อยากจะมาเล่า ผลของความหลังฝังใจในวัยเด็ก (อุทาหรณ์ให้พ่อเเม่เเละผู้ปกครองทุกคนค่ะ)

เราจะขอเล่าประสบการณ์ของตัวเองเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้เเกผู้ปกครองที่มีลูก ว่าบางทีเรื่องหรือภาพเหตุการณ์เพียงเล็กน้อยอาจทำให้นิสัยของเด็กเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
เริ่มเลยนะคะ เราเป็นลูกสาวของบ้าน พ่อเเม่มีการงานมั่นคงเเละฐานะดีในระดับนึง ครอบครัวเรามีความสุขมาก
หรือก็คือ เรา มีความสุขดีตั้งเเต่จำความได้ ไม่รู้จักคำว่าพ่อเเม่ทะเลาะกัน เลิกกัน หรืออะไรก็ตามเเต่ที่เป็นบ่อเกิดให้ครอบครัวเเตกเเยก
พ่อเราเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดเเละไม่ค่อยคุยกับเราตั้งเเต่เล็กๆทำให้เราใช้เวลากับเเม่เป็นส่วนใหญ่ เเม่เราเป็นคนใจดีมาก เข้าใจเเละดูเเลเราเป็นอย่างดี
คนที่สอนให้เราเป็นคนดีมาตลอดก็คือเเม่ เรียกได้ว่าเเม่คือฮีโร่ของเราเลยล่ะ
เรากล้าพูดเลยว่าถ้ามีให้ประกวดรางวัลเเม่ตัวอย่าง เเม่เราต้องชนะเเน่ๆ เรามีความสุขดีจนกระทั่งใกล้จบป.6 เราจำได้ว่าช่วงนั้นพ่อชอบถามบ่อยๆว่า ถ้าพ่อกับเเม่เลิกกัน ลูกจะไปอยู่กับใคร เเต่เราก็ไม่ได้คิดอะไรตามประสาเด็กเพราะคิดว่าเเค่ถามไปเล่นๆ
เย็นวันหนึ่งรถตู้โรงเรียนมาส่งเราที่บ้านตามปกติ เราเดินขึ้นบ้าน ไปเจอพ่อเเม่ อาบน้ำ กินข้าว ตามปกติ จนค่ำประมาณทุ่มนึง เราก็ไปนั่งดูทีวีในบ้าน จนได้ยินเสียงเหมือนคนทะเลาะกันในครัว พอเราเดินไปมองผ่านประตูกระจกที่กั้นระหว่างห้องโถงกับห้องครัว เราเห็นพ่อเรานั่งอยู่บนเก้าอี้ ส่วนเเม่เราคุกเข่ากับพื้น กอดขาพ่อเเล้วก็ร้องไห้ใหญ่ เราตกใจมาก ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกเเละไม่กล้าเดินเข้าไปหาด้วย คิดเเค่ว่า เกิดอะไรขึ้น เเม่ร้องไห้ทำไม เกิดอะไรขึ้น เเม่แบบนั้นทำไม เรายืนมองอยู่นาน จนพ่อเราลุกจากเก้าอี้ จะเดิน เเม่ก็พยายามกอดขาพ่อไม่ปล่อย กอดๆๆๆอยู่แบบนั้น พ่อก็พยายามสะบัด เราช็อกมาก อาจจะเป็นเพราะเราไม่คิดว่าจะเจออะไรแบบนี้ เเละการทำแบบนี้มันน่าจะมีอยู่เเต่ในละครไม่ใช่เหรอ เราวิ่งไปแอบในห้องน้ำ คิดวนๆอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมเป็นแบบนี้ มันเรื่องอะไรกัน จนเราออกมาจากห้องน้ำ ก็เจอพ่อกับเเม่ เเม่พยายามทำหน้าเหมือนไม่ร้องไห้เเต่ยังไงมันก็คือคนร้อง พ่อเราพูดว่า จากนี้ก็ไปอยู่กันเองละกัน พ่อไม่อยู่ด้วยละ เท่านั้นละเราร้องไห้จ้าเลย ตะโกนถามเเต่ทำไมๆๆๆๆ ทำไมอะพ่อ ทำไมต้องเเยกไป พ่อบอกว่า เเม่มีชู้ นาทีนั้นเราอึ้งเลย เราไม่เชื่อ เเม่เราเป็นคนดี เป็นคนสอนทุกอย่างให้เรา ไม่มีทางทำอะไรแบบนั้น เเม่ก็ได้เเต่บอกเราว่า ไม่มีอะไรๆพ่อเขาเข้าใจผิดน่ะ ที่เราจำมาจนถึงทุกวันนี้คือพ่อเราตอบคำถามในขณะที่เราร้องไห้ไปถามไปแบบไม่ได้ใส่ใจ คือตอบเหมือนคนเเกล้งตอบ เราถามไปว่า คิดว่าไปเเล้วพวกหนูจะอยู่แบบมีความสุขกันหรอ ทำไมต้องเเยกไปด้วย เเล้วก็ร้องไห้ๆพ่อเราทำหน้าลอยๆตอบแบบไม่ใส่ใจ ก็ไม่รู้สิ
