ติดตามทริปอื่นๆได้ที่
ทริปBogota, Columbia:
https://ppantip.com/topic/36993830
ก่อนแรกเลยต้องสวัสดีทุกๆคนที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผมนะครับ
กระทู้นี้เป็นกระทู้อันแรกที่ผมจะเขียนเลย ยังไงมีคำวิจารณ์ในการปรับปรุงสามารถคอมเม้นมาได้เลยนะครับ
ผมชื่อเดฟนะครับ เป็นเจ้าของเพจ “ไปแรดไหนดี” ในเฟซบุ๊คสามารถติดตามกันได้นะครับ
นี่ลิ้งค์ของผมนะครับ
https://www.facebook.com/pairadnhaidee
แล้วผมก็เป็นคนชอบเที่ยวมากๆ ภายในหนึ่งปีก็จะพยายามจัดหาที่เที่ยวทั้งในประเทศไทยและนอกประเทศอยู่เสมอๆ
ครั้งนี้ผมได้ไปประเทศฟินแลนด์และไอซ์แลนด์ ต้องขอบอกเลยว่าสนุกและตื่นตาตื่นใจมากๆ ผมเป็นคนชอบธรรมชาติมากๆคนนึง
แต่สำหรับในกระทู้นี้ ผมจะเล่าประสบการณ์ ความคิดเห็นและแนะนำสำหรับใครที่สนใจจะไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์นะครับ
งั้นมาเริ่มต้นไปผจญภัยพร้อมผมกันได้เลยครับ! ^^
ในทริปครั้งนี้มีผู้ร่วมผจญความลำบากคือ ครอบครัวของผมเองครับ ประกอบไปด้วยคุณพ่อ คุณแม่ น้องชายและตัวผม รวมเป็น 4 คนครับ
ผมไปในช่วง 5 มีนาคม 2017 – 11 มีนาคม (ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไปเที่ยวประเทศฟินแลนด์ ยังไงรอติดตามได้นะครับ)
อากาศถือว่าหนาวกำลังดี มีหิมะบ้าง ที่ตอบว่าหนาวไม่มาก อาจจะเป็นเพราะผมไปเที่ยวประเทศฟินแลนด์มาแล้วมันหนาวมากชะเอิงเอย เกือบตายที่ประเทศนี้แล้วครับ ฮ่าๆๆๆ พอมาไอซ์แลนแล้วรู้สึกว่าหนาวกำลังดี อยู่ที่อุณภูมืประมาณ 5 ถึง 1 องศาครับ
การทำวีซ่า
ของผมทำกับ VFS ตั้งอยู่ตรงสถานีนานาครับ สำหรับคนที่จะเที่ยวประเทศอื่นนอกเหนือจากไอซ์แลนด์ด้วย ต้องดูว่าอยู่ประเทศอะไรนานที่สุดถึงจะยื่นคำขอกับประเทศนั้นครับ แต่ถ้าจะเที่ยวแค่ประเทศไอซ์แลนด์ ไอซ์แลนด์ใช้วีซ่าเชงเก้นเช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศในสหภาพยุโรป แต่ในประเทศไทยไม่มีสถานฑูตไอซ์แลนด์ตั้งอยู่การขอวีซ่าจึงต้องไปขอที่สถานฑูตเดนมาร์ก
http://vfsglobal-denmark.com/thailand/thai/index.html
การเตรียมตัวเรื่องเสื้อผ้า
ถ้าถามเรื่องการเตรียมตัวนะครับ เรื่องเสื้อหนาวต้องอยู่ที่ว่าแพลนจะไปช่วงไหนกัน ถ้าไปช่วง
สามารถเช็คสภาพอากาศได้ที่เว็บนี้เลยนะครับ
http://en.vedur.is
ตอนที่ผมไปผมรู้สึกว่าไม่หนาวมาก ไปอ่านตามเว็บไซด์ พูดซะน่ากลัวเลยว่าต้องใส่โน่นนี่ 4-5ชั้น เอาเข้าจริงใส่แค่ ลองจอนด์แล้วก็เสื้อหนาวแค่นี้เองครับ ผมเป็นคนชอบหนาวด้วยมั้งครับเลยไม่ได้ใส่อะไรเยอะแยะ แต่ทางที่ดีเตรียมเสื้อผ้าไว้เยอะๆก็ดีครับ ดีกว่าขาดเหลือ
เรื่องเงิน
