Winter in Hokkaido 2017


ยิ้มยิ้มยิ้มยิ้ม

สวัสดีครับ
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก
ในการเขียนเล่าประสบการณ์การเดินทาง บันทึกความทรงจำ และนำรูปถ่ายมาให้ชมกันครับ
หากมีข้อผิดพลาดประการใดขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ

เมื่อต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ ผมได้มีโอกาสเดินทางไปเที่ยวภูมิภาคฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น
ซึ่งเวลานั้นกำลังอยู่ในช่วงฤดูหนาวพอดี และแน่นอนว่ามีหิมะโปรยปรายด้วยครับ
. . . . . .
ผมและเพื่อนๆอีก 3 คน
ใช้เวลาเที่ยวอยู่ในจังหวัดฮอกไกโด 6 วัน
เนื่องจากมีเวลาไม่มาก จึงไปแค่สถานที่ยอดนิยมไว้ก่อนครับ อมยิ้ม02
แผนการเดินทางตั้งแต่วันที่ 4 - 9 มีนาคม 2560 คร่าวๆดังนี้

วันที่ 4 มีนาคม Sapporo
วันที่ 5 มีนาคม Asahikawa - Furano
วันที่ 6 มีนาคม Otaru
วันที่ 7 มีนาคม Hakodate
วันที่ 8 มีนาคม Noboribetsu
วันที่ 9 มีนาคม Sapporo


เพื่อนๆ สามารถติดตาม
Part 1 Sapporo - Asahikawa - Furano
ได้จาก link นี้ครับ https://ppantip.com/topic/36438452
Part 2 Otaru
ได้จาก link นี้ครับ https://ppantip.com/topic/36449570
Part 3 Hakodate
ได้จาก link นี้ครับ https://ppantip.com/topic/36485164
Part 4 Noboribetsu - Sapporo
ได้จาก link นี้ครับ https://ppantip.com/topic/36496896

. . . . . .


Part 1
4 - 5  มีนาคม  2560
Sapporo - Asahikawa - Furano



4 มีนาคม 2560

เริ่มต้นการเดินทางจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ
โดยสายการบิน ANA ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ เวลาเที่ยงคืนครึ่ง
และจะถึงสนามบินนาริตะ กรุงโตเกียว เวลาประมาณ แปดโมงครึ่งตอนเช้าของประเทศญี่ปุ่นครับ
บรรยากาศภายในเครื่องบินครับ
นั่งหลับๆตื่นๆเหมือนจะไม่นาน
พนังงานบนเครื่องก็ปลุกให้ตื่น (ซึ่งจริงๆผมก็กำลังตื่นอยู่เพราะนอนไม่หลับ) ขึ้นมาทานข้าวเช้า
เป็นนิมิตหมายที่ดีว่าเรากำลังจะถึงที่หมายในอีกไม่ช้า
ผมและเพื่อนจองที่นั่งริมหน้าต่างด้านซ้าย
เผื่อเครื่องบินจะบินอยู่เหนือภูเขาไฟฟูจิ ให้ได้เห็นเป็นบุญตา
แต่เอาเข้าจริง โน่นเลยครับ ยอดขาวๆที่โผล่ขึ้นมาเหนือเมฆไกลๆ โน่นเลยครับ
ข้ามน้ำข้ามทะเลมาประมาณ 5 ชั่วโมง
เครื่องบินเริ่มลดความสูงลง ทำให้เห็นผืนดินชัดๆ
และจากแผนที่บนหน้าจอเครื่องทำให้เรารู้ว่า
กำลังเข้าสู่กรุงโตเกียวแล้วครับ หลิ่วตา เย่!
และแล้วก็มาถึงสนามบิน Narita กรุงโตเกียว เวลาประมาณ 8 โมงครึ่ง
ผมมีเวลาในการผ่าน ตม. จัดการล้างหน้า แปรงฟัน จัดของแบ่งกระเป๋า และกินขนม อีกประมาณชั่วโมงกว่า
จากนั้นก็นั่งเครื่องบินภายในประเทศไปลงสนามบิน ​New Chitose, Hokkaido ต่อครับ
. . .
หลังจากเครื่องขึ้นไม่นาน ก็ได้เจอกับ ฟูจิซัง อีกครั้งครับ
เครื่องบินบินผ่านตอนเหนือของเกาะ Honshu ซึ่งเป็นแผ่นดินใหญ่ของประเทศญี่ปุ่น
ก่อนจะเข้าสู่เกาะ Hokkaido
หากมองลงไปในช่วงฤดูหนาวนี้ จะเห็นภูเขาที่โรยด้วยน้ำตาลไอซิ่ง เต็มยอดเขาเลยครับ
สภาพภูมิประเทศในแถบตอนเหนือ ณ เวลานี้
เต็มไปด้วยหิมะที่ปกคลุมสิ่งต่างๆ ทำให้เหมือนกำลังดูภาพขาวดำ . . . ด้านล่างคงหนาวสุดๆไปเลย
และตอนนี้เครื่องบินกำลังลดระดับลงสู่สนามบิน New Chitose แล้วครับ
. . .
เมื่อถึงสนามบิน New Chitose ตามกำหนด (11.55 น.) แล้ว
จึงจัดแจงซื้อตั๋ว Hokkaido Railpass ใช้แบบ 3 วันสำหรับวันที่ 5-7 มีนาคม
และจอง Reserved seat ทีเดียวเลยครับ

