นแดนนี่ที่ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ทะยานขึ้นไปนำแบบม้วนเดียวจบ คว้าชัยชนะในบ้านได้อย่างสวยสดงดงาม ทั้งนี้ ดูเผินๆแล้ว เหมือนเพโดรซ่าจะเข้าวินไปแบบไม่ยาก แต่จริงๆแล้ว ถ้าเพโดรซ่าไม่อยู่ในฟอร์มที่สุดยอดจริงๆ น่าจะต้านทานการโจมตีของมาร์ค มาเกวซไม่ได้แน่ๆ หลังจบการควอลิไฟท์ ทั้งคู่ก็พยักหน้าส่งสายตาต่อกันว่า พรุ่งนี้เจอกันหน่อยเด๊ะ DP26 เลือกยาง H-M ส่วน MM93 นั้นใช้ยาง H-H ซึ่งก็เป็นไปตามเกมที่คาดกันไว้ มาเกวซเริ่มบุกอย่างหนักในช่วงครึ่งหลังของการแข่งขัน โดยมีระยะห่างที่ 1 วินาทีเป็นกำแพง
ปกติแล้ว ในสนามที่มาเกวซสามารถขับเคี่ยวกับคู่แข่งในระยะห่างประมาณเท่านี้ (1-2 วินาที) แถม MM ยังมียาง Hard ที่เค้าชอบอยู่กับตัวด้วยแล้วนั้น มีน้อยครั้งมากที่ MM จะปิดเกมไม่สำเร็จ แต่ที่เฆเรซปีนี้ มาเกวซบุกไม่เข้าจริงๆ ในทางกลับกันก็ต้องบอกว่าเพโดรซ่านั้นขี่อยู่บนความเร็วสูงสุดได้อย่างยอดเยี่ยม แทบไม่มีข้อผิดพลาดให้ได้เห็น (เจ้าตัวบอกว่าเค้ามีพลาดเกือบหลุดเคิร์บไปแค่ครั้งเดียว ซึ่งตอนนั้นเสียเวลาไปราวๆ 0.3 วิ แต่ยังดีที่พารถกลับมาได้)
งานนี้ มาเกวซไล่ไม่เข้าจริงๆ
ถ้าใครที่ได้ดูการถ่ายทอดสด อาจจะเห็นว่ามีช่วงที่มาร์ค พยายามไล่กวด และระยะห่างลงทุกรอบอยู่ 3-4 รอบเพียงแต่ช่องว่างนั้นลดลงได้แค่ประมาณรอบละ 0.1 วินาทีเท่านั้น ระยะห่างที่ร่นมาน้อยสุดนั้นอยู่ที่ประมาณ 0.9 วินาที แต่หลังจากนั้น เพโดรซ่าเริ่มทวงกลับคืนได้ในบางเซ็กเตอร์ ก่อนที่จะกลับมาเร็วกว่านิดๆในช่วงท้าย ทำให้สุดท้ายแล้ว มาร์ค มาเกวซก็ต้องยอมรับบทพระรองในสนามนี้ไป เรียกได้ว่าเป็นสุดสัปดาห์ที่ยอดเยี่ยมของพ่อใหญ่จิ๋ว เพราะเค้าคว้าทั้งตำแหน่งโพล ทำเวลาเร็วต่อรอบเร็วที่สุด รวมถึงคว้าชัยชนะต่อหน้าแฟนๆที่ตีตั๋วเข้ามาเชียร์
๋JL99 & The Team