ประเทศไอซ์แลนด์ใช้เงินยูโรได้ แต่ก็มีสกุลเงินเป็นของตัวเองนั่นก็คือเงินโครน (Icelandic Krona) ซึ่งถ้าจะแลกเงินโครนจะต้องไปแลกที่ไอซ์แลนด์เท่านั้นนะครับเพราะเมืองไทยที่สืบๆมาไม่มีให้แลก ผมจึงแลกเงินยูโรไปประมาณนึงเพราะผมต้องไปฟินแลนด์ก่อน แล้วค่อยมาแลกเงินโครนที่ประเทศไอซ์แลนด์ ข้อแนะนำคือถ้าแลกที่สนามบินไอซ์แลนด์จะแพงกว่าถ้าแพลนว่าแลกไม่เยอะก็แลกไปเลยครับ เพราะว่าหายากอยู่พออออกนอกสนามบิน ผมแนะนำให้ใช้บัตรเครดิตดีกว่าครับ ถูกกว่าแลกเงินโครนด้วย แถมสะดวกสบายมาก เอาเงินสดไปไม่ต้องเยอะมากครับเพราะประเทศนี่ส่วนใหญ่ใช้บัตรเครดิตหมดเลยครับ ขนาดห้องน้ำยังมีที่ให้รู้ดบัตรเลยครับ 55555+
ความเห็นส่วนตัวนะครับ เป็นประเทศที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพงเลยทีเดียว พอๆกับประเทศอังกฤษเลยครับ ยังไงเวลากินข้าวหรือนอนโรงแรม ทำใจหน่อยนะครับ
เรื่องโทรศํพท์
ที่นี่มีซิมโทรศัพท์ให้ซื้อใช้ครับไม่ต้องกังวล ราคาแพคเกจก็เลือกตามวันที่เราจะอยู่ได้เลย ตอนผมลงที่สนามบิน Keflavik ผมงงมากว่าจะหาซื้อที่ไหน บอกเลยนะครับว่าให้ซื้อที่ร้านของชำในสนามบินได้เลยครับ ไปถามพนักงานได้เลย มันเป็นร้านของชำภายในก็มีร้าน dunkin donutด้วย ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะขายซิม แต่เขาขายครับ ฮ่าๆๆ สำหรับคนที่ใช้ไอโฟนก็ขอขลิบนีบกระดาษจากพนักงานได้เลย
เรื่องการเช่ารถ
ก็มีหลายบริษัทเลยครับ ผมเลือกที่จะใช้บริษัทที่มีอยู่ในสนามบินเลย รู้สึกมั่นใจสุดไม่ต้องกังวลหาว่ามันอยู่แถวไหน มีบริษัท Europa, Hertz และ Budget และอื่น ทริปในครั้งนี้ผมเลือก Budget เพราะว่าราคา ชนาด เหมาะสมกับเราที่สุด ทริปนี้ผมไม่ได้เลือกเป็นรถบ้านหรือรถที่สามารถนอนได้ครับ เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านมีอายุแล้ว นอนโรงแรมจึงสะดวกที่สุดครับ
ผมได้จองรถผ่านเว็บไซด์ www.rentalcars.com ซึ่งสำหรับผม ผมว่าโอเลยนะ เพราะมันจะมีหลายตัวเลือกหลายๆคันจากหลายบริษัทมาให้เลือก
ส่วรเรื่องประกันรถยนต์นี่สำคัญมาก เพราะถ้าซื้อไว้มันก็ทำให้เราโล่งใจดีครับ อีกทั้งประเทศไอซ์แลนด์มีสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน และลมแรงมาก ทำให้เปอเซนต์ในการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง อีกทั้งถ้าขับรถในช่วงฤดูหนาว ถนนก็จะลื่นเพราะหิมะ. ฤดูร้อนจะมีลมพายุร้อนที่พัดพาทรายและก้อนหินทำให้รถยนต์สามารถสีลอกได้ อีกทั้งลมแรงๆ เวลาเปิดปิดประตูทำให้ประตูรถยนต์สามารถพังได้ ดังนั้นต้องเปิดปิดอย่างระมัดระวังเมือ่มีลมแรงๆนะครับ ค่าเสียหายแต่ละอย่างนี่หลักหมื่นทั้งนั้นนะครับ เป็นห่วง
ถ้าคุณซื้อประกันผ่านทางเว็บไซด์บริษัทตัวกลางเหมือนผม ข้อดีคือมันจะถูกกว่าประกันที่ซื้อโดยตรงกับบริษัทรถที่คุณจะเช่าค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว แต่ข้อเสียก็คือเมื่อคุณเกิดประสบอุบัติเหต คุณจะต้องออกเงินไปก่อน แล้วมาทำเรื่องกับบริษัทเว็บไซด์ที่คุณใช้บริการทีหลัง ซึ่งอาจจะใช้เวลาในการยื่นเรื่อง ทำให้บางคนจิตตกกันเยอะนั่งกังวลว่าจะได้เงินค่าประกันไหม แต่ที่ผมได้ยินมาแทบจะทุกคนก็ได้เงินคืนกันหมดครับ แต่ถ้าไม่อยากเสียสุขภาพคิดมากก็แนะนำซื้อประกันกับบริษัทรถที่เช่าโดยตรงเลย