ผมจะเดินทางจากสนามบิน New Chitose
เข้าสู่ Sapporo ด้วยรถไฟ JR รอบประมาณเที่ยงครึ่งครับ
รถไฟ JR วิ่งผ่านทิวทัศน์สองข้างทางที่มีหิมะปกคลุมขาวโพลน และมีหิมะตกปรอยๆ
เป็นเวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึงสถานีรถไฟ JR Sapporo แล้วครับ พระอาทิตย์

เดินออกจาก JR Sapporo มาด้านหน้า เพื่อไปยังที่พัก
สำหรับที่พักใน Sapporo วันนี้ ผมเลือก Hotel Gracery Sapporo
เพราะอยู่ใกล้ JR (อยู่หัวมุมฝั่งตรงข้ามพอดี)
และเดินไม่ไกลจากสถานที่ท่องเที่ยว
อีกทั้งหาไม่ยากเพราะตัวอาคารดูโดดเด่นด้วยกระจกที่บุผนังภายนอกครับ
. . .

หลังจาก Check in เก็บกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย ก็ได้เวลาเดินเที่ยวแล้วครับ
เดินจากโรงแรม ไปประมาณ 2 แยกไฟแดง ก็จะเจอกับ อาคารอิฐแดง
หรือชื่ออย่างเป็นทางการคือ Former Hokkaido Government Office Building ครับ
อดีตคือศาลากลางจังหวัดฮอกไกโด
ปัจจุบันเสมือนหอจดหมายเหตุสำหรับเรียนรู้อดีตครับ
ภาพข้างหน้าคือตึกอิฐแดง ตั้งเด่นเป็นสง่าท่ามกลางกองหิมะขาวแสบตา
สวนที่อยู่รอบๆก็โดนหิมะทับถมเป็นเนินสูง
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณบ่ายสองกว่าๆ นักท่องเที่ยวไม่ขาดสายเลยครับ
. . .
ผมเดินเท้าต่อไป จากอาคารอิฐแดง ห่างออกไปไม่กี่บล็อค
ก็มาถึงหอนาฬิกาซัปโปโร Sapporo Clock Tower ครับ
Sapporo Clock Tower เป็นอาคารไม้เล็กๆ สีขาวหลังคาสีแดง
ตั้งอยู่ท่ามกลางหมู่ตึกสูงแวดล้อมโดยรอบ
ถ้าในการ์ตูนเรื่อง "Up" มันคงลอยไปพร้อมกับลูกโป่งแล้ว หลิ่วตา
ถ้าสังเกต จะเห็น "ดาวแดง"
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์บนธงประจำจังหวัดฮอกไกโดในสมัยก่อน
มาถึงตรงนี้แล้ว ก็คงไม่พลาดที่จะยืนบนแท่น
และถ่ายรูปคู่กับหอนาฬิกานะครับ
อากาศวันนี้หนาวเหน็บมาก จนมือชาและปวดไปหมด
ต้องเข้ามาหลบหนาว รับไออุ่นข้างในอาคารสักหน่อย
แต่เข้าผ่านประตูมาได้แค่จุดจำหน่ายตั๋วได้เท่านั้นครับ
เพราะด้านใน เป็นส่วนจัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมือง Sapporo ต้องซื้อตั๋วเข้าชม อมยิ้ม03
. . .
ผมใช้เวลาประมาณไม่ถึง 10 นาที