เเต่สุดท้าย พ่อกับเเม่ก็ยังอยู่ด้วยกัน เเม่เราต้องทำแบบนั้นอีกหลายวัน กอดขาพ่อ เราเห็นครั้งนึงคือเเม่เเทบจะกราบพ่อเลยด้วยซ้ำ เเม่ยังคงยืนยันว่าพ่อเข้าใจผิดส่วนพ่อยังคงคิดว่าเเม่มีชู้ เเต่ก็ให้อภัยเเละตอนนี้ก็อยู่กันมาได้ จากเหตุการณ์ตอนนั้นถึงตอนนี้ก็7ปีเเล้ว หลายๆคนอาจอ่านเเล้วคิดว่า
ไรวะ เรื่องเเค่นี้ พ่อเเม่จะเเยกทางกัน คนอื่นเขาหนักหนาสาหัสกว่านี้อีก เรายอมรับว่าเรื่องของเรามันจิ๊บมากๆถ้าเทียบกับคนอืน เเต่มันคือสิ่งที่เด็กป.6คนนึงที่คิดว่าครอบครัวตัวเองสมบูรณ์มาตลอดได้เจอเเล้วมันก็ช็อค มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูก เหมือนเรารู้สึกว่าตัวเองกำลังจะโดนทิ้งจริงๆ
จนถึงตอนนี้ พ่อเราชอบพูดเเซะเเม่ทุกครั้งที่อยู่กับเรา ทั้งๆที่เเม่ไม่ได้เป็นแบบนั้น ถึงจะอยู่ด้วยกันเเละพ่อทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวได้ดีเยี่ยม เเต่เรากลับไม่รู้สึกอบอุ่นเวลาอยู่ใกล้พ่อเหมือนเดิม เเละรู้สึกกลัวเมื่อทั้งบ้านได้ออกไปกินข้าวหรือเที่ยวด้วยกันอย่างครอบครัวปกติเขาทำกัน ด้วยเหตุผลบางอย่างที่เราเองก็อธิบายไม่ได้
ผลจากเหตุการณ์ครั้งนั้น(เหตุการณ์เล็กๆที่ฟังดูเหมือนไม่มีอะไรซักนิด)เเต่มันกลับเปลี่ยนนิสัยเราไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า
เรากลายเป็นคนเฉยชาเมื่ออยู่กับครอบครัว ไม่ยินดียินร้ายอะไรทั้งนั้น จากที่เคยเป็นเด็กร่าเริง เเต่เมื่ออยู่กับเพื่อน
เราจะร่าเริงเหมือนเป็นคนละคน
เรากลายเป็นคนปฎิเสธการมีแฟนหรือความรักโดยสิ้นเชิง ไม่ให้ใครจับมือ หรือสานสัมพันธ์เกินคำว่าเพื่อนใดๆทั้งสิ้น
คงเพราะเป็นผลมาจากการที่เราได้ยินว่า เเม่ ซึ่งเป็นคนที่เรารักที่สุด โดนกล่าวหาว่าทำสิ่งที่เลวร้ายที่เราเองยังรับไม่ได้ เรายังไม่รู้ความจริงว่า
มันยังไงกันเเน่ เเต่ในจิตใจเรามีทั้งเชื่อเเละไม่เชื่อ ออกเเนวให้อารมณ์โดนคนที่เรารักทรยศ หรือหักหลัง
เรากลายเป็นผู้หญิงที่ไม่มีอารมณ์โรเเมนติกหรือมุ้งมิ้งไปโดยสิ้นเชิง ตรงกันข้ามกลับมองว่ามันน่าขยะเเขยงเเละน่ารังเกียจ
เรากลายเป็นคนเฉยๆกับทุกสิ่ง จนถึงป่านนี้ยังชอบคิดย้ำๆว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นอีกมั้ย เรากลายเป็นคนไม่เเสดงความรู้สึก เราไม่บอกรักพ่อหรือเเม่
หรือเเม้เเต่จับมือหรือกอด เหมือนหุ่นยนต์เวลาอยู่กับครอบครัว จะกลับเป็นคนปกติต่อเมื่อเจอเพื่อนเท่านั้น
ทั้งหมดทั้งมวลที่เราเขียนมานี่ เกิดจากปัญหาทางจิตใจที่เราเองก็เเก้ไม่ได้เเละไม่คิดว่าจะเเก้ได้ด้วย เราคงจะเป็นแบบนี้ไปจนตาย
จึงอยากฝากถึงพ่อเเม่เเละผู้ปกครองทุกคนที่มีลูกหรือเด็ก บางทีบางเหตุการณ์ที่มันอาจจะไม่มีอะไรหรือมองเเค่ว่ามันอาจจะเป็นเเรื่องเล็ก
จริงๆเเล้วมันอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจเด็กคนนึงอย่างคาดไม่ถึงก็ได้ ถ้ามีปัญหาในครอบครัว อย่าทะเลาะกันให้ลูกเห็น อย่าด่าว่าหรือตบตีกัน เพราะเด็กอาจจำภาพนั้นไปจนวันตาย
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ จขกท.ก็อธิบายปัญหาของตัวเองไม่ถูกหรอกนะคะว่าเกิดจากอะไร ใครรู้ก็ช่วยบอกหรือเเนะนำให้ที555
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่