การขับรถในไอซ์แลนด์ไม่ยากเลยครับ มีป้ายบอกตลอดทาง ยิ่งถ้ามีgoogle map หรือ navigatorก็สบายเลยครับ ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงแน่นอน
แสงเหนือออรอร่า
ให้จำไว้เลยถ้า มีทองฟ้าและฝนตก ต้องทำใจนะครับว่าจะไม่เห็นแสงเหนือ
ในการตามล่า ให้โหลดแอ๊บ aurora ที่มีไอค้อนเป็นสีม่วง มันจะแสดงถึง KP ในบริเวณที่คุณอยู่ว่ามีโอกาสเจอแสงเหนือไหม ถ้ายิ่ง KP เยอะ แปลว่ามีโอกาสสูงที่จะได้เจอ
ส่วนคนที่คิดจะตามล่าจริงๆ ให้ใช้เว็บนี้ ร่วมไปด้วยนะครับ
http://en.vedur.is/weather/forecasts/aurora/
จะเป็นรูปแผนที่ประเทศไอซ์แลนด์เลย ตรงไหนที่มีสาวแสดงว่าฟ้าโปร่ง มีโอกาสเห็นสูง
วิธีสังเกตุว่าแสงเหนือจะโผล่มาที่ไหน ให้คอยดูท้องฟ้าไว้ ถ้าเราเริ่มเห็นเส้นขาวๆเป็นแนวยาวดูผิดปกติ นั่นแหละครับแสงเหนือจะโผล่ตรงนั้นเลยครับ จากเส้นยาวๆก็จะกลายเป็นแสงเหนือที่เป็นสีเขียว หรือฟ้า หรือส้ม แล้วแต่จะเห็นเลยครับ
ส่วนการถ่ายรูป ต้องใช้กล้องแบบดีถึงจะถ่ายติดครับ ไอฟงไอโฟนถ่าย จะยากมากกกนอกเสียจากว่าแสงออรอร่าแรงเวอร์มากอาจจะถ่ายติดได้
ปล. แสงเหนือมาแปปเดียว ยังไงเจอปุ้ปรีบถ่าย รีบดูดดื่มกับมันนะครับ 555+
ของผมกับครอบครัว ไมได้ตั้งใจจะล่าแสงเหนือ แต่บังเอิญเจอเองครับ
ค่าเสียหาย
ตั๋วเครื่องบิน: 31,000 บาท แต่ว่าผมบินไปเที่ยวที่ฟินแลนด์ก่อนแล้วค่อยบินมาลงที่ไอซ์แลนด์ ถ้าบินมาแค่ไอซ์แลนด์น่าจะราคาประมาณสองหมื่นบาทนะครับ ของผมสายการบิน Finnair
ค่าที่พัก: ตกคืนละ 3,000 -5,000 โดยนอน 4คนนะครับ มีทั้งใช้เว็บไซด์ airbnb และ agoda
ค่าอาหาร: ส่วนใหญ่ซื้อทำกินกันเอง แวะร้านอาหารบ้าง แนะนำให้กินกินที่ Reyjavik, Vik หรือ Hofn ทั้งทริปให้ไปเลยรวมๆแล้ว 20,000บาท
โอ๊ะ การซื้อ grocery ที่นี่ต้องดูเวลาเปิดปิดด้วยนะครับ ที่นี่ชอบปิดเร็ว ถ้าเราออกนอกเมือง grocery ก็จะไม่เยอะด้วย ยังไงซื้อตุนไว้ก่อนก็จะดีนะครับ เตือนด้วยความเป็นห่วง
ตัวอย่างเวลาเปิดปิดของ Grocery แห่งหนึ่งครับ (วันอาทิตย์ปิดเร็วมากกกกก)
ค่ารถ: 5 วัน ตกประมาณ 20,000 - 30,000 รวมประกันและค่าน้ำมัน
ปล. การเติมน้ำมันที่นี่เขาใช้บัตรเครดิตหรือไม่ก็ต้องไปซื้อบัตรของทางปั้มนะครับ แนะนำให้ใช้ปั้ม N1 หรือ Olis เพราะว่ามีปั้มเยอะ แต่ผมใช้ Orkan เพราะตอนแรกซื้อไปแล้ว555+ ปั้มน้อย แต่ว่าค่าน้ำมันถูกกว่า สองอันแรกนิดนึงครับ
ค่ากิจกรรม: Ice cave และ snow mobile
Ice cave + snow mobile = คนละ 10,000 บาท
รวมๆแล้วตกคนละ 56,000บาท ยังไม่รวมค่าโทรศัพท์และวีซ่านะคร้าบ
เรามาดูทริปในแต่ละวันของผมกันนะครับว่าเป็นอย่างไร ผมต้องบอกก่อนนะว่า ผมไม่ได้กะมาล่าแสงเหนือออรอร่านะครับ แต่โชคดีครับ ไปแล้วได้เห็นจ้า!