แต่สำหรับอันดับสุดท้ายบนโพเดี่ยมของลอเลนโซ่นี่ถือว่ามาแบบเหนือความคาดหมายนิดหน่อย ก่อนอื่นต้องบอกที่นี่เป็น 1 ในสนามเก่งของเจ้าอมยิ้ม ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา JL ชนะที่นี่ 3 ครั้งและหลุดจากโพเดี่ยมไปแค่ 2 ปีเท่านั้น การที่เค้าจะได้รับผลการแข่งขันที่ดีที่เฆเรซถือเป็นเรื่องปกติมากๆ เพียงแต่ว่าหลังจากย้ายมาร่วมงานกับ Ducati ในฤดูกาลนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงสนามที่แล้ว ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของแชมป์โลกโมโตจีพี 3 สมัยผู้นี้ในการปรับตัวให้เข้ากับรถ Desmosedici ผลงานในช่วงต้นฤดูกาลออกมาค่อนข้างแย่ แม้ว่าทุกอย่างกำลังค่อยๆดีขึ้น แต่การคาดหวังโพเดี่ยมที่นี่นั้นอาจจะยังเป็นเป้าหมายที่ไกลไปหน่อย
สัญญาบวกของ JL99 เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่รอบ FP3 ที่สามารถทำเวลาอยู่ที่อันดับ 2 ต่อเนื่องมาจนถึง FP4 ก็ยังทำเวลาห่างจากผู้นำแค่ 0.2 วิ แม้ว่าในการ QP จะทำได้ไม่ดีจนต้องออกจากสตาร์ทจากอันดับ 8 แต่หลังออกสตาร์ท JL ก็ค่อยๆไล่แซงไต่อันดับขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงรอบที่ 6 ก็ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4 โดยมีโยฮัน ซาร์โก้ จากทีม Tech3 ที่ก็มาดีตลอดทั้งสัปดาห์วิ่งอยู่ข้างหน้า ซาร์โก้พาตัวเองเข้าไป Q2 ได้และมาทำเวลาได้อย่างโดดเด่นใน FP4 โดยในวันแข่งขันนั้น JZ5 ออกสตาร์ทจากอันดับ 6 แซงผ่านรอสซี่ในรอบแรก ก่อนที่จะแซงคลัชโลว์และเอียนโนโน่ในรอบที่ 2 ตามมาด้วยมาร์ค มาเกวซในรอบที่ 4 เรียกได้ว่าออกสตาร์ทได้ดุมากๆ พอโดน MM93 แซงกลับในรอบที่ 5 ซาร์โก้ก็ยึดตำแหน่งที่ 3 ได้อย่างเบ็ดเสร็จและดูเหมือนว่าโอกาสที่จะได้ขึ้นโพเดี่ยมนั้นมีสูงจริงๆ
สะใจ
จนกระทั่งเจ้าอมยิ้มค่อยๆไล่เค้าเข้ามาทัน แต่ลอเลนโซ่ก็ต้องขี่ตามซาร์โก้อยู่ถึง 7 รอบถึงแซงขึ้นมารั้งอันดับ 3 ได้สำเร็จในรอบที่ 12 โดยซาร์โก้ก็พยายามที่จะแซงคืนเหมือนกันแต่จังหวะในการขี่ของ JL99 นั้นดีกว่า ทำให้ดาวบิดจากดูคาติคนนี้คว้าอันดับที่ 3 ไปครองได้สำเร็จ ถือเป็นความสำเร็จที่ดูคาติคาดไม่ถึง เพราะเฆเรซถือเป็นสนามที่ยากลำบากที่สุดในปฏิทินสำหรับรถ Desmosedici เราได้เห็นถึงการแสดงความดีใจของลอเลนโซ่ที่เหมือนจะมากกว่าผู้ชนะการแข่งขันซะอีก ความกดดันที่เจ้าอมยิ้มแบกไว้ นั้นมหาศาลจริงๆ นอกจากนี้ โดวิซิโอโซ่ยังสามารถแซงนักแข่งทีมโรงงาน Yamaha ขึ้นมาจบอันดับที่ 5 ได้อีกคน ถือว่าเป็นจีพีที่ดูคาตินั้นพอจะยิ้มออกได้บ้าง แต่จะถึงขนาดว่าเป็นการปลดล็อคได้เลยรึเปล่า กำลังใจของลอเลนโซ่มาแน่ๆ แต่ถ้าจะให้ถึงขนาดว่าเค้าจะขึ้นมาต่อสู้แถวหน้าได้ทุกสนามหลังจากนี้ คงตอบน่าจะยังไม่ใช่ เพราะสัปดาห์นี้ดูท่าจะเป็น Yamaha ที่ถอยหลังลงไปซะมากกว่า ลอเลนโซ่ยังต้องปรับตัวอีกซักระยะ
ยังคงร้อนแรงอย่างต่อเนื่องสำหรับฟอร์มของโยฮันน์ ซาร์โก้
Johann Zargo เป็นนักแข่ง Yamaha ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดและดีขนาดที่ว่าเกิดคำถามไปยังฝั่งของทีมโรงงานว่าทีมน้องอย่าง Tech3 ทำได้ยังไง เพราะในขณะที่ซาร์โก้นั้นขี่แบบได้ลุ้นโพเดี่ยม ทั้ง Rossi และ Vinales นั้นกลับโดนปัญหาเรื่องยางรบกวนอย่างหนัก เพราะ Chassis ใหม่? อันนี้ไม่มีใครตอบได้ น้องวินนั้นจบได้แค่อันดับที่ 6 เท่านั้น ส่วน Rossi นี่หนักกว่าเยอะ เพราะอันดับค่อยๆรูดลงไป โดนทั้งเพทรัคซี่จากทีม Pramac แซง ไล่ไปถึงเจ้าโฟลเกอร์ หนำซ้ำยังโดนรถ Aprilia ของอาเล็กซ์ เอสพากาโร่แซงได้ซะอีก ปัญหาล้อฟรีเป็นสิ่งที่ Rossi และทีมงานพยายามแก้ไขปัญหาตลอดสัปดาห์ แต่ก็ทำไม่ได้ จนกระทั่งคุณหมอตัดสินใจเสี่ยงลองเซ็ตอัพรถแบบใหม่ดูในการแข่ง ทว่าผลลัพท์ที่ได้นั้นกลับออกมาแย่กว่าเดิม
ซ่าส์ไม่ออกจริงๆสนามนี้ สำหรับ MV25
Aprilia ถือว่าเป็นสัปดาห์ที่เฉยๆ ไม่ดีไม่ร้าย แม้ว่าทีมอยากจะได้อันดับใน Top6 แต่พารถกลับบ้านได้ปลอยภัยแถมได้สถิติชนะรอสซี่ไปคุยเล่นๆก็น่าจะพอยิ้มออกได้ แหะๆ แต่ปัญหาจริงๆของ Aprilia น่าจะเป็นฟอร์ม Sam Lows ที่กลายเป็นเรื่องที่ต้องหยิบขึ้นมาคุยกันแบบจริงๆจังๆแล้ว เพราะผ่านไปแล้ว 4 สนาม แต่ดูเหมือนว่าดาวบิดชาวอังกฤษผู้นี้จะยังปรับตัวไม่ได้และไม่มีพัฒนาการไปในทางบวกเลย จะว่ารถแย่ ก็ไม่น่าจะถึงขนาดที่ว่าต้องจมอยู่บ๊วยตลอดแบบนี้ ที่เราเคยเห็นในโมโตทูคือเค้าเร็วในบางสนาม แล้วก็พลาดในบางสนาม แต่ฟอร์มแบบนั้นยังไม่เคยเกิดขึ้นใน MotoGP เลย แต่ทั้งนี้ก็น่าเห็นใจตรงที่ว่า ระดับฝีมือของนักแข่งใน พ.ศ. นี้ดันมีแต่พวกมือดีๆทั้งนั้น
