เสมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย ทว่ามิได้เล็กน้อยเลย !!!!!!!
หัวใจที่สรุปหลักในการศึกษาปฎิบัติแห่งบวชพระพุทธศาสนาคือ
๑ ละสิ่งอันเป็นอกุศลทั้งปวง
๒ กระทำแต่สิ่งอันเป็นกุศล
๓ ทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส
นิวรณ์นั่นคืออกุศล
กุศลนั่นคือจิตอันปราศจากนิวรณ์ นั่นคือสัมมาสมาธิ
จิตจะบริสุทธิ์ผ่องใสได้ จิตนั้นต้องประกอบด้วยปัญญา ทั้งปัญญาในการละนิวรณ์ และปัญญาในการเห็นแจ้งในสัจจสภาวะธรรม เพื่อคลายความ
ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ เมื่อไร้ซึ่งความทุกข์ทั้งปวง จิตจึงบริสุทธิ์ผ่องใส
ดังนั้น ต้นทางคือต้องละนิวรณ์ มิใช่ไม่ละนิวรณ์ แค่นั่งดูนิวรณ์เฉยๆ แล้วกล่าวว่านั่นคือวิปัสสนา นั่งดูการเกิดดับของนิวรณ์แล้วจะเกิดการปล่อยวาง
สร้างความสับสนว่าการละนิวรณ์ คือการกดข่มกายใจ สร้างวลีแห่งความเข้าใจอันผิดๆแล้วเผยแพร่ออกไป สร้างความสับสนให้แก่สาธุชน
ให้สาธุชนผู้ศึกษาน้อยเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักในการปฎิบัติอันถูกต้องตามแนวทางที่พระบรมศาสดาทรงวางไว้
ผลเสียหายจากการไม่ละนิวรณ์
นิวรณ์นั้นคืออกุศล หากเกิดอกุศลแล้วไม่เพียรละ อกุศลทั้งหลายเหล่านั้นจะเกิดสั่งสมเป็น อนุสัย อนุสัยอันนอนเนื่องอยู่ใน จิตสัญญา
และอนุสัยที่นอนเนื่องนั้น จะฟุ้งขึ้นมาเมื่อถูกผัสสะอันมากระทบ แล้วอนุสัยนั้นจะเป็นตัวผลักดันให้ก่ออกุศลกรรมทั้งทางกาย วาจา ใจ ต่อไป
แล้วสั่งสมมากขึ้นไปเรื่อยๆ
เมื่อเกิดนิวรณ์แล้วไม่ละ เพราะเป็นการกดข่มกายใจ นั่นเป็นวิปัสสนา
นั่นจึงเป็นการย้อนแย้งกับพุทธพจน์อย่างชัดเจน
และเผยแพร่ออกไปได้อย่างไร ???!!!!!!!!!
นั่งดูนิวรณ์ โดยไม่ทำอะไร ย้อนแย้งกับพุทธพจน์ !!!!!!
หัวใจที่สรุปหลักในการศึกษาปฎิบัติแห่งบวชพระพุทธศาสนาคือ
๑ ละสิ่งอันเป็นอกุศลทั้งปวง
๒ กระทำแต่สิ่งอันเป็นกุศล
๓ ทำจิตให้บริสุทธิ์ผ่องใส
นิวรณ์นั่นคืออกุศล
กุศลนั่นคือจิตอันปราศจากนิวรณ์ นั่นคือสัมมาสมาธิ
จิตจะบริสุทธิ์ผ่องใสได้ จิตนั้นต้องประกอบด้วยปัญญา ทั้งปัญญาในการละนิวรณ์ และปัญญาในการเห็นแจ้งในสัจจสภาวะธรรม เพื่อคลายความ
ยึดมั่นถือมั่นในสิ่งทั้งปวง อันเป็นเหตุแห่งทุกข์ เมื่อไร้ซึ่งความทุกข์ทั้งปวง จิตจึงบริสุทธิ์ผ่องใส
ดังนั้น ต้นทางคือต้องละนิวรณ์ มิใช่ไม่ละนิวรณ์ แค่นั่งดูนิวรณ์เฉยๆ แล้วกล่าวว่านั่นคือวิปัสสนา นั่งดูการเกิดดับของนิวรณ์แล้วจะเกิดการปล่อยวาง
สร้างความสับสนว่าการละนิวรณ์ คือการกดข่มกายใจ สร้างวลีแห่งความเข้าใจอันผิดๆแล้วเผยแพร่ออกไป สร้างความสับสนให้แก่สาธุชน
ให้สาธุชนผู้ศึกษาน้อยเข้าใจผิดเกี่ยวกับหลักในการปฎิบัติอันถูกต้องตามแนวทางที่พระบรมศาสดาทรงวางไว้
ผลเสียหายจากการไม่ละนิวรณ์
นิวรณ์นั้นคืออกุศล หากเกิดอกุศลแล้วไม่เพียรละ อกุศลทั้งหลายเหล่านั้นจะเกิดสั่งสมเป็น อนุสัย อนุสัยอันนอนเนื่องอยู่ใน จิตสัญญา
และอนุสัยที่นอนเนื่องนั้น จะฟุ้งขึ้นมาเมื่อถูกผัสสะอันมากระทบ แล้วอนุสัยนั้นจะเป็นตัวผลักดันให้ก่ออกุศลกรรมทั้งทางกาย วาจา ใจ ต่อไป
แล้วสั่งสมมากขึ้นไปเรื่อยๆ
เมื่อเกิดนิวรณ์แล้วไม่ละ เพราะเป็นการกดข่มกายใจ นั่นเป็นวิปัสสนา
นั่นจึงเป็นการย้อนแย้งกับพุทธพจน์อย่างชัดเจน
และเผยแพร่ออกไปได้อย่างไร ???!!!!!!!!!