Day 1 Keflavik
วันแรกไมได้เที่ยวอะไรมากครับ เพราะว่าบินถึงสนามบินก็สี่โมงกว่าแล้ว เลยเลือกที่พักใกล้ๆสนามบินเลย
ระหว่างทางขับรถก็จะเจอวิวประมาณนี้
มีน้องมาไซส์มินิ อยู๋ตามทางด้วย น่ารักและเฟรนลี่มากกกกกกกกกกกกกก
Day 2 Pingvellir/Geysir/Gullfoss
บอกก่อนเลยนะครับว่าที่บ้านเฉยๆกับน้ำตกมากๆ เราเลยเลือกน้ำตกอันเด่นๆพอและเดินทางสะดวกๆเพราะเกรงใจคุณพ่อคุณแม่ครับ ท่านแก่แล้ว555+
ระหว่างทางก็ตื่นเต้นนะครับเพราะหิมะตก ระหว่างทางก็เจอรถล้มระหว่างทางด้วย ทำให้แอบหลอนนิดนึง 555+
ไม่ทันไรครับพอขับไปอีกสักพัก อยากจอดรถถ่ายรูป เราก็ขับเข้าไปจอดแต่ด๊นติดหิมะออกไม่ได้ครับ (ก่อนหน้านี้ขับรถติดหิมะที่ฟินแลนด์ติดอยู่ท่ามกลางคว่างปล่าวถึง2ชม. แต่รอดมาได้) แต่ครั้งนี้สบายหน่อย เพราะเริ่มรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร น้องชายขับถอยไปถอยมาจนหลุดออกจากหลุมหิมะนั้นได้
พอขับไปเรือ่ยๆก็จะเห็นป้ายบอกไป Pingvellir
เราก็แวะจอดที่ลาดจอดรถ และแล้วเราก็งงว่าเห็นมีคนไปจ่ายค่าจอดรถกัน แต่เราไม่ได้จ่ายครับเพราะคิดว่าไม่น่าเกี่ยวกัน น่าจะสำหรับคนที่จอดรถนานๆ
และที่นี่ตกใจมาก เพราะว่าผมและที่บ้านอยากจะเข้าห้องน้ำกัน แต่ว่าห้องน้ำที่ Pingvellir ต้องเสียค่าเสียหายคนละ 150บาทในการใช้ห้องน้ำ โดยมีเครื่องให้รู้ดบัตรเครดิตด้วยครับ เลยไม่เอาครับ แพงเกิน เดี่ยวอดไปเข้าอีกที่แทน
ภายในวิทยานแห่งนี้ ผมว่าสวยเลยนะครับ
สถานที่แรกที่เราแวะชมก็คือ Pingvellir national park
Strokkur Geysir
คือมันจะมีน้ำพุโผล่มานะครับ ทุกๆ5-10นาที พอดีขี้เกียจรอหนะครับเลยได้รูปมาแค่นี้ เพราะว่าเราได้วีดีโอตอนมันพุ่งออกมาแว้ว
ปล. ถ้าจะกินอาหารที่นี่ ส่วนตัวผมว่าราคาแพงเวอร์ เลยไปอีกนิดขับไปกินที่ Gullfoss จะถูกกว่า รวมถึงของฝากด้วยครับ มีของเยอะกว่าและถูกกว่าด้วย
[CR] รีวิวไอซ์แลนด์ 5 วัน เที่ยวเองกับครอบครัว (iceland review)
ติดตามทริปอื่นๆได้ที่
ทริปBogota, Columbia: https://ppantip.com/topic/36993830
ก่อนแรกเลยต้องสวัสดีทุกๆคนที่เข้ามาอ่านกระทู้ของผมนะครับ
กระทู้นี้เป็นกระทู้อันแรกที่ผมจะเขียนเลย ยังไงมีคำวิจารณ์ในการปรับปรุงสามารถคอมเม้นมาได้เลยนะครับ
ผมชื่อเดฟนะครับ เป็นเจ้าของเพจ “ไปแรดไหนดี” ในเฟซบุ๊คสามารถติดตามกันได้นะครับ
นี่ลิ้งค์ของผมนะครับ https://www.facebook.com/pairadnhaidee
แล้วผมก็เป็นคนชอบเที่ยวมากๆ ภายในหนึ่งปีก็จะพยายามจัดหาที่เที่ยวทั้งในประเทศไทยและนอกประเทศอยู่เสมอๆ