รถ RS-GP เบอร์ 22 ของเจ้า Sam Lows
ส่วน Suzuki นั้น ยังคงเป็นสัปดาห์ที่ย่ำแย่ต่อไป AI29 ที่ดูดีในการ QP กลับไม่สามารถยืนระยะได้ในการแข่งขัน แม้ว่าจะออกสตาร์ทได้ดี แต่สุดท้ายก็โดนรถที่เร็วกว่าแซงผ่านขึ้นไป ก่อนที่จะพลาดล้มออกไปเช่นเคย น่าจะยังต้องใช้เวลากันอีกซักพักใหญ่ กว่าที่ทุกอย่างจะกระเตื้องขึ้น(มั้ง) เจ้ารินก็น่าจะยังกลับมาไม่ได้อีก 1 หรือ 2 สนาม ระหว่างนี้ก็เป็นกองแช่งไปก่อน ห้าๆๆ
สหายโจ
[MotoGP] รีวิว สนาม 4: GP ที่ 3000 ของโมโตจีพี - หลากหลายหนังดราม่า มีให้ดูให้ชมที่ Jerez ซินีเพล็กซ์
รุ่น 350cc แข่งขันกันทั้งหมด 280 ครั้ง
รุ่น 50cc แข่งขันกันทั้งหมด 172 ครั้ง
รุ่น 80cc แข่งขันกันทั้งหมด 47 ครั้ง
รุ่น 125cc แข่งขันกันทั้งหมด 722 ครั้ง
รุ่น 250cc แข่งขันกันทั้งหมด 716 ครั้ง
รุ่น 500cc แข่งขันกันทั้งหมด 580 ครั้ง
รุ่น Moto3 แข่งขันกันทั้งหมด 92 ครั้ง
รุ่น Moto2 แข่งขันกันทั้งหมด 126 ครั้ง
รุ่น MotoGP แข่งขันกันทั้งหมด 264 ครั้ง
สเปนคือชาติที่จัดการแข่งขันมาที่สุดถึง 373 (ยังไม่นับรวมที่เฆเรซปีนี้) โดย GP ที่ 1000 นั้นเป็นการแข่งขันในรุ่น 50cc ที่สนามฮอคเคนไฮม์ประเทศเยอรมันนีในปี 1975 ส่วนสนามที่ 2000 เกิดขึ้นในรุ่น 500cc ที่สนามซูซูกะประเทศญี่ปุ่นในปี 1997 และผู้ชนะคือ Mick Doohan แชมป์โลกรุ่น 500cc 5 สมัยชาวออสเตเรีย และในสุดสัปดาห์นี้ก็จะเดินทางมาถึงสนามที่ 3000 ซึ่งถือเป็นก้าวที่ไกลมากๆของการแข่งขันมอเตอร์ไซค์ทางเรียบชิงแชมป์โลก และหลังจากนี้ก็คงจะมีสนามที่ 4000 และมากกว่านั้นต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ตราบใดที่โลกของเรายังคงหมุนอยู่ โลกของ 2 ล้อก็จะยังคงหมุนต่อไปเช่นเดียวกัน
สำหรับการแข่งขันสนามในยุโรปนั้น เป็นบรรยกาศที่แฟนโมโตจีพีควรจะต้องหาโอกาสไปสัมผัสซักครั้ง (ส่วนตัวก็ยังไม่เคยไปหรอกนะ แหะๆ) นักแข่งจะนอนกันในมอเตอร์ โฮม ต่างจากในเอเชียหรืออเมริกาที่จะนอนกันที่โรงแรม MotoGP Village จะเต็มเปี่ยมไปด้วยสีสัน อาหารการกินสไตล์ยุโรป มีทั้งเสียงเพลง เสียงอึกกะทึกครึกโครมกันแทบตลอดทั้งวัน