ดิฉันส่งใบสมัคร และไปสอบสัมภาษณ์ 3 รอบที่บริษัทมหาชน จำกัด แห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท และสุดท้ายดิฉันก็ได้งาน
โดยมีข้อแม้ว่าเงินเดือนที่ดิฉันเรียกไป หัวหน้างานมีความจำเป็นที่จะต้องลดลงมา 7,000 -12,000 บาท ถือว่าเป็นค่าสอนงาน
ครอบครัวและตัวดิฉันดีใจมาก เนื่องจากดิฉันมีความชอบในองค์กรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดิฉันพร้อมเริ่มงานทันที
แต่ฝ่ายบุคคลได้โทรมานัดหมายให้ดิฉันไปเริ่มงานวันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2560 และได้โทรมาเลื่อนให้มาทำงานเร็วขึ้น 1 สัปดาห์
คือวันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2560 เนื่องจากพี่ที่สอนงานจะลาออกในวันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2560 หลังจากนั้นดิฉันก็เริ่มทำงานโดยไม่มีพี่ที่สอนงาน
และมีความสุขกับเนื้องาน เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งสภาพแวดล้อมทุกอย่างในที่ทำงาน ทำงานด้วยตัวเองเองได้ 2 วันทำการ คือ
วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2560 และ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2560 และหัวหน้างานลาป่วยในวันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม
และในเช้าวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม ดิฉันสอบถามหัวหน้างานว่าไม่ลากดิฉัน ( แทนชื่อเล่นตัวเอง ) เข้ากรุ๊ปเหรอคะ หัวหน้างานตอบกลับมาว่า
สอบถามมาก็ดีแล้ว เชิญที่ห้องประชุมเลยค่ะ เราสองคนปิดห้องประชุมคุยกัน ดิฉันไม่สามารถประเมินให้คุณผ่านงานไม่ได้ ดิฉันช็อคมาก
เนื่องจากดิฉันเพิ่งเริ่มทำงานโดยไม่มีคนสอนงานแค่ 2 วันทำการ หัวหน้างานให้เหตุผลว่าไม่คลิ๊กกับดิฉัน และถ้าให้พูดเหตุผลมากกว่านี้
ดิฉันจะต้องไปกระโดดตึกตายแน่นอน ดิฉันยกมือไหว้ขอให้เมตตาและให้โอกาสดิฉันอีกครั้ง เนื่องจากดิฉันมีความสุขกับการทำงานที่นี่มาก
และไม่สนใจว่าจะเข้างานกี่โมงเลิกงานดึกแค่ไหน ดิฉันพร้อมทำ และในฐานะความเป็นมนุษย์คนเราควรได้รับโอกาสสองครั้งไม่ใช่หรือ
แต่หัวหน้างานยืนยันว่าดิฉันอยู่ไปก็ทุกข์ เพราะเขาจะไม่จ่ายงานดิฉัน รวมทั้งแสดงใบลาออกออกมาและพูดหว่านล้อมเพื่อให้ดิฉันลงนาม
และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายซึ่งเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญาจ้างงานของดิฉันและเป็นผู้รับดิฉันเข้าทำงาน รวมทั้งผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่ลงนามร่วม
ยังไม่ทราบเรื่องนี้แต่อย่างใด เราสองคนยังมีการคุยนอกรอบอีก 3 ครั้ง แต่ดิฉันเชื่อสนิทใจว่า " ต่อให้เราไม่โกงใคร ชีวิตก็โกงเราอยู่ดี "
มนุษย์เราก็เป็นอย่างนี้ หลายครั้งเราพบว่าต่อให้พยายามทำสิ่งที่ถูกควรไปมากเท่าไร ผลลัพธ์มันก็ดูไม่สวยงามน่าฝันเท่าการมองหาทางลัด
ให้ตัวเองไปถึงได้เร็วกว่าอยู่ดี และเหตุผลที่เรายกขึ้นมาบอกตัวเองในตอนนั้น มันพร้อมจะทำให้ศีลธรรมทั้งหลายสลายหายไป
ณ ขณะที่ฉันพิมพ์เล่าเรื่องอยู่นี้ ดิฉันยังอยู่ที่ที่ทำงาน รอบทสรุปของชีวิตการทำงานในองค์กรที่ฉันรัก ซึ่งดิฉันจะมาเล่าให้ทุกท่านทราบในตอนต่อไป