ก็เดินมาสู่แกนกลางของเมือง Sapporo แล้วครับ
จุดสังเกตที่ไม่ต้องสังเกตเลยคือ Sapporo TV Tower
ซึ่งเป็นหอสูงสีแดงแซมเขียว บนพื้นขาวเพราะถูกปกคลุมด้วยหิมะอย่างหนา
คือ Odori Park นั่นเองครับ
จากด้านใต้หอแดงนี้ ขึ้นลิฟต์มาถึงชั้น 3
เป็นจุดจำหน่ายตั๋วเพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบน และมีร้านขายของที่ระลึกด้วยครับ
และที่เห็นก็มีเจ้าตัวนี้เต็มไปหมดเลย
มันคือมาสคอตประจำ Sapporo TV Tower เป็นคุณลุงหนวดจุ๋ม
ชื่อว่า Terebi Tosan ครับ เท่
เป็นไอเดียที่ผู้ออกแบบเติมตาเติมปากลงไปบนหอแดงแห่งนี้
ทำให้ดูมีชีวิตขึ้นมาทันทีครับ
เอาล่ะครับ ต่อไปนี้คือวิวที่ถ่ายจากจุดชมวิวครับ
ตึกทรงสี่เหลี่ยมสูงต่ำสลับเหลื่อมล้ำกันไป
มองๆไปส่วนใหญ่ก็ออกโทนขาวและโทนสีอิฐนะครับ
มีหิมะปกคลุมอยู่ทั่ว แต่มีคนกวาดพื้นถนนไว้อย่างเรียบร้อย
ไกลๆกลางภาพ นั่นคือชิงช้าสวรรค์ Norbesa
ตั้งอยู่ในย่าน Susukino ครับ
Highlight ที่ไม่ควรพลาด เมื่อขึ้นมาถึงตรงนี้คือ
การชมวิว Odori Park ที่ทอดยาวไปไกลประมาณกิโลเมตรกว่าๆ
ผมจึงเปรียบสวนนี้เสมือนแกนกลางของเมืองไงล่ะครับ
ซึ่ง ณ วันนี้เป็นสวนสีขาว
ต้นไม้ที่เรียงรายเหลือแต่กิ่งทิ้งใบไปหมดครับ
ทำให้บรรยากาศดูเหงาไปอีก อมยิ้ม28
ลงมาจาก TV Tower เวลาประมาณสี่โมงกว่า
. . .
ตอนนี้เวลายังเหลือ หมายความว่าเหลือกว่าที่วางแผนเอาไว้
เพื่อนๆผม อยากไปดูของ(รองเท้า) เผื่อได้ซื้อติดไม้ติดมือ
จึง "เดิน" กันต่อ ไปยัง Sapporo Factory ครับ

ใน GPS ระบุว่าจากทีวีทาวเว่อร์ ไปที่หมายประมาณเกือบกิโลเมตร
แต่พอเดินจริงๆก็เพลินดีครับ
บรรยากาศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำแข็งกองอยู่ตามทางเดิน
เสี่ยงลื่นเสี่ยงล้มบ้าง (ซึ่งในทริปนี้ผมก็ลื่นไปหลายหนแล้วล่ะร้องไห้)
ไม่นานก็มาถึง Sapporo Factory ครับ
เต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆแบ่งเป็นโซนๆ และมีโถงใหญ่ใจกลางครับ
ขากลับเดินผ่านมายัง Odori Park อีกครั้ง
เพื่อนั่งรถไฟใต้ดินไปทานมื้อเย็นต่อครับ
. . .
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่