แต่ละโรงงานก็จะมีบูท มีเลาทจ์สำหรับรักแขกของทีมหรือแขกของผู้สนับสนุนทีมที่อลังการ เนื่องจากต่อจากนี้ การขนส่งต่างๆจะทำกันด้วยรถบรรทุกขนาดใหญ่ที่มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่าเครื่องบินมากๆ ก็นะอยากขนอะไรก็ขนกันไป 555 ขบวนรถบรรทุกเหล่านี้ ก็จะเคลื่อนที่เป็นคาราวานไปเรื่อยๆ ไปจนกว่าการแข่งขันจะออกจากดินแดนยุโรปอีกครั้งหลังจบ GP ที่แอรากอน
Yamaha ชนะที่นี่มา 2 ปีติด ทำให้ทางพี่แยมหมายมั่นปั้นมือว่าเก็บชัยชนะให้ได้อีกครั้งในปีนี้ โดยเฉพาะกับมาเวอร์ริค วินยาเลสที่พลาดล้มสนามที่แล้วและต้องการเรียกความเชื่อมั่นรวมไปถึงทวงตำแหน่งจ่าฝูงในตารางคะแนนสะสมกลับมานอนกอดอีกครั้ง แต่หลังจากเริ่มลงไปทดสอบรถตั้งแต่วันศุกร์ ดูเหมือนว่า Yamaha จะเจอปัญหาที่ไม่คาดคิดและเป็นปัญหาที่ยามาฮ่าต้องจดจำไปอีกนาน สุดสัปดาห์ที่ผ่านมานั้น สภาพอากาศที่แคว้นอันดาลูซีอาดีมากๆ ท้องฟ้าโปร่งเป็นสีฟ้าใส ปุยเมฆสีขาวลอยสูง ส่งผลให้อุณหภูมิของผิวแทรคนั้นสูงกว่าปกติ
บวกกับสภาพยางมะตอยของสนามที่ค่อนข้างจะเก่ามากๆแล้ว พอเจออากาศที่ร้อนเข้าไป ทำให้ความสามารถในการยึดเกาะของผิวแทรคนั้นต่ำลง ส่งผลให้รถที่ต้องการกริปเยอะๆอย่าง Yamaha นั้นเจอปัญหากว่าใครเพื่อน ทั้ง Rossi และ Vinales มีปัญหากับยางตลอดทั้ง 3 วันที่เฆเรซ แม้ว่ารถของทีมทีมนั้นเจอปัญหาเหมือนกันหมด แต่ทว่าผลที่กระทบนั้นไม่เท่ากัน โดยเฉพาะคู่แข่งตัวเป้งอย่าง Honda นั้นที่พักหลังมานี้มีปัญหากับเรื่องกริปมาตลอด เรียกได้ว่าเริ่มจะชินชา ห้าห้าห้า เลยพากันไล่ยึดหัวหาดตั้งแต่การซ้อมในรอบ FP1 และ FP2 แม้ว่าในวันเสาร์ Yamaha และ Ducati จะเริ่มเซ็ตอัพรถได้ดีขึ้น แต่ในการคลอลิไฟท์ก็ยังเป็น 2 นักแข่งทีมโรงงาน Honda อย่าง Pedrosa และ Maquez รวมไปถึง Cal Crutchlow จาก LCR ที่ได้ออกสตาร์ทในแถวหน้า