ครั้งนี้ผมได้ไปประเทศฟินแลนด์และไอซ์แลนด์ ต้องขอบอกเลยว่าสนุกและตื่นตาตื่นใจมากๆ ผมเป็นคนชอบธรรมชาติมากๆคนนึง
แต่สำหรับในกระทู้นี้ ผมจะเล่าประสบการณ์ ความคิดเห็นและแนะนำสำหรับใครที่สนใจจะไปเที่ยวประเทศไอซ์แลนด์นะครับ
งั้นมาเริ่มต้นไปผจญภัยพร้อมผมกันได้เลยครับ! ^^
ในทริปครั้งนี้มีผู้ร่วมผจญความลำบากคือ ครอบครัวของผมเองครับ ประกอบไปด้วยคุณพ่อ คุณแม่ น้องชายและตัวผม รวมเป็น 4 คนครับ
ผมไปในช่วง 5 มีนาคม 2017 – 11 มีนาคม (ซึ่งก่อนหน้านี้ผมไปเที่ยวประเทศฟินแลนด์ ยังไงรอติดตามได้นะครับ)
อากาศถือว่าหนาวกำลังดี มีหิมะบ้าง ที่ตอบว่าหนาวไม่มาก อาจจะเป็นเพราะผมไปเที่ยวประเทศฟินแลนด์มาแล้วมันหนาวมากชะเอิงเอย เกือบตายที่ประเทศนี้แล้วครับ ฮ่าๆๆๆ พอมาไอซ์แลนแล้วรู้สึกว่าหนาวกำลังดี อยู่ที่อุณภูมืประมาณ 5 ถึง 1 องศาครับ
การทำวีซ่า
ของผมทำกับ VFS ตั้งอยู่ตรงสถานีนานาครับ สำหรับคนที่จะเที่ยวประเทศอื่นนอกเหนือจากไอซ์แลนด์ด้วย ต้องดูว่าอยู่ประเทศอะไรนานที่สุดถึงจะยื่นคำขอกับประเทศนั้นครับ แต่ถ้าจะเที่ยวแค่ประเทศไอซ์แลนด์ ไอซ์แลนด์ใช้วีซ่าเชงเก้นเช่นเดียวกับหลายๆ ประเทศในสหภาพยุโรป แต่ในประเทศไทยไม่มีสถานฑูตไอซ์แลนด์ตั้งอยู่การขอวีซ่าจึงต้องไปขอที่สถานฑูตเดนมาร์ก
http://vfsglobal-denmark.com/thailand/thai/index.html
การเตรียมตัวเรื่องเสื้อผ้า
ถ้าถามเรื่องการเตรียมตัวนะครับ เรื่องเสื้อหนาวต้องอยู่ที่ว่าแพลนจะไปช่วงไหนกัน ถ้าไปช่วง
สามารถเช็คสภาพอากาศได้ที่เว็บนี้เลยนะครับ http://en.vedur.is
ตอนที่ผมไปผมรู้สึกว่าไม่หนาวมาก ไปอ่านตามเว็บไซด์ พูดซะน่ากลัวเลยว่าต้องใส่โน่นนี่ 4-5ชั้น เอาเข้าจริงใส่แค่ ลองจอนด์แล้วก็เสื้อหนาวแค่นี้เองครับ ผมเป็นคนชอบหนาวด้วยมั้งครับเลยไม่ได้ใส่อะไรเยอะแยะ แต่ทางที่ดีเตรียมเสื้อผ้าไว้เยอะๆก็ดีครับ ดีกว่าขาดเหลือ
เรื่องเงิน
ประเทศไอซ์แลนด์ใช้เงินยูโรได้ แต่ก็มีสกุลเงินเป็นของตัวเองนั่นก็คือเงินโครน (Icelandic Krona) ซึ่งถ้าจะแลกเงินโครนจะต้องไปแลกที่ไอซ์แลนด์เท่านั้นนะครับเพราะเมืองไทยที่สืบๆมาไม่มีให้แลก ผมจึงแลกเงินยูโรไปประมาณนึงเพราะผมต้องไปฟินแลนด์ก่อน แล้วค่อยมาแลกเงินโครนที่ประเทศไอซ์แลนด์ ข้อแนะนำคือถ้าแลกที่สนามบินไอซ์แลนด์จะแพงกว่าถ้าแพลนว่าแลกไม่เยอะก็แลกไปเลยครับ เพราะว่าหายากอยู่พออออกนอกสนามบิน ผมแนะนำให้ใช้บัตรเครดิตดีกว่าครับ ถูกกว่าแลกเงินโครนด้วย แถมสะดวกสบายมาก เอาเงินสดไปไม่ต้องเยอะมากครับเพราะประเทศนี่ส่วนใหญ่ใช้บัตรเครดิตหมดเลยครับ ขนาดห้องน้ำยังมีที่ให้รู้ดบัตรเลยครับ 55555+