หากท่านใดมีความคิดเห็นหรือคำแนะนำในเบื้องต้นสำหรับเรื่องราวตอนแรกของดิฉัน การพิมพ์ลง Pantip ครั้งแรกของดิฉันสามารถเสนอะแนะได้เลยค่ะ
น้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกท่านค่ะ
ต่อให้เราไม่โกงใคร ชีวิตก็โกงเราอยู่ดี
โดยมีข้อแม้ว่าเงินเดือนที่ดิฉันเรียกไป หัวหน้างานมีความจำเป็นที่จะต้องลดลงมา 7,000 -12,000 บาท ถือว่าเป็นค่าสอนงาน
ครอบครัวและตัวดิฉันดีใจมาก เนื่องจากดิฉันมีความชอบในองค์กรเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ดิฉันพร้อมเริ่มงานทันที
แต่ฝ่ายบุคคลได้โทรมานัดหมายให้ดิฉันไปเริ่มงานวันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2560 และได้โทรมาเลื่อนให้มาทำงานเร็วขึ้น 1 สัปดาห์
คือวันจันทร์ที่ 24 เมษายน 2560 เนื่องจากพี่ที่สอนงานจะลาออกในวันศุกร์ที่ 28 เมษายน 2560 หลังจากนั้นดิฉันก็เริ่มทำงานโดยไม่มีพี่ที่สอนงาน
และมีความสุขกับเนื้องาน เพื่อนร่วมงาน รวมทั้งสภาพแวดล้อมทุกอย่างในที่ทำงาน ทำงานด้วยตัวเองเองได้ 2 วันทำการ คือ
วันอังคารที่ 2 พฤษภาคม 2560 และ วันพุธที่ 3 พฤษภาคม 2560 และหัวหน้างานลาป่วยในวันพฤหัสบดีที่ 4 พฤษภาคม
และในเช้าวันศุกร์ที่ 5 พฤษภาคม ดิฉันสอบถามหัวหน้างานว่าไม่ลากดิฉัน ( แทนชื่อเล่นตัวเอง ) เข้ากรุ๊ปเหรอคะ หัวหน้างานตอบกลับมาว่า
สอบถามมาก็ดีแล้ว เชิญที่ห้องประชุมเลยค่ะ เราสองคนปิดห้องประชุมคุยกัน ดิฉันไม่สามารถประเมินให้คุณผ่านงานไม่ได้ ดิฉันช็อคมาก
เนื่องจากดิฉันเพิ่งเริ่มทำงานโดยไม่มีคนสอนงานแค่ 2 วันทำการ หัวหน้างานให้เหตุผลว่าไม่คลิ๊กกับดิฉัน และถ้าให้พูดเหตุผลมากกว่านี้
ดิฉันจะต้องไปกระโดดตึกตายแน่นอน ดิฉันยกมือไหว้ขอให้เมตตาและให้โอกาสดิฉันอีกครั้ง เนื่องจากดิฉันมีความสุขกับการทำงานที่นี่มาก
และไม่สนใจว่าจะเข้างานกี่โมงเลิกงานดึกแค่ไหน ดิฉันพร้อมทำ และในฐานะความเป็นมนุษย์คนเราควรได้รับโอกาสสองครั้งไม่ใช่หรือ
แต่หัวหน้างานยืนยันว่าดิฉันอยู่ไปก็ทุกข์ เพราะเขาจะไม่จ่ายงานดิฉัน รวมทั้งแสดงใบลาออกออกมาและพูดหว่านล้อมเพื่อให้ดิฉันลงนาม
และรักษาการผู้อำนวยการฝ่ายซึ่งเป็นผู้มีอำนาจลงนามในสัญญาจ้างงานของดิฉันและเป็นผู้รับดิฉันเข้าทำงาน รวมทั้งผู้จัดการฝ่ายบุคคลที่ลงนามร่วม
ยังไม่ทราบเรื่องนี้แต่อย่างใด เราสองคนยังมีการคุยนอกรอบอีก 3 ครั้ง แต่ดิฉันเชื่อสนิทใจว่า " ต่อให้เราไม่โกงใคร ชีวิตก็โกงเราอยู่ดี "
มนุษย์เราก็เป็นอย่างนี้ หลายครั้งเราพบว่าต่อให้พยายามทำสิ่งที่ถูกควรไปมากเท่าไร ผลลัพธ์มันก็ดูไม่สวยงามน่าฝันเท่าการมองหาทางลัด
ให้ตัวเองไปถึงได้เร็วกว่าอยู่ดี และเหตุผลที่เรายกขึ้นมาบอกตัวเองในตอนนั้น มันพร้อมจะทำให้ศีลธรรมทั้งหลายสลายหายไป
ณ ขณะที่ฉันพิมพ์เล่าเรื่องอยู่นี้ ดิฉันยังอยู่ที่ที่ทำงาน รอบทสรุปของชีวิตการทำงานในองค์กรที่ฉันรัก ซึ่งดิฉันจะมาเล่าให้ทุกท่านทราบในตอนต่อไป
หากท่านใดมีความคิดเห็นหรือคำแนะนำในเบื้องต้นสำหรับเรื่องราวตอนแรกของดิฉัน การพิมพ์ลง Pantip ครั้งแรกของดิฉันสามารถเสนอะแนะได้เลยค่ะ
น้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกท่านค่ะ