Dani Predosa เข้าสู่โหมดเทพเท้าเรืองแสงตลอดทั้งสุดสัปดาห์นี้ นอกจาก FP2 และรอบวอร์มอัพแล้ว เพโดรซ่าทำเวลาเร็วที่สุดตลอดทุกเซสชั่นที่เหลือ รวมไปถึงตำแหน่ง Pole ด้วย และในการแข่งขันก็เป็นแดนนี่ที่ออกสตาร์ทได้อย่างยอดเยี่ยม ทะยานขึ้นไปนำแบบม้วนเดียวจบ คว้าชัยชนะในบ้านได้อย่างสวยสดงดงาม ทั้งนี้ ดูเผินๆแล้ว เหมือนเพโดรซ่าจะเข้าวินไปแบบไม่ยาก แต่จริงๆแล้ว ถ้าเพโดรซ่าไม่อยู่ในฟอร์มที่สุดยอดจริงๆ น่าจะต้านทานการโจมตีของมาร์ค มาเกวซไม่ได้แน่ๆ หลังจบการควอลิไฟท์ ทั้งคู่ก็พยักหน้าส่งสายตาต่อกันว่า พรุ่งนี้เจอกันหน่อยเด๊ะ DP26 เลือกยาง H-M ส่วน MM93 นั้นใช้ยาง H-H ซึ่งก็เป็นไปตามเกมที่คาดกันไว้ มาเกวซเริ่มบุกอย่างหนักในช่วงครึ่งหลังของการแข่งขัน โดยมีระยะห่างที่ 1 วินาทีเป็นกำแพง
ปกติแล้ว ในสนามที่มาเกวซสามารถขับเคี่ยวกับคู่แข่งในระยะห่างประมาณเท่านี้ (1-2 วินาที) แถม MM ยังมียาง Hard ที่เค้าชอบอยู่กับตัวด้วยแล้วนั้น มีน้อยครั้งมากที่ MM จะปิดเกมไม่สำเร็จ แต่ที่เฆเรซปีนี้ มาเกวซบุกไม่เข้าจริงๆ ในทางกลับกันก็ต้องบอกว่าเพโดรซ่านั้นขี่อยู่บนความเร็วสูงสุดได้อย่างยอดเยี่ยม แทบไม่มีข้อผิดพลาดให้ได้เห็น (เจ้าตัวบอกว่าเค้ามีพลาดเกือบหลุดเคิร์บไปแค่ครั้งเดียว ซึ่งตอนนั้นเสียเวลาไปราวๆ 0.3 วิ แต่ยังดีที่พารถกลับมาได้)
ถ้าใครที่ได้ดูการถ่ายทอดสด อาจจะเห็นว่ามีช่วงที่มาร์ค พยายามไล่กวด และระยะห่างลงทุกรอบอยู่ 3-4 รอบเพียงแต่ช่องว่างนั้นลดลงได้แค่ประมาณรอบละ 0.1 วินาทีเท่านั้น ระยะห่างที่ร่นมาน้อยสุดนั้นอยู่ที่ประมาณ 0.9 วินาที แต่หลังจากนั้น เพโดรซ่าเริ่มทวงกลับคืนได้ในบางเซ็กเตอร์ ก่อนที่จะกลับมาเร็วกว่านิดๆในช่วงท้าย ทำให้สุดท้ายแล้ว มาร์ค มาเกวซก็ต้องยอมรับบทพระรองในสนามนี้ไป เรียกได้ว่าเป็นสุดสัปดาห์ที่ยอดเยี่ยมของพ่อใหญ่จิ๋ว เพราะเค้าคว้าทั้งตำแหน่งโพล ทำเวลาเร็วต่อรอบเร็วที่สุด รวมถึงคว้าชัยชนะต่อหน้าแฟนๆที่ตีตั๋วเข้ามาเชียร์
แต่สำหรับอันดับสุดท้ายบนโพเดี่ยมของลอเลนโซ่นี่ถือว่ามาแบบเหนือความคาดหมายนิดหน่อย ก่อนอื่นต้องบอกที่นี่เป็น 1 ในสนามเก่งของเจ้าอมยิ้ม ตั้งแต่ปี 2010 เป็นต้นมา JL ชนะที่นี่ 3 ครั้งและหลุดจากโพเดี่ยมไปแค่ 2 ปีเท่านั้น การที่เค้าจะได้รับผลการแข่งขันที่ดีที่เฆเรซถือเป็นเรื่องปกติมากๆ เพียงแต่ว่าหลังจากย้ายมาร่วมงานกับ Ducati ในฤดูกาลนี้ ตั้งแต่ช่วงต้นปีจนถึงสนามที่แล้ว