ความเห็นส่วนตัวนะครับ เป็นประเทศที่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างแพงเลยทีเดียว พอๆกับประเทศอังกฤษเลยครับ ยังไงเวลากินข้าวหรือนอนโรงแรม ทำใจหน่อยนะครับ
เรื่องโทรศํพท์
ที่นี่มีซิมโทรศัพท์ให้ซื้อใช้ครับไม่ต้องกังวล ราคาแพคเกจก็เลือกตามวันที่เราจะอยู่ได้เลย ตอนผมลงที่สนามบิน Keflavik ผมงงมากว่าจะหาซื้อที่ไหน บอกเลยนะครับว่าให้ซื้อที่ร้านของชำในสนามบินได้เลยครับ ไปถามพนักงานได้เลย มันเป็นร้านของชำภายในก็มีร้าน dunkin donutด้วย ตอนแรกคิดว่าไม่น่าจะขายซิม แต่เขาขายครับ ฮ่าๆๆ สำหรับคนที่ใช้ไอโฟนก็ขอขลิบนีบกระดาษจากพนักงานได้เลย
เรื่องการเช่ารถ
ก็มีหลายบริษัทเลยครับ ผมเลือกที่จะใช้บริษัทที่มีอยู่ในสนามบินเลย รู้สึกมั่นใจสุดไม่ต้องกังวลหาว่ามันอยู่แถวไหน มีบริษัท Europa, Hertz และ Budget และอื่น ทริปในครั้งนี้ผมเลือก Budget เพราะว่าราคา ชนาด เหมาะสมกับเราที่สุด ทริปนี้ผมไม่ได้เลือกเป็นรถบ้านหรือรถที่สามารถนอนได้ครับ เพราะว่าคุณพ่อคุณแม่ท่านมีอายุแล้ว นอนโรงแรมจึงสะดวกที่สุดครับ
ผมได้จองรถผ่านเว็บไซด์ www.rentalcars.com ซึ่งสำหรับผม ผมว่าโอเลยนะ เพราะมันจะมีหลายตัวเลือกหลายๆคันจากหลายบริษัทมาให้เลือก
ส่วรเรื่องประกันรถยนต์นี่สำคัญมาก เพราะถ้าซื้อไว้มันก็ทำให้เราโล่งใจดีครับ อีกทั้งประเทศไอซ์แลนด์มีสภาพอากาศที่ไม่แน่นอน และลมแรงมาก ทำให้เปอเซนต์ในการเกิดอุบัติเหตุค่อนข้างสูง อีกทั้งถ้าขับรถในช่วงฤดูหนาว ถนนก็จะลื่นเพราะหิมะ. ฤดูร้อนจะมีลมพายุร้อนที่พัดพาทรายและก้อนหินทำให้รถยนต์สามารถสีลอกได้ อีกทั้งลมแรงๆ เวลาเปิดปิดประตูทำให้ประตูรถยนต์สามารถพังได้ ดังนั้นต้องเปิดปิดอย่างระมัดระวังเมือ่มีลมแรงๆนะครับ ค่าเสียหายแต่ละอย่างนี่หลักหมื่นทั้งนั้นนะครับ เป็นห่วง
ถ้าคุณซื้อประกันผ่านทางเว็บไซด์บริษัทตัวกลางเหมือนผม ข้อดีคือมันจะถูกกว่าประกันที่ซื้อโดยตรงกับบริษัทรถที่คุณจะเช่าค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว แต่ข้อเสียก็คือเมื่อคุณเกิดประสบอุบัติเหต คุณจะต้องออกเงินไปก่อน แล้วมาทำเรื่องกับบริษัทเว็บไซด์ที่คุณใช้บริการทีหลัง ซึ่งอาจจะใช้เวลาในการยื่นเรื่อง ทำให้บางคนจิตตกกันเยอะนั่งกังวลว่าจะได้เงินค่าประกันไหม แต่ที่ผมได้ยินมาแทบจะทุกคนก็ได้เงินคืนกันหมดครับ แต่ถ้าไม่อยากเสียสุขภาพคิดมากก็แนะนำซื้อประกันกับบริษัทรถที่เช่าโดยตรงเลย
การขับรถในไอซ์แลนด์ไม่ยากเลยครับ มีป้ายบอกตลอดทาง ยิ่งถ้ามีgoogle map หรือ navigatorก็สบายเลยครับ ไม่ต้องกังวลว่าจะหลงแน่นอน