ถือว่าเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากของแชมป์โลกโมโตจีพี 3 สมัยผู้นี้ในการปรับตัวให้เข้ากับรถ Desmosedici ผลงานในช่วงต้นฤดูกาลออกมาค่อนข้างแย่ แม้ว่าทุกอย่างกำลังค่อยๆดีขึ้น แต่การคาดหวังโพเดี่ยมที่นี่นั้นอาจจะยังเป็นเป้าหมายที่ไกลไปหน่อย
สัญญาบวกของ JL99 เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่รอบ FP3 ที่สามารถทำเวลาอยู่ที่อันดับ 2 ต่อเนื่องมาจนถึง FP4 ก็ยังทำเวลาห่างจากผู้นำแค่ 0.2 วิ แม้ว่าในการ QP จะทำได้ไม่ดีจนต้องออกจากสตาร์ทจากอันดับ 8 แต่หลังออกสตาร์ท JL ก็ค่อยๆไล่แซงไต่อันดับขึ้นมาเรื่อยๆจนถึงรอบที่ 6 ก็ขยับขึ้นมาอยู่ที่ 4 โดยมีโยฮัน ซาร์โก้ จากทีม Tech3 ที่ก็มาดีตลอดทั้งสัปดาห์วิ่งอยู่ข้างหน้า ซาร์โก้พาตัวเองเข้าไป Q2 ได้และมาทำเวลาได้อย่างโดดเด่นใน FP4 โดยในวันแข่งขันนั้น JZ5 ออกสตาร์ทจากอันดับ 6 แซงผ่านรอสซี่ในรอบแรก ก่อนที่จะแซงคลัชโลว์และเอียนโนโน่ในรอบที่ 2 ตามมาด้วยมาร์ค มาเกวซในรอบที่ 4 เรียกได้ว่าออกสตาร์ทได้ดุมากๆ พอโดน MM93 แซงกลับในรอบที่ 5 ซาร์โก้ก็ยึดตำแหน่งที่ 3 ได้อย่างเบ็ดเสร็จและดูเหมือนว่าโอกาสที่จะได้ขึ้นโพเดี่ยมนั้นมีสูงจริงๆ
จนกระทั่งเจ้าอมยิ้มค่อยๆไล่เค้าเข้ามาทัน แต่ลอเลนโซ่ก็ต้องขี่ตามซาร์โก้อยู่ถึง 7 รอบถึงแซงขึ้นมารั้งอันดับ 3 ได้สำเร็จในรอบที่ 12 โดยซาร์โก้ก็พยายามที่จะแซงคืนเหมือนกันแต่จังหวะในการขี่ของ JL99 นั้นดีกว่า ทำให้ดาวบิดจากดูคาติคนนี้คว้าอันดับที่ 3 ไปครองได้สำเร็จ ถือเป็นความสำเร็จที่ดูคาติคาดไม่ถึง เพราะเฆเรซถือเป็นสนามที่ยากลำบากที่สุดในปฏิทินสำหรับรถ Desmosedici เราได้เห็นถึงการแสดงความดีใจของลอเลนโซ่ที่เหมือนจะมากกว่าผู้ชนะการแข่งขันซะอีก ความกดดันที่เจ้าอมยิ้มแบกไว้ นั้นมหาศาลจริงๆ นอกจากนี้ โดวิซิโอโซ่ยังสามารถแซงนักแข่งทีมโรงงาน Yamaha ขึ้นมาจบอันดับที่ 5 ได้อีกคน ถือว่าเป็นจีพีที่ดูคาตินั้นพอจะยิ้มออกได้บ้าง แต่จะถึงขนาดว่าเป็นการปลดล็อคได้เลยรึเปล่า กำลังใจของลอเลนโซ่มาแน่ๆ แต่ถ้าจะให้ถึงขนาดว่าเค้าจะขึ้นมาต่อสู้แถวหน้าได้ทุกสนามหลังจากนี้ คงตอบน่าจะยังไม่ใช่ เพราะสัปดาห์นี้ดูท่าจะเป็น Yamaha ที่ถอยหลังลงไปซะมากกว่า ลอเลนโซ่ยังต้องปรับตัวอีกซักระยะ
Johann Zargo เป็นนักแข่ง Yamaha ที่ทำผลงานได้ดีที่สุดและดีขนาดที่ว่าเกิดคำถามไปยังฝั่งของทีมโรงงานว่าทีมน้องอย่าง Tech3 ทำได้ยังไง เพราะในขณะที่ซาร์โก้นั้นขี่แบบได้ลุ้นโพเดี่ยม ทั้ง Rossi และ Vinales นั้นกลับโดนปัญหาเรื่องยางรบกวนอย่างหนัก เพราะ Chassis ใหม่? อันนี้ไม่มีใครตอบได้ น้องวินนั้นจบได้แค่อันดับที่ 6 เท่านั้น ส่วน Rossi นี่หนักกว่าเยอะ เพราะอันดับค่อยๆรูดลงไป โดนทั้งเพทรัคซี่จากทีม Pramac แซง ไล่ไปถึงเจ้าโฟลเกอร์ หนำซ้ำยังโดนรถ Aprilia ของอาเล็กซ์ เอสพากาโร่แซงได้ซะอีก ปัญหาล้อฟรีเป็นสิ่งที่ Rossi และทีมงานพยายามแก้ไขปัญหาตลอดสัปดาห์ แต่ก็ทำไม่ได้ จนกระทั่งคุณหมอตัดสินใจเสี่ยงลองเซ็ตอัพรถแบบใหม่ดูในการแข่ง ทว่าผลลัพท์ที่ได้นั้นกลับออกมาแย่กว่าเดิม
Aprilia ถือว่าเป็นสัปดาห์ที่เฉยๆ ไม่ดีไม่ร้าย แม้ว่าทีมอยากจะได้อันดับใน Top6 แต่พารถกลับบ้านได้ปลอยภัยแถมได้สถิติชนะรอสซี่ไปคุยเล่นๆก็น่าจะพอยิ้มออกได้ แหะๆ แต่ปัญหาจริงๆของ Aprilia น่าจะเป็นฟอร์ม Sam Lows ที่กลายเป็นเรื่องที่ต้องหยิบขึ้นมาคุยกันแบบจริงๆจังๆแล้ว เพราะผ่านไปแล้ว 4 สนาม แต่ดูเหมือนว่าดาวบิดชาวอังกฤษผู้นี้จะยังปรับตัวไม่ได้และไม่มีพัฒนาการไปในทางบวกเลย จะว่ารถแย่ ก็ไม่น่าจะถึงขนาดที่ว่าต้องจมอยู่บ๊วยตลอดแบบนี้ ที่เราเคยเห็นในโมโตทูคือเค้าเร็วในบางสนาม แล้วก็พลาดในบางสนาม แต่ฟอร์มแบบนั้นยังไม่เคยเกิดขึ้นใน MotoGP เลย แต่ทั้งนี้ก็น่าเห็นใจตรงที่ว่า ระดับฝีมือของนักแข่งใน พ.ศ. นี้ดันมีแต่พวกมือดีๆทั้งนั้น
ส่วน Suzuki นั้น ยังคงเป็นสัปดาห์ที่ย่ำแย่ต่อไป AI29 ที่ดูดีในการ QP กลับไม่สามารถยืนระยะได้ในการแข่งขัน แม้ว่าจะออกสตาร์ทได้ดี แต่สุดท้ายก็โดนรถที่เร็วกว่าแซงผ่านขึ้นไป ก่อนที่จะพลาดล้มออกไปเช่นเคย น่าจะยังต้องใช้เวลากันอีกซักพักใหญ่ กว่าที่ทุกอย่างจะกระเตื้องขึ้น(มั้ง) เจ้ารินก็น่าจะยังกลับมาไม่ได้อีก 1 หรือ 2 สนาม ระหว่างนี้ก็เป็นกองแช่งไปก่อน ห้าๆๆ