แสงเหนือออรอร่า
ให้จำไว้เลยถ้า มีทองฟ้าและฝนตก ต้องทำใจนะครับว่าจะไม่เห็นแสงเหนือ
ในการตามล่า ให้โหลดแอ๊บ aurora ที่มีไอค้อนเป็นสีม่วง มันจะแสดงถึง KP ในบริเวณที่คุณอยู่ว่ามีโอกาสเจอแสงเหนือไหม ถ้ายิ่ง KP เยอะ แปลว่ามีโอกาสสูงที่จะได้เจอ
ส่วนคนที่คิดจะตามล่าจริงๆ ให้ใช้เว็บนี้ ร่วมไปด้วยนะครับ
http://en.vedur.is/weather/forecasts/aurora/
จะเป็นรูปแผนที่ประเทศไอซ์แลนด์เลย ตรงไหนที่มีสาวแสดงว่าฟ้าโปร่ง มีโอกาสเห็นสูง
วิธีสังเกตุว่าแสงเหนือจะโผล่มาที่ไหน ให้คอยดูท้องฟ้าไว้ ถ้าเราเริ่มเห็นเส้นขาวๆเป็นแนวยาวดูผิดปกติ นั่นแหละครับแสงเหนือจะโผล่ตรงนั้นเลยครับ จากเส้นยาวๆก็จะกลายเป็นแสงเหนือที่เป็นสีเขียว หรือฟ้า หรือส้ม แล้วแต่จะเห็นเลยครับ
ส่วนการถ่ายรูป ต้องใช้กล้องแบบดีถึงจะถ่ายติดครับ ไอฟงไอโฟนถ่าย จะยากมากกกนอกเสียจากว่าแสงออรอร่าแรงเวอร์มากอาจจะถ่ายติดได้
ปล. แสงเหนือมาแปปเดียว ยังไงเจอปุ้ปรีบถ่าย รีบดูดดื่มกับมันนะครับ 555+
ของผมกับครอบครัว ไมได้ตั้งใจจะล่าแสงเหนือ แต่บังเอิญเจอเองครับ
ค่าเสียหาย
ตั๋วเครื่องบิน: 31,000 บาท แต่ว่าผมบินไปเที่ยวที่ฟินแลนด์ก่อนแล้วค่อยบินมาลงที่ไอซ์แลนด์ ถ้าบินมาแค่ไอซ์แลนด์น่าจะราคาประมาณสองหมื่นบาทนะครับ ของผมสายการบิน Finnair
ค่าที่พัก: ตกคืนละ 3,000 -5,000 โดยนอน 4คนนะครับ มีทั้งใช้เว็บไซด์ airbnb และ agoda
ค่าอาหาร: ส่วนใหญ่ซื้อทำกินกันเอง แวะร้านอาหารบ้าง แนะนำให้กินกินที่ Reyjavik, Vik หรือ Hofn ทั้งทริปให้ไปเลยรวมๆแล้ว 20,000บาท
โอ๊ะ การซื้อ grocery ที่นี่ต้องดูเวลาเปิดปิดด้วยนะครับ ที่นี่ชอบปิดเร็ว ถ้าเราออกนอกเมือง grocery ก็จะไม่เยอะด้วย ยังไงซื้อตุนไว้ก่อนก็จะดีนะครับ เตือนด้วยความเป็นห่วง
ตัวอย่างเวลาเปิดปิดของ Grocery แห่งหนึ่งครับ (วันอาทิตย์ปิดเร็วมากกกกก)
ค่ารถ: 5 วัน ตกประมาณ 20,000 - 30,000 รวมประกันและค่าน้ำมัน
ปล. การเติมน้ำมันที่นี่เขาใช้บัตรเครดิตหรือไม่ก็ต้องไปซื้อบัตรของทางปั้มนะครับ แนะนำให้ใช้ปั้ม N1 หรือ Olis เพราะว่ามีปั้มเยอะ แต่ผมใช้ Orkan เพราะตอนแรกซื้อไปแล้ว555+ ปั้มน้อย แต่ว่าค่าน้ำมันถูกกว่า สองอันแรกนิดนึงครับ
ค่ากิจกรรม: Ice cave และ snow mobile
Ice cave + snow mobile = คนละ 10,000 บาท
รวมๆแล้วตกคนละ 56,000บาท ยังไม่รวมค่าโทรศัพท์และวีซ่านะคร้าบ
เรามาดูทริปในแต่ละวันของผมกันนะครับว่าเป็นอย่างไร ผมต้องบอกก่อนนะว่า ผมไม่ได้กะมาล่าแสงเหนือออรอร่านะครับ แต่โชคดีครับ ไปแล้วได้เห็นจ้า!
Day 1 Keflavik
วันแรกไมได้เที่ยวอะไรมากครับ เพราะว่าบินถึงสนามบินก็สี่โมงกว่าแล้ว เลยเลือกที่พักใกล้ๆสนามบินเลย
ระหว่างทางขับรถก็จะเจอวิวประมาณนี้
มีน้องมาไซส์มินิ อยู๋ตามทางด้วย น่ารักและเฟรนลี่มากกกกกกกกกกกกกก
Day 2 Pingvellir/Geysir/Gullfoss
บอกก่อนเลยนะครับว่าที่บ้านเฉยๆกับน้ำตกมากๆ เราเลยเลือกน้ำตกอันเด่นๆพอและเดินทางสะดวกๆเพราะเกรงใจคุณพ่อคุณแม่ครับ ท่านแก่แล้ว555+
ระหว่างทางก็ตื่นเต้นนะครับเพราะหิมะตก ระหว่างทางก็เจอรถล้มระหว่างทางด้วย ทำให้แอบหลอนนิดนึง 555+
ไม่ทันไรครับพอขับไปอีกสักพัก อยากจอดรถถ่ายรูป เราก็ขับเข้าไปจอดแต่ด๊นติดหิมะออกไม่ได้ครับ (ก่อนหน้านี้ขับรถติดหิมะที่ฟินแลนด์ติดอยู่ท่ามกลางคว่างปล่าวถึง2ชม. แต่รอดมาได้) แต่ครั้งนี้สบายหน่อย เพราะเริ่มรู้แล้วว่าต้องทำอย่างไร น้องชายขับถอยไปถอยมาจนหลุดออกจากหลุมหิมะนั้นได้
พอขับไปเรือ่ยๆก็จะเห็นป้ายบอกไป Pingvellir
เราก็แวะจอดที่ลาดจอดรถ และแล้วเราก็งงว่าเห็นมีคนไปจ่ายค่าจอดรถกัน แต่เราไม่ได้จ่ายครับเพราะคิดว่าไม่น่าเกี่ยวกัน น่าจะสำหรับคนที่จอดรถนานๆ
และที่นี่ตกใจมาก เพราะว่าผมและที่บ้านอยากจะเข้าห้องน้ำกัน แต่ว่าห้องน้ำที่ Pingvellir ต้องเสียค่าเสียหายคนละ 150บาทในการใช้ห้องน้ำ โดยมีเครื่องให้รู้ดบัตรเครดิตด้วยครับ เลยไม่เอาครับ แพงเกิน เดี่ยวอดไปเข้าอีกที่แทน
ภายในวิทยานแห่งนี้ ผมว่าสวยเลยนะครับ
สถานที่แรกที่เราแวะชมก็คือ Pingvellir national park
Strokkur Geysir
คือมันจะมีน้ำพุโผล่มานะครับ ทุกๆ5-10นาที พอดีขี้เกียจรอหนะครับเลยได้รูปมาแค่นี้ เพราะว่าเราได้วีดีโอตอนมันพุ่งออกมาแว้ว
ปล. ถ้าจะกินอาหารที่นี่ ส่วนตัวผมว่าราคาแพงเวอร์ เลยไปอีกนิดขับไปกินที่ Gullfoss จะถูกกว่า รวมถึงของฝากด้วยครับ มีของเยอะกว่าและถูกกว่าด้วย